หน่วยการเรียนรู้ที่10
การบำรุงรักษารถยนต์
เนื้อหาสาระ
10.1 การบำรุงรักษาประจำวัน
10.1..1 การตรวจเช็กและการเติมน้ำมันเครื่อง
ดึงเหล็กวัดน้ำมันเครื่องออกมาเช็ดด้วยผ้าสะอาดแล้วใส่เหล็กวัดกลับเข้าไปใหม่ให้สุดดึงเหล็กวัดขึ้นมาตรวจดูระดับน้ำมัน ซึ่งควรจะอยู่ในระดับช่วงขีดของเหล็กวัด หากพบว่าระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าขีดที่กำหนดแล้ว ให้เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องซึ่งอยู่บนฝาครอบวาล์ว แล้วเติมน้ำมันเครื่องเข้าไปเพื่อให้ระดับน้ำมันขึ้นถึงช่วงขีดที่กำหนด ควรใช้เฉพาะน้ำมันที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำมันที่แตกต่างจากที่กำหนดให้และควรหลีกเลี่ยงการใช้นำมันต่างยี่ห้อผสมรวมกัน หลังจากเติมน้ำมันแล้วให้ปิดฝาเติมน้ำมันให้แน่น
10.1.2 การตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็น
โดยทั่วไปถังพักน้ำหล่อเย็นจะติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์เย็นระดับน้ำหล่อเย็นในถังพักควรอยู่ในระหว่าง “LOW” และ “FULL” การเติมน้ำหม้อน้ำโดยปกติระบบน้ำหล่อเย็นเป็นระบบปิด จะไม่มีการสูญเสียในส่วนของน้ำหม้อน้ำ ถ้าน้ำหม้อน้ำลดลงนั้น อาจเกิดจากการรั่วขึ้นที่ระบบต้องทำการตรวจเช็ก ถ้าระดับน้ำต่ำกว่า “LOW” ในส่วนของถังพักหม้อน้ำให้ทำการเติมน้ำหม้อน้ำที่ถังพัก ดังนั้น ถ้าถังพักน้ำระดับน้ำแห้งให้ทำการเปิดฝาหม้อน้ำ และทำการเติมน้ำหม้อน้ำจนกระทั่งถึงคอหม้อน้ำ
10.1.3 น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ
ในน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีส่วนผสมของสารเอทีลีนไกลคอล และสารป้องกันการกัดกร่อน ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันการกัดกร่อนชิ้นส่วนของระบบน้ำหล่อเย็น น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำสามารถป้องกันการกัดกร่อนและการเกิดสนิมกับชิ้นส่วนที่เป็นโลหะและอลูมิเนียมผสม เช่น ฝาสูบ ปั้มน้ำ เป็นต้น และป้องกันการเกิดตะกรันในหม้อน้ำอันเป็นสาเหตุให้มีการอุดตันในช่องทางน้ำหล่อเย็นและระบบหล่อเย็น โดยใช้สัดส่วนความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำกับน้ำตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด
10.1.4 น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ ถ้าน้ำมันเกียร์มีไม่เพียงพอหรือมีมากเกินไปจะเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้เกียร์เกิดความเสียหายขึ้นได้ ดังนั้นควรทำการตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์ โดยใช้เหล็กวัดที่อยู่ที่ฝาปิดที่เติมน้ำมันเกียร์
10.1.5 ระดับน้ำฉีดล้างกระจก ทำการตรวจเช็กที่ลูกลอย (A) ให้อยู่ระหว่าง “FULL” และ “EMPTY” ในท่อเติมน้ำ ถ้าระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าให้ทำการเติมน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนด
10.1.6 น้ำมันเบรกและน้ำมันคลัตช์
