Abstract: บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม 2) ศึกษาระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ และ 3) วิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียน ประชารัฐ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู บุคลากรในโรงเรียนประชารัฐ จำนวน 216 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยผู้วิจัย มีค่าความตรงด้านเนื้อหา ระหว่าง 0.67-1.00 มีค่าความเที่ยงด้านภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม เท่ากับ 0.96 และด้านประสิทธิผลของสถานศึกษา เท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม อยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การมีวิสัยทัศน์ การสร้างบรรยากาศในการองค์กร การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม การสร้างเครือข่าย และการสร้างองค์กรนวัตกรรม ตามลำดับ 2. ระดับประสิทธิผลของสถานศึกษาอยู่ในระดับมากทั้งภาพรวมและรายด้าน ประกอบด้วย การสอนคุณธรรมในโรงเรียน การพัฒนาตนเองของครู การจัดการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ความสามารถในการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และภาษาอังกฤษ ตามลำดับ 3. ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ประกอบด้วย การสร้างบรรยากาศในการองค์กร (X5) และการสร้างองค์กรนวัตกรรม (X2) ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ (Ytot) โดยร่วมกันทำนายได้ร้อยละ 63.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สมการวิเคราะห์การถดถอย คือ Y ̂_tot = 1.14 + 0.57 (X5) + 0.14 (X2)
วัชรพงศ์ ทัศนบรรจง (2563) ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนประชารัฐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
วิทยานิพนธ์ หลักสูตรครุศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จังหวัดนครปฐม
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความเป็นผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียน 2) ระดับประสิทธิผลของโรงเรียน 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียนกับประสิทธิผลของโรงเรียน และ 4) ความเป็นผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียนที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียนและครูจำนวน 317 คน ขนาดของกลุ่มตัวอย่างคำนวณโดยใช้ตารางของ Krejcie และ Morgan เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามชุดหนึ่ง ซึ่งประเมินโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาค โดยมีความน่าเชื่อถือเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันต่อผลคูณแม่ และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียนโดยรวมและในแต่ละด้านอยู่ในระดับมาก เรียงตามคะแนนเฉลี่ยจากสูงไปต่ำ ได้แก่ ความยืดหยุ่น ความเอาใจใส่เป็นรายบุคคล ความคิดสร้างสรรค์ และวิสัยทัศน์ 2) ระดับประสิทธิผลของโรงเรียนโดยรวมและในแต่ละด้านอยู่ในระดับมาก เรียงตามคะแนนเฉลี่ยจากสูงไปต่ำ ได้แก่ กระบวนการบริหารและจัดการ กระบวนการสอนและการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และคุณภาพของผู้เรียน 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียนกับประสิทธิผลของโรงเรียนมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูง โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) ความเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ของผู้บริหารโรงเรียนในด้านความยืดหยุ่น วิสัยทัศน์ ความคิดสร้างสรรค์ และเอาใจใส่เป็นรายบุคคล ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสามารถทำนายประสิทธิผลของโรงเรียนได้ร้อยละ 64.80 สมการการทำนายสามารถเขียนเป็นคะแนนมาตรฐานได้ดังนี้ Z'Y = 571Z1 -.520Z2 +.505Z4 +.259Z3
อนุสรณ์ ส
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็น ข้าราชการครู จำนวน 346 คน ได้มาจากการได้จากการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครซีและมอร์แกนแล้วทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ และสุ่มอย่างง่ายตามลำดับ เครื่องมือที่ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะได้แก่ แบบตรวจสอบรายการ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบคำถามปลายเปิด โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยการทดสอบค่าที และค่าเอฟ เมื่อพบความแตกต่างเป็นรายคู่ตามวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า
1. ภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. ผลเปรียบเทียบระดับภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมไม่แตกต่างกันเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการแสดงเป็นแบบฉบับให้บุคลากรเป็นผู้นำตนเอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ผู้บริหารควรให้โอกาสทำงานที่ท้าทายความสามารถของบุคลากร การสนับสนุนให้บุคลากรสามารถนำตนเองได้ของผู้บริหารสถานศึกษา และการให้กำลังใจบุคลากรในการทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
เทพรัตน์ ศรีคราม (2562) ภาวะผู้นำเหนือผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Purpose: The main purpose of this study to determine the relationship between the strategic leadership characteristics of school principals and the level of organizational commitment of teachers. Research Methods: The universe of the research in the relational screening model is the 3648 teachers working in the secondary education institutions in Van province in the 2017-2018 academic year. 558 teachers, who were determined by the stratified sampling method, formed the sample of the research. Findings: According to research findings, teachers think that school principals usually show strategic leadership qualities. According to the teachers, school principals are generally in the dimension of strategic leadership, transformational applications, managerial applications and political applications, and in terms of ethical applications, they always demonstrate strategic leadership characteristics. Teachers' organizational commitment was found to be moderate in the study. Teachers' organizational commitment was found moderate level, at a low level in the compliance sub-dimension, a low level in the internalization sub-dimension, and a moderate level in the identification sub-dimension. Another finding of the study, it was found that there was a moderately significant positive relationship between the strategic leadership characteristics of school principals and the organizational commitment of teachers. Implications for Research and Practice: The finding that there is a moderate positive correlation between the strategic leadership characteristics of school principals and the level of organizational commitment of teachers, school principals are more likely to develop strategic leadership characteristics that will strengthen teachers' organizational commitment.
วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาครั้งนี้คือเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้อำนวยการโรงเรียนและระดับความมุ่งมั่นขององค์กรของครู วิธีการวิจัย: จักรวาลของการวิจัยในแบบจำลองการคัดกรองเชิงสัมพันธ์คือครู 3,648 คนที่ทำงานในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดวานในปีการศึกษา 2017-2018 ครู 558 คนซึ่งถูกกำหนดโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นเป็นกลุ่มตัวอย่างของการวิจัย ผลการศึกษา: ตามผลการศึกษา ครูคิดว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมักจะแสดงคุณสมบัติความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ ตามที่ครูระบุ ผู้อำนวยการโรงเรียนโดยทั่วไปอยู่ในมิติของความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ การประยุกต์ใช้การเปลี่ยนแปลง การประยุกต์ใช้การจัดการ และการประยุกต์ใช้ทางการเมือง และในแง่ของการประยุกต์ใช้ทางจริยธรรม พวกเขามักจะแสดงลักษณะความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ พบว่าความมุ่งมั่นขององค์กรของครูอยู่ในระดับปานกลางในการศึกษา พบว่าความมุ่งมั่นขององค์กรของครูอยู่ในระดับปานกลาง อยู่ในระดับต่ำในมิติย่อยการปฏิบัติตาม ระดับต่ำในมิติย่อยการนำภายใน และระดับปานกลางในมิติย่อยการระบุตัวตน ผลการศึกษาอีกประการหนึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญปานกลางระหว่างลักษณะความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้อำนวยการโรงเรียนกับความมุ่งมั่นต่อองค์กรของครู ผลกระทบต่อการวิจัยและการปฏิบัติ: พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกปานกลางระหว่างลักษณะความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้อำนวยการโรงเรียนกับระดับความมุ่งมั่นต่อองค์กรของครู ผู้อำนวยการโรงเรียนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาลักษณะความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่เสริมสร้างความมุ่งมั่นต่อองค์กรของครูมากขึ้น
Rezzan UCAR1 , Servet DALGIC2 (2021) Relationship Between School Principals' Strategic Leadership Characteristics and School Teachers' Organizatıonal Commitment Levels Eurasian Journal of Educational Research Vol No. 91 (2021) 105-126