จำนวนครั้งเข้าชม
จำนวนผู้เข้าชมไม่ซ้ำคน
เทศกาลเช็งเม้ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชิงหมิง (qing-ming, อักษรจีนตัวเต็ม: 清明節, อักษรจีนตัวย่อ: 清明节, พินอิน: Qīngmíngjié) หรือ เช็งเม้ง, เชงเม้ง (ตามสำเนียงแต้จิ๋ว)หรือ "เฉ่งเบ๋ง" (ในสำเนียงฮกเกี้ยน) "เช็ง"หรือ"เฉ่ง" หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และ "เม้ง"หรือ"เบ๋ง" หมายถึง สว่าง รวมแล้วหมายความถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์
เช็งเม้งในประเทศจีน เริ่มต้นประมาณ 4-5 เมษายน ไปจนถึง 19-20 เมษายน เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะคลายความหนาวเย็น เริ่มเข้าสู่ความอบอุ่น มีฝนตกปรอย ๆ มีบรรยากาศสดชื่น ท้องฟ้าใสสว่าง (เป็นที่มาของชื่อ เช็งเม้ง)
สำหรับในประเทศไทยเทศกาลเช็งเม้ง ถือวันที่ 5 เมษายนของทุกปีเป็นหลัก แล้วนับวันก่อนถึง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน รวมเป็น 7 วัน (2 - 8 เมษายน) แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจรคับคั่ง เลยขยายช่วงเวลาเทศกาลให้เร็วขึ้นอีก 3 สัปดาห์ (ประมาณ 15 มีนาคม - 8 เมษายน) แต่ในภาคใต้บางพื้นที่ เช่น จังหวัดตรังจะจัดเร็วกว่าที่อื่น 1 วัน ประมาณวันที่ 4 เมษายนของทุกปี
ประเพณีที่สำคัญมากที่สุดของของชาวจีน คือ ไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ฮวงซุ้ย(แต้จิ๋ว) แต่คนฮกเกี้ยนเรียกว่า บ่องป้าย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยมีอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อ ที่เน้นเรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ
ตำนานการเกิดเช็งเม้ง
ในยุคชุนชิว องค์ชายฉงเอ่อแห่งแคว้นจิ้นหนีภัยออกนอกแคว้น ไปมีชีวิตตกระกำลำบากนอกเมือง โดยมีเจี้ยจื่อทุยติดตามไปดูแลรับใช้
เจี้ยจื่อทุยมีจิตใจเมตตาถึงขนาดเชือดเนื้อที่ขาของตนเป็นอาหารให้องค์ชายเสวยเพื่อประทังชีวิต ภายหลังเมื่อองค์ชายฉงเอ่อเสด็จกลับเข้าแคว้นและได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น นาม จิ้นเหวินกง และได้สถาปนาตอบแทนขุนนางทุกคนที่เคยให้ความช่วยเหลือตน แต่ลืมเจี้ยจื่อทุยไป นานวันเข้าจึงมีคนเตือนถึงบุญคุณเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงเพิ่งนึกขึ้นไป จึงต้องการตอบแทนบุญคุณเจี้ยจื่อทุย โดยจัดหาบ้านให้เขาและมารดาให้เข้ามาอยู่อย่างสุขสบายในเมือง แต่ทว่าเจี้ยจื่อทุยปฏิเสธ
จิ้นเหวินกงได้คิดแผนเผาภูเขา โดยหวังว่าเจี้ยจื่อทุยจะพามารดาออกมาจากบ้าน แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด สองแม่ลูกกลับต้องเสียชีวิตในกองเพลิง
ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงเจี้ยจื่อทุย จิ้นเหวินกงจึงมีคำสั่งให้วันนี้ของทุกปี ห้ามไม่ให้มีการก่อไฟ และให้รับประทานแต่อาหารสด ๆ และเย็น ๆ จนกลายเป็นที่มาของเทศกาลวันกินอาหารเย็น หรือ เทศกาลหันสือเจี๋ย (寒食节) ซึ่งเป็นวันสุกดิบก่อนวันเช็งเม้ง 1 วัน
เนื่องจากคนโบราณนิยมถือปฏิบัติกิจกรรมตามประเพณีวันหันสือเจี๋ยต่อเนื่องไปจนถึงวันเช็งเม้ง นานวันเข้าเทศกาลทั้งสองก็รวมเป็นวันเช็งเม้งวันเดียว การไหว้เจี้ยจื่อทุยจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษแทน
ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ยและประดับสายรุ้ง
เริ่มมาจากการที่พระเจ้าฮั่นเกาจู ปราบดาภิเษกและสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นแล้ว เกิดระลึกถึงบุญคุณบิดา มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วที่บ้านเกิด จึงเร่งรัดกลับบ้านเกิด แต่ทว่าป้ายชื่อของฮวงซุ้ยแต่ละที่เลือนรางเต็มทน จากสงคราม พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิษฐานต่อสวรรค์ด้วยการโปรยกระดาษสีขึ้นบนฟ้าแล้วให้ลมพัดปลิวไป ถ้ากระดาษตกที่ฮวงซุ้ยไหน ถือว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์ และเมื่อดูป้ายชื่อชัด ๆ แล้วก็พบว่าเป็นฮวงซุ้ยของบิดา มารดาพระองค์จริง ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ยและโปรยกระดาษสีบนหลุมศพก็เริ่มมาจากตรงนี้เอง
ประโยชน์ของการไป ไหว้บรรพบุรุษ เทศกาลเชงเม้ง
1. เพื่อรำลึกถึงคุณความดี ที่บรรพบุรุษของเราได้กระทำไว้ ได้ดูแลเรา
ลำบากเพื่ื่อเราให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต
"เราสบาย เพราะพ่อแม่ บรรพบุรุษลำบาก"
2. เป็นศูนย์รวมตระกูล ผังตระกูล
โดยทั่วไป การไหว้ที่ดีที่สุด ต้องนัดหมายไปไหว้พร้อมกัน ( วันและเวลาเดียวกัน )
ทำให้ลูกหลานที่อยู่กระจายกันไป ได้มาพบปะ สังสรรค์กันพร้อมหน้า
เป็นการสร้างความสามัคคี สร้างจุดศูนย์รวม กล่าวได้ว่าเป็น วันรวมญาติ
3. เป็นกรอบถนนชีวิตของลูกหลานทุกคน "พ่อแม่ตายแล้ว ยังกำหนดชะตาชีวิตลูกหลาน"
เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เน้นความกตัญญูที่มีต่อบุพการีและลูกหลานควรปฏิบัติตาม
4. เป็นการเตือนสติตน ความตายต้องเกิดขึ้นกับทุกคน และเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน
ประเพณีปฏิบัติในวัน เช็งเม้ง
1. การทำความสะอาด สุสาน ( เซ้าหมอ )
ลงสีที่ป้ายชื่อให้ดูใหม่ - คนตายแล้วลงสีเขียว หรือสีทองขลิบเขียว คนเป็นลงสีแดง
( ห้ามถอนหญ้า - อาจกระทบตำแหน่งห้าม
เช่น ทิศอสูร ทิศแตกสลาย ทิศดาวเบญจภูติ )
บ้างก็ตกแต่งด้วย กระดาษม้วนสายรุ้ง
( สุสานคนเป็น - แซกี - ใช้สายรุ้งสีแดง :: สุสานคนตาย - ฮกกี - ใช้หลากสีได้ )
ห้ามปักธง ลงบนหลังเต่า เท่ากับทิ่มแทงหลุม