การตรวจเช็กระดับน้ำมันเบรกในกระปุกน้ำมันเบรก ควรอยู่ระหว่างขีด “MAX” และ “MIN” บนกระปุกน้ำมันเบรก ระดับน้ำมันเบรกจะลดลงที่ละน้อยๆ ตามสภาพการสึกของผ้าเบรก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการผิดปกติแต่ถ้าระดับน้ำมันเบรกลดลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ แสดงว่ามีการรั่วในอุปกรณ์ระบบเบรก น้ำมันเบรกเป็นแบบไฮโกรสโคฟิค (Hygroscopic) ถ้ามีความชื้นในน้ำมันเบรกมากเกินไปจะมีผลเสียต่ออุปกรณ์ของระบบเบรก และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเบรกลดน้อยลง กระปุกน้ำมันเบรกมีฝาปิดแบบพิเศษเพื่อป้องกันมิให้อากาศเข้า จึงไม่ควรเปิดทิ้งไว้อย่างเด็ดขาดและภายในรถจะมีสัญญาณไฟเตือนน้ำมันเบรกพร่อง โดยภายในกระปุกน้ำมันเบรกจะมีลูกลอยเมื่อน้ำมันเบรกลดลงถึงขีด ไฟเตือนน้ำมันเบรกบกพร่องจะติดขึ้น
10.1.7 น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเพาเวอร์ในกระปุกน้ำมัน ขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ในรอบเดินเบา โดยหมุนเปิดฝากระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์โดยเหล็กวัดระดับน้ำมันจะติดอยู่ด้านล่างของฝาปิด ระดับน้ำมันจะต้องอยู่ระหว่างขีด “MAX” และ “MIN” ของเหล็กวัด
10.1.8 แบตเตอรี่
แบตเตอรี่มีความสำคัญมากในการช่วยให้การสตาร์ตเครื่อง และเก็บกระแสไฟสำหรับใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ตรวจเช็กระดับน้ำกรดในแบตเตอรี่ให้อยู่พอดีระหว่างขีดบน (UPPER) และขีดล่าง (LOWER) โดยบอกไว้ที่ด้านข้างแบตเตอรี่ หากพบว่าระดับน้ำกรดต่ำเกินไปให้เติมน้ำกลั่นจนได้ระดับพอดีและอย่าเติมน้ำกลั่นจนล้นหรือเกินขีดบน (UPPER) เพราะในขณะใช้งานน้ำกลั่นอาจจะล้นออกมาได้ ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่อย่างน้อยเดือนละครั้ง ตามสภาพการใช้งาน ส่วนแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งาน ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นและชาร์จไฟด้วย
10.2 การบำรุงรักษาตามระยะกำหนด
10.2.1 ไส้กรองอากาศ
การทำความสะอาดไส้กรองอากาศ โดยเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมดังต่อไปนี้
- เมื่อไส้กรองอากาศมีฝุ่นแห้งเกาะ ทำความสะอาดไส้กรองอากาศโดยใช้ลม(ตัวอย่างความดันลม ไม่เกิน 7 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ) เป่าจากด้านในไส้กรองออกมา พร้อมทั้งหมุนไส้กรองไปด้วจนกว่าจะทำความสะอาดได้ทั่วทั้งลูก อย่าใช้ลมเป่าที่ครีบด้านนอกของไส้กรอง เพราะลมจะดันฝุ่นละอองเข้าไปอยู่ที่ผิวด้านในซึ่งต้องการความสะอาดอยู่เสมอ
การทำความสะอาดเสื้อหม้อกรองอากาศ เช็ดทำความสะอาดภายในเสื้อและบริเวณขอบหม้อกรองอากาศ
10.2.2 ไส้กรองน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องมีขั้นตอนดังนี้
- ถ่ายน้ำมันเครื่องออกจากหม้อกรอง โดยการคลายสกรู ถ่ายออกมาประมาณ 15 มม. (1.5 ซม.) เพื่อให้น้ำมันเครื่องภายในหม้อกรองไหลลงสู่อ่างน้ำมันเครื่อง
- . ถอดไส้กรองน้ำมันเครื่อง โดยการใช้ประแจหม้อกรองจับหมุนไปทางซ้ายมือ
- ใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าสัมผัส เพื่อให้ไส้กรองน้ำมันเครื่องลูกใหม่สัมผัสได้สนิท
- ทาน้ำมันเครื่องบาง ๆ ที่โอริง แล้วใช้มือเปล่าหมุนไส้กรองน้ำมันเครื่องเข้าเกลียวจนกระทั่งแตะกับหน้าสำผัส หลังจากนั้น ให้ใช้ประแจหม้อกรองจับขันเข้าไปอีก 1 รอบ
