การเขียน Paragraph คืออะไร?
หลายท่านที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่โดยเฉพาะการเขียนนั้น Paragraph คือสิ่งแรกที่ท่านจำเป็นต้องเริ่มเรียนในคลาสเลยก็ว่าได้ เพราะการเขียน Paragraph นั้นจะเป็นตัวต่อยอดให้ท่านสามารถพัฒนาการเขียนไปในจุดที่สูงกว่าได้เช่นการเขียน Essay การเขียน Complaint การเขียน Report เป็นต้น
แล้วอะไรคือ Paragraph?
ง่ายๆ เลย Paragraph คือกลุ่มของประโยคที่ถูกเขียนขึ้นด้วยจุดประสงค์หรือหัวเรื่องเดียวกัน (Single Topic) นั่นเอง ซึ่งประโยคที่อยู่ใน Paragraph นั้นถูกเขียนขึ้นเพื่ออธิบายความคิดหลัก (main idea) ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆ
Paragraph จำเป็นต้องยาวหรือไม่? แล้วมีความยาวเท่าไรที่เหมาสม?
หลายคนคงสงสัยว่า Paragraph นั้นจำเป็นต้องมีความยาวเท่าไร และจำนวนประโยคที่เหมาะสมในการเขียน Paragraph นั้นอยู่ที่เท่าไร คำตอบอยู่ที่ หากเป็นการเขียนในเชิงวิชาการ (Academic Writing) นั้น จำนวนที่เหมาะสมสำหรับการเขียนในแต่ละ Paragraph จะอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 10 ประโยคยาว ซึ่งการขึ้นต้นในแต่ละ Paragraph นั้นก็มักจะทำการขึ้นย่อหน้า (Indent) เสมอ ในบทความหน้าติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับส่วนประกอบใน Paragraph ได้ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการเขียน Paragraph ได้มากขึ้น
ที่มา : https://www.britishcouncil.or.th/english/tips/what-is-a-paragraph-writing
5 เทคนิคการเขียน Paragraph แบบมืออาชีพ!
1. เขียนหัวข้อให้ถูกแบบฟอร์ม
ถึงแม้ว่าจะมีคำบอกว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากปก” แต่สุดท้ายแล้วเราก็มองปกก่อนอยู่ดี การเขียน Paragraph นี้ก็เช่นกัน เราจะต้องเลือกหัวข้อให้น่าสนใจและกระชับ อาจจะเป็นเพียงคำไม่กี่คำ วลีสั้นๆ หรือประโยคเต็มที่ไม่ยาวเกินไปก็ได้ แต่ว่าการขึ้นต้นหัวข้อน่ะ มีข้อแม้อยู่ว่าเราจะขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ก่อนทุกครั้งยกเว้น a/an/the, Verb to be และ preposition ที่ไม่ได้อยู่หน้าประโยค อาทิเช่น My Husband and His Characteristics หรือ Loneliness is Everyone’s Experiences เป็นต้น
2. เริ่มต้น Paragraph ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง!
ในการเขียน Paragraph นั้นเราก็จะต้องมีประโยค Hook เสียก่อน ซึ่งมันก็คือเจ้าประโยคที่ทำให้คนอ่านสนใจงานเขียนของเรานั่นเอง ทำหน้าที่คล้ายๆ กับคำนำเวลาเราเปิดหนังสืออ่านไงล่ะ เราอาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามเช่น Have you ever been lonely before? (เคยรู้สึกเหงาบ้างรึเปล่า?)
เห็นไหมว่าถ้าเราตั้ง Hook ขึ้นมาแบบนี้คนอ่านก็จะรู้ทันทีเลยว่าเราจะมาพูดถึงความเหงากันนะ หรืออาจจะขึ้นด้วยการเล่าเรื่องก็ได้ เช่น I was seven years old when I first met my husband. ประโยคประมาณนี้ก็ทำให้ทราบเช่นกันว่าเราจะเล่าประสบการณ์ที่เราอยากจะแชร์ เป็น Hook แบบที่น่าสนใจไม่แพ้คำถามเลย หรืออาจจะขึ้นด้วย Opinion ก็ไม่ผิดนะ เช่น Dogs are cuter than cats. คนอ่านก็จะทราบทันทีว่าเราจะเปรียบเทียบหมาและแมวใน Paragraph ของเรา
3. ใช้ประโยคชี้ชัดให้เห็นแนวทางไปเลยว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไรใน Paragraph นี้
สำหรับ Paragraph ในภาษาอังกฤษนั้นมักจะมีประโยคชี้แจงหรือ Topic Sentence แฝงอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าประโยคนี้มีประโยชน์มากๆ เลยทีเดียวล่ะ ถ้าเปรียบกับหนังสือเจ้าประโยคนี้ก็คล้ายๆ กับสารบัญที่จะมาแนะแนวทางว่าในเราจะพูดเกี่ยวกับอะไรและกี่หัวข้อ ขอยกตัวอย่างจากสามประโยคด้านบนก็แล้วกันนะ จะได้เห็นกันชัดๆ เช่น
Loneliness comes from three main reasons. There are…
He has four main characteristics.
