ลิงค์เข้าห้องเรียนออนไลน์วิชาตะกร้อ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ
รหัสวิชา พ32204 ชื่อวิชา ตะกร้อ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 2 ชั่วโมง
ผู้สอน นายบุญโชค กลางประพันธ์ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
1. ชื่อหน่วย ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจและมีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา
มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกมและการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพของนักกีฬา
ตัวชี้วัดที่
1. เล่นกีฬาไทยและ กีฬาสากลอย่างละ 1 ชนิด โดยใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับตนเองและทีม
2. นำหลักการความรู้และทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬาไปใช้สร้างเสริมสุขภาพต่อเนื่องเป็นระบบ
3. ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรม และนำหลักความรู้วิธีการไปขยายผลการเรียนรู้ให้กลับผู้อื่น
3.จุดเน้นการพัฒนาผู้เรียน(วิเคราะห์จากตัวชี้วัด)
3.1 ด้านทักษะความสามารถ
3.1.2 มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง
3.1.3 มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต
3.1.4 มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
3.1.5 มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3.1.6 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
3.2 ด้านคุณลักษณะ
3.2.1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
3.2.2 ซื่อสัตย์สุจริต
3.2.3 มีวินัย
3.2.4 ใฝ่เรียนรู้
3.2.5 มุ่งมั่นในการทำงาน
3.2.6 มีจิตสาธารณะ
4. สาระสำคัญ
กีฬาเซปักตะกร้อ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับประวัติ ประโยชน์ วิธีการดูและรักษาอุปกรณ์เกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อเพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนเซปักตะกร้อต่อไป
5. สาระการเรียนรู้
5.1สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1.ประวัติความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อ
2. ประโยชน์ของกีฬาเซปักตะกร้อ
3. อุปกรณ์และสนามเซปักตะกร้อ
4. มารยาทการเป็นผู้เล่นและผู้ชมที่ดี
5. การดูแลรักษาอุปกรณ์กีฬาเซปักตะกร้อ
5.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น(ถ้ามี)
-
6. สมรรถนะสำคัญผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลการจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มุ่งมั่นในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
9. มีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
8. บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง/บูรณาการหลักสูตรอาเซียน/บูรณาการสิ่งแวดล้อม
8.1 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล ภูมิคุ้มกัน เงื่อนไขความรู้ ความสมดุล 4 มิติ (วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม)
8.2 หลักสูตรอาเซียน
การเชื่อมโยงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อสถานที่ร่างกายที่สมบูรณ์ของผู้คนเกิดจากการละเล่น กีฬา ประเภทต่าง ๆ
- การตระหนักว่าการแลกเปลี่ยนทางความคิดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อมีหลายวิธี เช่น ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันในแต่ละชุมชน
8.3 สิ่งแวดล้อม
การเล่นตะกร้อในชุมชนและท้องถิ่น ทำให้สุขภาพของผู้คน ส่วนหนึ่งจะถูกกำหนดโดยปัจจัยทางสภาพแวดล้อม
9. ลักษณะงาน
1. รายงานนำเสนอความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อและผลกระทบที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในประเทศแถบอาเซียน
10. ชิ้นงานหรือภาระงาน
1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ ในประเทศอาเซียน
11.การวัดประเมินผล
11.1 การวัดประเมินผลระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1) ประเมินความรู้ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ ในประเทศอาเซียน
2) ประเมินด้านเจตคติ
3) ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
