ในการพัฒนาเว็บไซต์นั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ดี ซึ่งมีขั้นตอนที่ชัดเจนเป็นที่น่าเชื่อถือ โดยมี 6 กระบวนการ


1. การกําหนดวัตถุประสงค์และวางแผน (Site Objects and Planning) ขั้นตอนนี้ประกอบด้วย 4 ข้อย่อย คือ กําหนดวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเว็บไซต์ กําหนด กลุ่มเป้าหมายที่เข้าใช้เว็บไซต์ ศึกษากลยุทธ์เว็บไซต์คู่แข่ง และวางแผนพัฒนาเว็บไซต์ มีรายละเอียดดังนี้

1)กําหนดวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์มีวัตถุประสงค์ในการ พัฒนาแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น เพื่อเป็นแหล่งความรู้ประสบการณ์ เพื่อขายสินค้า เพื่อนําเสนอข้อมูล ข่าวสาร เพื่อเป็นชุมชนสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร เพื่อใช้เป็นระบบสารสนเทศ ขององค์กร


2)กําหนดกลุ่มเป้าหมายที่เข้าใช้เว็บไซต์ การกําหนดกลุ่มเป้าหมายให้กับเว็บไซต์ใน ทางการตลาดคือกลุ่มลูกค้าของเว็บไซต์ที่เราต้องการให้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้น ซึ่งการกําหนด กลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้การออกแบบเว็บไซต์มีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น การกําหนดกลุ่มเป้าหมายจาก Generation ของคนที่มีอุปนิสัย ความชอบที่แตกต่างกัน หรือผู้พิการทางสายตาที่ต้องการเว็บไซต์ ที่มีเสียงอธิบาย จากตัวอย่างจะเห็นว่าทําให้การออกแบบเว็บไซต์มีความชัดเจนมากขึ้น


3)ศึกษากลยุทธ์เว็บไซต์คู่แข่ง ปัจจุบันเว็บไซต์มีจํานวนมาก เว็บไซต์มีเนื้อหา วัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน จึงมีจํานวนมาก การศึกษาเว็บไซต์คู่แข่งจึงมีความสําคัญเพื่อให้รู้ถึงสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายเดียวกันสนใจมีอะไรบ้าง รูปแบบเป็นอย่างไร เพื่อนํามาออกแบบปรับปรุงให้มีความทันสมัยตรงกับความชอบ และอยู่เหนือคู่แข่ง ตัวอย่างสิ่งที่ต้องศึกษา ก่อนอื่นเลือกเว็บไซต์ ที่มีชื่อเสียงหรือการค้นหาด้วยคําค้น (Keywords) ที่สําคัญของ เว็บไซต์ เช่น เว็บไซต์บริษัทที่ช่วยอํานวยความสะดวกการเรียนต่อ ต่างประเทศ คําค้น คือ เรียนต่อต่างประเทศหรือเรียนต่อและตามด้วย ชื่อประเทศ หลังจากเลือกเว็บไซต์ที่เป็นคู่แข่งได้แล้วให้ดูเนื้อหา (Web Contents) หรือบริการอะไรบ้างที่มีความจําเป็นสําหรับ การให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นการออกแบบ User Interface ในการใช้งานเว็บไซต์ที่ปัจจุบันนั้นมีหน้าจอหลายขนาดสําหรับเข้าถึงเว็บไซต์


4)วางแผนพัฒนาเว็บไซต์ กําหนดระยะเวลาในการพัฒนา งบประมาณที่ใช้ ทีมงานพัฒนา เว็บไซต์ ภาษาที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ ฐานข้อมูลที่ใช้ การจดโดเมนเนม การเช่าโฮสติ้งสําหรับเก็บเว็บไซต์

 

2. การกําหนดเนื้อหาและจัดโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Content and Structure)

1)กําหนดเนื้อหาของเว็บไซต์ตามวัตถุประสงค์ คือ การกําหนดเนื้อหาและบริการต่าง ๆ โดยมีการศึกษาและเปรียบเทียบกับเว็บไซต์คู่แข่ง


2) จัดโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) คือ การนําเนื้อหาและบริการที่กําหนดมาจัดลําดับ ในการเข้าถึงเนื้อหานั้น ๆ หรือแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) เพื่อให้ทีมพัฒนาเข้าใจตรงกัน นอกจากนี้สิ่งที่ สําคัญมากคือ การกําหนดเนื้อหาในหน้าแรกของเว็บไซต์ต้องเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และตรงกับสิ่งที่เราต้องการนําเสนอ