The reasons why dogs are cuter are…
He has four main characteristics that I love. He is kind, warm, handsome and good at playing guitar.
นั่นแปลว่าในบทความที่เราจะเขียนนั้นเราจะไม่ออกนอกกรอบของสี่หัวข้อนี้ ซึ่งมันก็จะทำให้เราเขียนได้ Get to the point และครอบคลุมนั่นเอง
4. ใช้หลักการเดียวกับป้ายบอกทางเป็นวิธีที่ดีเลยล่ะ
อะไรคือหลักการเดียวกับป้ายบอกทางน่ะเหรอ? มันหมายความว่าเราในฐานะคนเขียนต้องบอกคนอ่านทุกครั้งว่าเราจะเปลี่ยนหัวข้อแล้วนะ ซึ่งคำจำพวกนี้ก็เรียกว่า Signal Word นั่นเอง ทำหน้าที่เหมือนกับป้ายบอกทางที่บอกให้รู้ว่าทางต่อไปที่เราจะไปคืออะไรอย่างไร ไม่รอช้ามาดูตัวอย่างกันเลย
“First, his kindness always makes me feel good.”
เรามักจะใช้คำว่า First สำหรับการกล่าวถึงประเด็นแรก แต่จริงๆ แล้วเราก็สามารถใช้คำอื่นหรือประโยคอื่นก็ได้เช่น Firstly, First of all, Let’s start with… หรือ Begin with… ก็แล้วแต่ชอบเลยนะ
ต่อมาเมื่อเราจะกล่าวถึงประเด็นต่อไปก็มีอีกหลายคำให้เลือกสรรนะ มาลองดูจากตัวอย่างกันเถอะ
“Next, he treats me warmly like I am a princess.”
ซึ่งคำว่า Next นั้นก็ใช้สำหรับเมื่อเราจะกล่าวถึงประเด็นต่อไปที่ไม่ใช่ประโยคแรก ซึ่งบางทีเราก็อาจจะเลือกใช้ Then, Moreover, In addition หรือ The second ก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ถ้าเราจะกล่าวถึงประเด็นสุดท้ายเราก็อาจจะใช้คำว่า Last, Lastly, Finally หรือ The last one ในตำแหน่งเดียวกับคำว่า Next ได้เลยนะ ตัวอย่างเช่น
“Lastly, his talent at guitar playing is amazing.”
หลังจากเราเขียนประโยคที่มีป้ายบอกทางหรือ Signal Words เรียบร้อยแล้วก็สามารถบรรยายรายละเอียดเพิ่มได้อีก 3-5 ประโยคนะ ซึ่งพอเขียนเสร็จเราก็จะได้เป็น Paragraph ที่มีความยาวกำลังดีเลยล่ะ
5. ทุกบทความจะต้องมีบทสรุป!
และสุดท้ายก็ขาดไม่ได้เลยสำหรับบทสรุปของบทความ ซึ่งการสรุปอย่างง่ายนั้นก็มีอยู่เช่นกัน เราจะเรียกวิธีนี้ว่าการ Restatement นั่นเอง วิธีการที่ว่านั้นก็คือแบบนี้
To sum up, my husband has four characteristics those are kind, warm, handsome and good at playing guitar.
วิธีการนี้ก็คือการนำเอาสิ่งที่เราเขียนใน Topic sentence มาเขียนซ้ำอีกครั้งเป็นการสรุปนั่นเอง
เป็นไงล่ะ? การเขียน Paragraph นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ แค่จำทริคแบบนี้เอาไว้และฝึกฝนเรื่อยๆ วันหนึ่งเราก็จะสามารถเขียนได้ flow แน่นอน!
ที่มา https://www.dailyenglish.in.th/writing-paragraphs-like-a-pro/