การประเมินผลการเรียนรู้
1.ด้านความรู้ความเข้าใจ
2.ด้านเจตคติ
3.ด้านคุณลักษณะ
11.2 การวัดประเมินผลเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้
- ประเมินการนำเสนอความรู้ทั่วไปของกีฬาตะกร้อในอาเซียน
1. เนื้อหา
ข้อมูลเนื้อหาชัดเจน ถูกต้องและครอบคลุม
ข้อมูลเนื้อหาชัดเจน ถูกต้องและมีข้อผิดพลาดบ้าง
ข้อมูลเนื้อหาชัดเจนพอควร ถูกต้องและมีข้อผิดพลาด
ข้อมูลเนื้อหาไม่ชัดเจนและมีข้อผิดพลาด
2. การออกแบบ
ขนาด สีตัวอักษรเหมาะสม เนื้อหาไม่ แน่นเกินไป มีภาพประกอบและใช้เทคนิคที่เหมาะสม
ขนาด สีตัวอักษรเหมาะสม เนื้อไม่แน่นเกิน ไปมีภาพประกอบและใช้เทคนิค ไม่เหมาะสม
ขนาด สีตัวอักษรไม่เหมาะสม เนื้อหาแน่นเกินไป มีภาพประกอบบ้างและใช้เทคนิคไม่เหมาะสม
ขนาด สีตัวอักษรไม่เหมาะสม เนื้อหาแน่นเกินไป มีไม่ภาพประกอบ
ไม่มีเทคนิตการนำเสนอ
3. การใช้แหล่งข้อมูลที่เหมาะสม
มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเหมาะสม
มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย 3-4 แหล่ง
มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย น้อยกว่า 3 แหล่ง
ไม่มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่
4. การนำเสนอและรูปแบบการนำเสนอ
การนำเสนอและรูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ น่าติดตามมากที่สุด
การนำเสนอและรูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ น่าติดตาม
การนำเสนอและรูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ น่าติดตามบ้าง
การนำเสนอและรูปแบบการนำเสนอไม่น่าสนใจ ไม่น่าติดตาม
5. การรับฟังความคิดเห็น
รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในชั้นเรียนทุกคน
ร้อยละ 80 รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในชั้นเรียน
ร้อยละ 60 รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในชั้นเรียน
ร้อยละ 40 รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในชั้นเรียน
12.กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (15 นาที)
- ครูให้นักเรียนเข้าแถวหน้ากระดาน 2 แถว แถวหนึ่ง 6 คน แถวหนึ่ง 7 คน
( คุณธรรม – ภูมิคุ้มกัน)
- ครูสำรวจ เครื่องแต่งกายของนักเรียน (เหตุผล – ภูมิคุ้มกัน)
- นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาถึงเรื่องข้อตกลงเบื้องต้น ความรู้เกี่ยวกับ กีฬาเซปักตะกร้อ
( ความรู้ –ความเข้าใจ )
ขั้นสอน (30 นาที) ( ความรู้ –เหตุผล )
- ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำหน่วยการเรียนรู้
- ครูอธิบายความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ
- ประวัติและความเป็นมา
- ประโยชน์ของกีฬาเซปักตะกร้อ
- มารยาทของผู้เล่นผู้ดูที่ดี
- ดูแลรักษาอุปกรณ์กีฬาเซปักตะกร้อ
- นักเรียนซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหา
- ครูแจกใบความรู้ เกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ
13. เวลาเรียน/จำนวนชั่วโมง 2 ชั่วโมง
14. การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียน
14.1 ครูผู้สอนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการเตรียมการสอน/การจัดการเรียนรู้
เนื้อหา
- วิเคราะห์เนื้อหาออกแบบและจัดกิจกรรมสอดคล้องกับหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดของสาระการเรียนรู้
- ครูมีความรอบรู้ ในเรื่องความรู้ไปของกีฬาตะกร้อ
- มุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ แก้ปัญหาในงานกีฬาตลอดการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
- มุ่งให้ผู้นักเรียนมีความรู้เรื่องเรื่องความรู้ไปของกีฬาตะกร้อ
- สอนได้ตรงตามจุดประสงค์ของสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
- นำความรู้ไปเชื่อมโยงกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆได้อย่างเหมาะสม
เวลา
- จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเวลา วัยตาม ความสามารถและศักยภาพของผู้เรียน
- เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
-สามารถบริหารจัดการเวลาในการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ได้
วิธีการจัดกิจกรรม
- จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสม ความรู้ ความสามารถตามศักยภาพของผู้เรียน
- เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามมาตรฐานและตัวชี้วัด มีลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่หลัดสูตรกำหนด
- ออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เห็นคุณค่าการเชื่อมโยงโลกและท้องถิ่น
- มีการวางแผน บริหารจัดการกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ รอบคอบ
- จัดทำแผน สื่อ แบบวัดผล ประเมินผลที่เหมาะสมกับเนื้อหา
- กำหนด มอบหมายงานเพื่อให้นักเรียนเตรียมตัวล่วงหน้า
แหล่งเรียนรู้
-ใช้สื่อ แหล่งเรียนรู้ ที่หาได้มาใช้ได้อย่างเหมาะสม
-เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ให้ตรงกับเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่กำหนด
- ใช้แหล่งเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า
- จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนรู้ให้เพียงพอกับผู้เรียนและวิธีป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดการเรียนรู้
-จัดทำสื่อที่สอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อหา
สื่อ/อุปกรณ์
-เลือกใช้สถานที่ได้เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่
- ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลพิษให้แก่สังคม
- มีความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
การประเมินผล
-ตรงตามเนื้อหาสาระที่จัดการเรียนรู้
-เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ตรงตามตัวชี้วัด
-มีวิธีการวัดผล ประเมินผลที่ที่หลากหลายความรู้ที่จำเป็นต้องมี มีความรอบรู้ในหลักสูตร เนื้อหาสาระ ของกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัด ทักษะการคิดวิเคราะห์ เนื้อหาจากง่ายไปหายากมีความรอบคอบในการวางแผน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับนักเรียน รู้จักศักยภาพของนักเรียนปฏิบัติงานได้คุณภาพแก้ปัญหาและนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน
คุณธรรมของครู
-ให้ความเสมอภาคต่อนักเรียนเท่าเทียมกันทุกคน
-ให้ความเมตตาต่อศิษย์ มีเหตุมีผล มีความรับผิดชอบต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ใช้สติปัญญาในการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
-จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและไม่สร้างความแตกแยกในสังคมและชุมชน
-มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาผู้เรียนและตนเองให้เป็นคนดีของสังคม
14.2 ผลที่เกิดกับผู้เรียนสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
14.2.1 ผู้เรียนได้เรียนรู้หลักคิดและฝึกปฏิบัติตามหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังนี้
หลักพอเพียง
- ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องการแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมาย
- เรียนรู้การใช้วัสดุอุปกรณ์และงบประมาณที่มีอยู่อย่างประหยัดและคุ้มค่า
- ผู้เรียนเรียนรู้ในการทำกิจกรรม ภาระงานได้เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถตามวัยของผู้เรียน
- ผู้เรียนมีความรู้และเชื่อมโยงความรู้จากกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
- เสริมสร้างกระบวนการทำงาน การคิด การแก้ปัญหาในการทำงาน
- ผู้เรียนรู้จักเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างประหยัดและคุ้มค่า
- ให้ผู้เรียนมีการพัฒนาการตามวัยดูแลรักษาสุขภาพกายและจิตใจของตนเองได้
- ผู้เรียน สำรวจตนเองด้านการกิน อยู่ หลับนอน ออกกำลังกาย ในชีวิตประจำวันได้เหมาะสมตามสภาวะของสุขภาพที่จะเอื้ออำนวย
- ผู้เรียน ปรับตัวเข้ากับสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเป็นไปตามกติกา ระเบียบสังคม
- ผู้เรียน รู้ถึงความบกพร่อง เกณฑ์สมรรถภาพทางกายที่เป็นอยู่ ควรได้รับการพัฒนาเสริมสร้างให้ คงสภาพ หรือการดำรงอยู่ของชีวิตที่ยืนยาว
ความรู้
รอบรู้ รอบคอบในเรื่อง
ความรู้ไปของกีฬาตะกร้อ
มีเหตุผล ในการเลือกใช้แหล่งเรียนรู้ เพื่อการแสวงหาความรู้ได้อย่างเหมาะสม
นำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
คุณธรรม