10.2.3 ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง การเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง(เครื่องยนต์ดีเซล)มีขั้นตอนดังนี้
- ถอดไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการใช้ประแจหม้อกรองจับหมุนไปทางซ้ายมือ
- ใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าสัมผัสที่ฝาหม้อกรอง เพื่อให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่สัมผัสได้สนิท
- เติมน้ำมันดีเซลที่สะอาดให้เต็มเสื้อไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง, ทาน้ำมันเครื่องบาง ๆ ที่โอ-ริง และใช้มือเปล่าหมุนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าเกลียวจนกระทั่งโอ-ริง สัมผัสกับฝาหม้อกรอง หลังจากนั้นให้ใช้ประแจหม้อกรองจับขันเข้าไปอีก - รอบ
10.2.4 ไล่ลมออกจากระบบน้ำมันเชื้อเพลิง(เครื่องยนต์ดีเซล) โดยการขยับแกนปั้มมือ (บนหม้อแยกน้ำ) ขึ้น-ลงหลาย ๆ ครั้ง
10.2.5 เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถ่ายน้ำออกจากระบบหล่อเย็นโดยการเปิดก๊อกน้ำใต้หม้อน้ำและข้างเสื้อสูบ น้ำที่ใช้ในระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์ควรเป็นน้ำอ่อนที่สะอาด เช่น น้ำฝนหรือน้ำประปา
10.2.6 การตรวจเช็กระยะฟรีขาเหยียบคลัตช์โดยการกดขาเหยียบคลัตช์ด้วยมือจนกระทั่งรู้สึกมีแรงต้าน จากนั้นให้ตรวจเช็กระยะด้วยค่ามาตรฐาน (เช่น A.- ระยะฟรีขาคลัตช์ 4-13 มม.) ถ้าระยะฟรีขาเหยียบคลัตช์ไม่อยู่ในค่ามาตรฐาน ให้ทำการปรับตั้งใหม่ก่อนการใช้งาน
10.2.7 การตรวจสภาพยางและการสลับยาง
ตรวจเช็กการแตกร้าวและการฉีกขาดหรือ อื่นๆ ถ้ามีการตรวจพบปัญหาดังกล่าว ให้ทำการเปลี่ยนยางใหม่พร้อมกับตรวจเช็กการทิ่มตำของวัตถุที่ยางเส้นอื่นด้วย ในการใช้ยางที่สึกนั้น สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ทุกเวลา เพราะโอกาสลื่นไถลบนพื้นถนนที่แห้งและเปียกได้ในขณะขับ หรือเบรกควรเช็กความหน้า ของดอกยางไม่ควรต่ำกว่า 1.6 มม. ทุกๆ ส่วนของดอกยาง จุดในการตรวจเช็กการสึกหรอของดอกยางนั้นอยู่ 6 จุด ซึ่งหากพบว่า ค่าของการสึกหรอของดอกยางน้อยกว่าที่กำหนดไว้ ควรเปลี่ยนยางใหม่ตรวจเช็กการขันของน็อตล้อตามค่าแรงขันทุกตัวของทุกล้อ
10.2.8 การตรวจเช็กระยะดึงของเบรกมือ ดึงเบรกมือขึ้นให้สุดขณะดึงจะได้ยินเสียงดัง “คลิ๊ก” ซึ่งจำนวนฟันของคันเบรกมือสามารถเช็กได้จากเสียงของร่องฟันนี้ เสียงดังหนึ่งครั้งเท่ากับหนึ่งฟัน ดึงคันเบรกมือขึ้นให้สุด เพื่อเช็กจำนวนฟันที่ตัวเลือก ของคันเบรกมือร่องของมือจะต้องให้ได้ตามที่กำหนดไว้ ตัวอย่าง A.- ระยะดึงคันเบรกมือ = 5-7 คลิ๊ก (ใช้แรงดึงประมาณ 200 นิวตัน) หากระยะดึงของคันเบรกมือไม่อยู่ในค่ามาตรฐานที่กำหนดควรนำเข้ารับบริการปรับตั้ง รถที่ไม่ได้รับการปรับตั้งระยะเบรกมือ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ในขณะขับขี่
10.2.9 ใบปัดน้ำฝน ถ้าพบว่ากระจกหน้ามีฝุ่นละออกจับอยู่มาก ควรฉีดน้ำล้างกระจกก่นที่จะใช้งานปัดน้ำฝน เพราะมิฉะนั้นแจทำให้กระจกหน้าเป็นรอยได้
10.2.10 ความถ่างจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่ ถ้าไฮโดรมิเตอร์อ่านค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดแบตเตอรี่ได้เท่ากับ 1.28 ที่อุณหภูมิมาตรฐาน 20 OC (68 OF) แสดงว่าแบตเตอรี่ได้รับไฟชาร์จเต็มที่