3)การออกแบบเว็บไซต์ (Website Design) คือ การออกแบบเค้าโครงเว็บไซต์ และออกแบบ การจัดวางเนื้อหาต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปในแต่ละเว็บเพจเว็บไซต์จะมีการออกแบบอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือหน้าแรกที่ใช้แสดงเนื้อหาที่สําคัญหรือเป็นหัวข้อหลักและเว็บเพจหน้าอื่นๆ ที่จะแสดงเนื้อหาของหัวข้อในหน้านั้นเทคนิคเบื้องต้นในการออกแบบเว็บไซต์ก่อนออกแบบจริงเรียกว่า Wireframe เป็นการร่างหน้าเว็บขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมก่อนทําจริง ซึ่งเป็นการออกแบบเว็บไซต์ แบบ Responsive เพื่อรองรับหน้าจอหลายขนาด ในปัจจุบันมีความสําคัญมาก ดังนั้นการใช้ Wireframe เพื่อออกแบบเว็บไซต์สําหรับหน้าจออย่างน้อย 2 ขนาด คือ หน้าจอสมาร์ตโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์ 


4)การพัฒนาเว็บไซต์ (Website Development) การพัฒนาเว็บไซต์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ การออกแบบและการเขียนโปรแกรม ซึ่งต้อตกลง เรื่องรูปแบบการพัฒนาภาษาที่ใช้หรือชื่อตัวแปรฟังก์ชันที่ใช้เพราะต้องนํามารวมกันในภายหลัง ภาษาในการพัฒนาเว็บไซต์ ในส่วนของการออกแบบ เช่น HTML, CSS, JavaScript และภาษาในส่วนของการเขียนโปรแกรม เช่น PHP, ASP, ASP.net, C#, JSP, SQL โปรแกรมที่ใช้เขียนโปรแกรมเว็บ (Web Editor) เช่น Adobe Dreamweaver, Notepad++, Editplus, ATOM ในปัจจุบันมีผู้พัฒนา Framework ส่วนของการออกแบบ (Front-End) เช่น Bootstrap, Foundation, Angular และ Framework ส่วนของการ จัดการภายในเว็บ (Back-End) เช่น Symfony, Laravel, Codelgniter เป็นต้น การใช้งาน Framework มีข้อดี คือ ไม่ต้องสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น มีฟังก์ชันให้ใช้มากมาย ข้อเสียคือ บางฟังก์ชันไม่ได้ใช้งานจึงทําให้เว็บไซต์มีขนาดใหญ่และช้ากว่าเว็บไซต์ที่พัฒนาเอง

 

5)การเผยแพร่และส่งเสริมเว็บไซต์ (Website Publishing and Promote Website) ในครั้งแรกต้องมีการจดโดเมนเนม และอัปโหลดขึ้นเว็บ
โฮสติงที่เช่าไว้ โปรแกรมที่นิยมใช้ในการอัปโหลด หรือ FTP (File Transfer Protocol) ได้แก่ FileZilla และการส่งเสริมเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้ และเว็บไซต์สําหรับ แต่ถ้าขาดส่วนนี้จะทําให้ไม่มีผู้ใช้หรือกว่าผู้ใช้จะรู้จักเว็บไซต์ของเราจะใช้เวลานาน ดังนั้นวิธีง่าย ๆ ที่นิยมใช้ ค้นหา (Search Engine) มีความสําคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเว็บไซต์ต่อให้ทําออกมาสวยน่าใช้เท่าไร คือ การฝากลิงก์หรือป้ายโฆษณาตามเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง และการทํา SEO (Search Engine Optimization) คือ การทําเว็บไซต์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเว็บไซต์ เช่น โครงสร้างของ HTML เนื้อหาที่คิดขึ้นเอง เนื้อหา ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเนื้อหาใหม่ การใช้คําค้น (Keywords) แทรกไว้ในเนื้อหา และส่วนอธิบายใน HTMLซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานของเว็บที่มีคุณภาพ เป็นต้น

 

6)การดูแลและบํารุงรักษาเว็บไซต์ (Website Maintenance and Innovation) ในส่วนนี้ มีความสําคัญกับเว็บไซต์ที่เป็นเว็บแอปพลิเคชัน เมื่อใช้งานจริงจะมีปัญหาให้แก้อยู่เสมอ ในช่วงแรกต้องใช้ และค้นหาข้อผิดพลาดอย่างมาก ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการทดสอบระบบที่ไม่ละเอียด ไม่มากพอ หรือไม่ได้ทดสอบระบบตามที่ได้ออกแบบระบบไว้ และเมื่อข้อผิดพลาดหมดไปสิ่งที่ต้องทําอย่างสม่ําเสมอ คือ การปรับปรุงเนื้อหาหรือเปลี่ยนรูปแบบและเอฟเฟกต์ต่าง ๆ หน้าเว็บไซต์