มีความรับผิดชอบ ความอดทน ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย มุ่งมั่นในการทำงานอยู่อย่างพอเพียง
14.2.2 ผู้เรียนได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใน 4 มิติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้
วัตถุ
-การใช้วัสดุอุปกรณ์ในการศึกษาค้นคว้า
-การใช้แหล่งเรียนรู้อย่างเหมาะสม
-การทำงานเป็นทีมและความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม
การจัดบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องเหมาะสมไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
-ความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองและการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
ทักษะ
-เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการศึกษาค้นคว้าได้อย่างเหมาะสม
-เลือกใช้แหล่งเรียนรู้ในการสืบค้นข้อมูล
-การทำงานเป็นกลุ่มได้อย่างมีคุณภาพ
-มีทักษะในการสื่อสารระหว่างกันในกลุ่ม
-ใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างประหยัด คุ้มค่า เหมาะสม
รักษาสิ่งแวดล้อม
-การสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม
-ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
-ปฏิบัติตนตามบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ค่านิยม
-การใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างประหยัด คุ้มค่า
-การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสม
-มีความรับผิดชอบ
-มีระเบียบวินัย
-มุ่งมั่นในการทำงาน
-ตระหนักถึงการไม่ทำลายและรักษาสิ่งแวดล้อม
-การเรียนรู้ร่วมกัน
15. เกณฑ์การประเมินผล
15.1 ประเมินผลลัพธ์ (KPA) ที่เกิดกับผู้เรียนจากกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
-มีความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ อย่างคุ้มค่าและถูกวิธี
-การเลือกใช้แหล่งเรียนรู้อย่างเหมาะสม
-รู้จักแบ่งหน้าที่ รับผิดชอบในการทำงาน
-มีความรู้ในการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-มีความรับผิดชอบในการเรียนรู้ของตนเอง
ทักษะ
-มีทักษะการทำงานและสามารถเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ได้ถูกตามขั้นตอนอย่างคุ้มค่าและถูกต้อง
-มีทักษะในการเก็บและบำรุงรักษาอุปกรณ์
- เรียนรู้กระบวนการกลุ่มฝึกการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบทำให้ประสบความสำเร็จ
-ใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างประหยัด คุ้มค่า เหมาะสมรักษาสิ่งแวดล้อม
-การสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม
-ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
-ปฏิบัติตนตามบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ค่านิยม
-เห็นคุณค่าของวัสดุอุปกรณ์โดยใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่า
-การตัดสินใจเลือกศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย
-มีความรับผิดชอบ
-มีระเบียบวินัย
-มุ่งมั่นในการทำงาน
-ตระหนักถึงการไม่ทำลายและรักษาสิ่งแวดล้อม
-การเรียนรู้ร่วมกัน
ประวัติตะกร้อ
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า "ชิงลง"
ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
ทาง ประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนัง ปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไป เผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K'au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด
ประวัติตะกร้อในประเทศไทย
ใน สมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
โดย ภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทย เรา
การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการ อย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็น ผ้า, หนังสัตว์, หวาย, จนถึงประเภทสังเคราะห์ (พลาสติก)
ความหมาย
คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า "ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ"
วิวัฒนาการการเล่น