10.2.11 การทำความสะอาดแบตเตอรี่ ถ้าขั้วแบตเตอรี่สกปรกหรือเป็นขี้เกลือ ให้ถอดหัววายแบตเตอรี่ออกแล้วล้างนัวสายและขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำอุ่นเช็ดให้แห้ง ทางหัวสายและขั้วแบตเตอรี่ด้วยจารบีหรือน้ำมันวาสลินแล้วขันน๊อตหัวสายแบตเตอรี่ให้แน่น ควรรักษาส่วนบนของแบตเตอรี่ให้สะอาดและตรวจดูว่าระบายที่ฝาจุกต้องไม่มีการอุดตัน
10.3 การบำรุงรักษาทั่วไป
10.3.1 การตรวจเช็กการรั่วของเชื้อเพลิง น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเครื่องและแก๊สไอเสีย ให้ตรวจดูใต้ท้องรถ เพื่อตรวจเช็กการรั่วหยดของน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเครื่องและแก๊สไอเสีย ถ้าตรวจพบรอยรั่วของน้ำมันเชื้อเพลิงห้ามติดเครื่องยนต์และรีบทำการซ่อมแซม
10.3.2 การตรวจเช็กการทำงานของหลอดไฟภายนอกและภายในรถ ให้ตรวจเช็กโดยเปิดสวิตช์ไฟใหญ่และสวิตช์ไฟต่างไฟๆ ว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ หากพบว่าเมื่อเปิดสวิตช์ไฟแล้ว ไฟไม่ติดอาจมีสาเหตุมาจากฟิวส์ขาด หลอดไฟขาด ดังนั้น ควรตรวจเช็กฟิวส์เป็นอันดับแรก ว่าขาดหรือไม่ จากนั้นให้ตรวจเช็กหลอดไฟ และถ้าหากตรวจดูแล้วว่าฟิวส์และหลอดไฟเป็นปกติแต่ไฟไม่ติดต้องนำรถเข้าตรวจเช็ก
10.3.3 การตรวจเช็กการทำงานมาตรวัด เกจวัด และไฟเตือนต่างๆ ติดเครื่องยนต์เพื่อตรวจเช็กการทำงานของมาตรวัด เกจวัด และไฟเตือนต่างๆ ว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ หากพบว่ามีสิ่งผิดปกติต้องทำการซ่อมแซม
10.3.4 การหล่อลื่นบานพับและสลักกลอนประตู ให้ตรวจเช็กบานพับและสลักกลอนประตูทั้งหมด หากจำเป็นต้องการทำการหล่อลื่น ควารทำความสะอาดเสียก่อน แล้วจึงใช้จารบีชนิดเอนกประสงค์ทาในส่วนที่ต้องการพอประมาณ
10.3.5 การเปลี่ยนฟิวส์ ตัวอย่างขั้นตอนการเปลี่ยนฟิวส์ มีดังนี้
10.3.5.1 ก่อนการเปลี่ยนฟิวส์ทุกครั้ง ควรบิดสวิทช์กุญแจในตำแหน่ง “LOCK”
10.3.5.2 เปิดกล่องฟิวส์
10.3.5.3 ดึงกล่องฟิวส์เข้าหาตัวและยกขึ้น เมื่อทำการถอด
10.3.5.4 ถอดตัวดึงฟิวส์ (B) จากฝากล่อง (A)
10.3.5.5 ทำการเช็กฟิวส์ แล้วทดสอบใช้งานได้หรือไม่ ถ้าระบบใดไม่ทำงานแต่ฟิวส์ปกตินั้นแสดงว่า อาจเกิดจากอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นที่เสียหาย ควรนำรถเข้าตรวจเช็ก
10.3.5.6 สอดฟิวส์ตัวใหม่ที่มีค่าความจุของฟิวส์ที่เหมือนกันเข้าในช่องใส่ฟิวส์ หากฟิวส์ใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้ได้ไม่นานแล้ว ขาดอีกควรรีบนำรถตรวจเช็กหาสาเหตุ ซึ่งอาจเกิดการลัดวงจรในระบบ และไม่ควรใช้ฟิวส์ที่มีขนาดค่าความจุมากกว่าที่กำหนดให้ เพราะอาจทำให้สายไฟร้อนจัดและเกิดไฟไหม้ได้
10.3.6 การเปลี่ยนหลอดไฟ ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนหลอดไฟ ควรปิดไฟก่อน เพื่อความปลดภัยไม่สควรใช้มือเปล่าจับที่ตัวหลอด เพราะคราบเหงื่อหรือคราบน้ำมันที่มือจะติดที่ตัวหลอดไฟ ดังนั้น เมื่อหลอดไฟร้อนก็จะระเหยเป็นไอ ทำให้เกิดเงาโคมไฟและทำให้กระจกโคมไฟพล่ามันไม่สว่าง
10.3.7 ตัวอย่างสัญลักษณ์ของระบบไฟฟ้ารถยนต์