อาคารโอเอซิส (Oasis 21 Building) เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002 มีความโดดเด่นตรงสถาปัตยกรรมรูปทรงวงรีที่ใช้วัสดุหลักเป็นกระจก ลักษณะคล้ายยาวอวกาศที่กำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน จนได้รับฉายาว่า ยาวอวกาศน้ำ (Spaceship-Aqua) ซึ่งพื้นที่ตรงกลางจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีส่วนช่วยปรับลดอุณหภูมิพื้นที่สวนอื่นๆ ของอาคารให้มีความเย็นมากขึ้น เป็นการช่วยประหยัดพลังงานของอาคารได้อย่างดี มีพื้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินเล่นด้านบนซึ่งเป็นลานกระจกลอยฟ้าแบบเปิดโล่ง สูงจากพื้นดินถึง 14 เมตร และบริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของ หอคอยนาโกย่า ทีวี (Nagoya TV Tower) ซึ่งจากลานกระจกของอาคารโอเอซิสนั้น สามารถเห็นหอคอยนาโกย่า ทีวีได้แบบชัดเจน รวมถึงทัศนียภาพสวยๆ โดยรอมด้วย นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งของเมือง
ส่วนด้านล่างของอาคารจะมีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาเปิดการแสดงความสามารถต่างๆ กันตลอดทั้งวัน ทำให้จะได้เห็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของกลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวญี่ปุ่นด้วย ส่วนชั้นใต้ดินจะมีศูนย์การค้าที่ใหญ่ และสะดวกสบายที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนาโกย่า เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สวนสาธารณะ สถานีขนส่งสาธารณะทั้งรถบัส และรถไฟที่มีเส้นทางเดินรถครอบคลุมมากที่สุดจุดหนึ่งของเมือง ทำให้อาคารแห่งนี้นับเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากมาย ยิ่งเป็นช่วงกลางคืนซึ่งจะมีการเปิดไฟประดับอาคารหลากสีสัน ที่ช่วยขับเน้นให้ตัวสถาปัตยกรรมรูปทรงยานอวกาศด้านบนดูสวยงาม แปลกตา แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกที่สร้างมนต์สะกดให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมชม และหามุมถ่ายรูปสวยๆ กันจนลืมเวลา
แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองนาโกย่า(Nagoya) ที่ถ้ามาเมืองนี้แล้วต้องมาแวะปักหมุดให้ได้ แม้โครงสร้างบางส่วนที่ได้รับการปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้นมาไม่ได้มีเพียงแค่โครงสร้างเดิมล้วนๆ แต่รับรองว่าเค้าอนุรักษ์บรรยากาศแบบโบราณๆได้อย่างดีเยี่ยมเชียว
อีกทั้งยังจะมีพิพิธภัณฑ์ สวนหย่อม และจุดชมธรรมชาติสวยๆให้ดูด้วย
ปราสาทแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นในยุคเริ่มต้นสมัยเอโดะ อาคารปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายในการโจมตีทางอากาศในปี ค.ศ. 1945 ต่อมาได้รับการฟื้นฟูสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กในปี ค.ศ.1959 จนมาถึงปัจจุบัน ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท สวนหย่อมรอบปราสาทแบ่งเป็น 2 ชั้น คือคูเมือง และกำแพงป้อมปราการ ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ด้วยความที่หลายๆอย่างทำให้ต้องมีการปรับปรุงตัวปราสาทอีกครั้งเพื่อความมั่นคงและงดงาม ในปี ค.ศ.2009 ได้เริ่มโครงการสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ โดยใช้วัสดุก่อสร้างและเทคนิคการสร้างแบบดั้งเดิม ส่วนแรกที่เริ่มสร้างคือทางเข้าและห้องโถงหลัก ตกแต่งด้วยประตูบานเลื่อนวาดด้วยภาพสวยงาม และเปิดให้เข้าชมในปี 20013 ส่วนอื่นๆที่เหลือจะเปิดในปี 2016 และ 2018 ตามลำดับ ซึ่งปีนี้ก็น่าจะได้ดูครบทุกส่วนกันแล้ว
วัดโอสุคันนอน(Osu Kannon Temple) ตั้งอยู่ภายในเมืองนาโกย่า(Nagoya) จังหวัดไอจิ(Aichi) นับว่าเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงมากๆในแถบตอนกลางของนาโงยา(Nagoya)เลย
วัดแห่งนี้นับว่ามีความเก่าแก่และประวัติที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยสิ่งที่ทำให้วัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆก็คงเพราะวัดแห่งนี้นั้นเป็นที่ประดิษฐานของเทพคันนอน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความเมตตา พระพุทธรูปนี้เนี่ยไม่ธรรมดาเนื่องจากเป็นพระพุทธรูไม้ที่แกะสลักอย่างประณีตโดยพระสงฆ์นามว่า “Kobo Daishi” แถมภายใต้ห้องโถงใหญ่ คือห้องสมุดชินปูคุจิ(Shinpukuji Library) ที่จัดเก็บหนังสือภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน กว่า 15,000 เล่ม หนังสือเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมถึงสำเนาที่เก่าแก่ที่สุดของพงศาวดารโคจิคิ(Kojiki)ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ต้นกำเนินของญี่ปุ่น
ไม่เพียงแค่เราจะมาชมสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่เป็นที่นับถือเท่านั้น นั่นก็เพราะใกล้ๆกันยังจะมีแหล่งช็อปปิ้งสุดปังให้ขาช็อปได้กระชุ่มกระชวยกัน สามารถเดินเท้าไปได้สายเลยเพราะถนนทางเดินที่อยู่เยื้องกับบริเวณวัดก็เป็นย่านช้อปปิ้งโอสุ(Osu Shopping Arcade) ที่มีร้านค้าและร้านอาหารกว่า 400 ร้านเรียงรายอยู่สองข้างทาง แต่จะเน้นจำหน่ายสินค้าทันสมัย เช่น อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ ชุดคอสเพลย์ และการ์ตูนอะนิเมะ เรียกได้ว่าของเยอะ หลากหลาย และเดินได้เพลินอย่าบอกใครเลยล่ะ