การ เล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นต่อมาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีก หนีความจำเจ ก็คงมีการเริ่มเล่นด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร
ตะกร้อนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น
- ตะกร้อข้ามตาข่าย
- ตะกร้อลอดบ่วง
- ตะกร้อพลิกแพลงเป็นต้น
เมื่อมีการวางกติกาและท่าทางในการเล่นอย่างลงตัวแล้วก็เริ่มมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นในประเทศไทยตาม
ประวัติตะกร้อตั้งแต่อดีตที่ได้บันทึกไว้ดังนี้
พ.ศ. 2472 กีฬาตะกร้อเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกภายในสมาคมกีฬาสยาม
พ.ศ. 2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจัดร่างกติกาในการแข่งขันกีฬาตะกร้อข้ามตาข่ายและเปิดให้มีการแข่งขันในประเภทประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2479 ทางการศึกษาได้มีการเผยแพร่จัดฝึกทักษะในโรงเรียนมัธยมชายและเปิดให้มีแข่งขันด้วย
พ. ศ. 2480 ได้มีการประชุมจัดทำแก้ไขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ขึ้น โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของ เจ้าพระยาจินดารักษ์ และกรมพลศึกษาก็ได้ออกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ
พ. ศ. 2502 มีการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพม่ามาแสดงความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง
พ. ศ. 2504 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 2 ประเทศพม่าได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อของไทยก็ได้ไปร่วมแสดงโชว์การเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงด้วย
พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เข้าไว้ในการแข่งขันด้วยก็คือ
- ตะกร้อวง
- ตะกร้อข้ามตาข่าย
- ตะกร้อลอดบ่วง
อีกทั้งมีการจัดประชุมวางแนวทางด้านกติกาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อสะดวกในการเล่นและการเข้าใจของผู้ชมในส่วนรวมอีกด้วย
พอ เสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของประเทศมาเลเซียก็เริ่มมีมากขึ้น จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตาข่าย หรือที่เรียกว่า "เซปักตะกร้อ" และส่งผลให้กีฬาตะกร้อข้ามตาข่าย ได้รับการบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 จนถึงปัจุบัน
ประโยชน์และความมุ่งหมายของกีฬาตะกร้อ
ประโยชน์
ใน ประเทศไทย พลเมืองส่วนมากชอบที่จะดูและเล่นตะกร้อกันโดยทั่วไป แต่การที่จะเล่นให้ได้ดีต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและยาวนาน กีฬาตะกร้อเป็นกีฬาที่สนุกสนานต่อเนื่องเล่นได้ไม่จำกัด เพียงแต่เราฝึกหัดเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถเล่นกีฬาตะกร้อได้แล้ว ราคาของอุปกรณ์ที่ถูกและทนทานใช้สถานที่ในการเล่นน้อย มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น
- ช่วยให้ประสาททุกส่วนว่องไวและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยในการทรงตัว
- ช่วยด้านจิตใจ สุขุม รู้แพ้รู้ชนะ การให้อภัย
- ลดความเครียด
- ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ความมุ่งหมายประวัติตะกร้อ
กีฬาตะกร้อนั้นอาจจะสรุปความมุ่งหมายในธรรมชาติของกีฬาตะกร้อได้อย่างกว้างๆดังนี้คือ
- เล่นง่าย คือเล่นสนุกสนานแต่ถ้าเล่นให้ได้ดีก็ควรต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
- ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ในการเล่น
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์และเวลาในการเล่น
- ทำให้เกิดการตื่นตัว
- ทำให้จิตใจสุขุมเยือกเย็น
- มีระบบในการตัดสินใจรวดเร็วและถูกต้อง
- ทำให้มีระบบประสาททางความคิดดี
- มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงไร้โรคภัยต่างๆ
- ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน
- ทำให้เกิดความสามัคคีทั้งในหมู่คณะและส่วนรวม
- ทำให้รู้จักการรวมกลุ่มในสังคม การเข้าสังคม
- รู้จักการสร้างความปลอดภัยในการเล่น
- ใช้เป็นแนวทางในการเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ฟุตบอล
- สามารถใช้เป็นแนวทางในการถ่ายทอดศิลปะและอนุรักษ์ศิลปะประจำชาติได้อีกด้วย