และบางความเชื่อ ทำให้หลังคาบ้านของบรรพบุรุษรั่ว
2. กราบไหว้ เจ้าที่ เป็นการให้เกียรติ และขอบคุณที่ช่วยคุ้มครองดูแล
การจัดวางของไหว้ ( เรียงลำดับจากป้าย )
เทียน 1 คู่ + ธูป 5 ดอก ( อาจปักลงบนฟักได้ )
ชา 5 ถ้วย
เหล้า 5 ถ้วย
ของไหว้ต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้
*** ควรงดเนื้อหมู - เพราะเคยมีปรากฎว่า เจ้าที่เป็นอิสลาม ***
กระดาษเงิน กระดาษทอง
กราบไหว้ ระลึกถึงพระคุณ ของพ่อแม่ บรรพบุรษ
ตั้งเครื่องบูชาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของท่าน
การจัดวางของไหว้ ( เรียงลำดับจากป้าย - จะต่างกับข้างต้น )
ชา 3 ถ้วย
เหล้า 3 ถ้วย
ของไหว้ต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้
* ของไหว้ ตามความเชื่อประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็น ขนมถ้วยฟู - ฮวกก้วย *
กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ
เทียน 1 คู่ + ธูป ตามจำนวนบรรพบุรุษ ท่านละ 1 ดอก
หมายเหตุ
*** ห้ามวางของตรงแท่นหน้า เจีี๊ยะปี ( ป้ายหิน ที่จารึกชื่อ บรรพบุรุษ )
เพราะเป็นที่เข้าออกของ วิญญาณบรรพบุรุษ ไม่ใช่เก้าอี้นั่ง อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด***
พิธีเช็งเม้ง
ผู้อาวุโส เป็นผู้นำกราบ ไหว้จนเทียนใกล้หมดก้าน
ลูกหลานตีวงล้อมด้วยหวาย เผา กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ
เป็นการกำหนดขอบเขตว่า สิ่งเหล่านี้ลูกหลานส่งให้ บรรพบุรุษของครอบครัว นั้น ๆ เป็นการเฉพาะ
ป้องกันการแย่งชิง ( ผู้ตีวงล้อม ต้องเป็นลูกหลานเท่านั้น ) *** เป็นอันเสร็จพิธี
บางครอบครัวก็จะมานั่งล้อมวงทานอาหารกันต่อ เพื่อเป็นการ
แสดงความสมานสามัคคีแก่ บรรพบุรุษ
ทำไมต้องจุดประทัด
ในสมัยโบราณที่ประเทศจีนมีตัวประหลาดเรียกว่า "ซาน เซียว" รูปร่างคล้ายคนแคระแต่วิ่ง เร็วมาก ทุกปีเวลาใกล้ปีใหม่ตัวซานเซียว
จะมาขโมยของกินในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะวิ่งขับไล่แต่ไม่ทัน หรือถ้าทันจับตัวซานเซียวได้ ผู้ที่จับต้องตัวซานเซียว ก็จะเจ็บป่วยทำให้คนไม่
กล้าสู้กับตัวซานเซียว วันหนึ่งชาวบ้านออกไปตัดไม้ไผ่มาทำเป็นฟืนสำหรับหุงข้าว ระหว่างที่กำลังหุงข้าวอยู่นั้น ตัวซานเซียวกลุ่มหนึ่ง
ก็มาพบและตรงเข้ามาจะหยิบข้าวของกิน ชาวบ้านต่างตกตะลึง ด้วยความกลัว ทันใดนั้นปล้องไม้ไผ่ที่โดนไฟก็ประทุระเบิดเสียงดัง ตัวซานเซียวทั้งกลุ่มตกใจพากันหยุดนิ่งไม่กล้าเข้ามา ชาวบ้านจึงโยนปล้องไม้ไผ่เข้าที่กองไฟอีก ทำให้ไม้ไผ่แตกดัง เป็นระยะ ๆ พวกซานเซียวก็พากันวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
ตั้งแต่นั้นมาเมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ที่พวกตัวซานเซียวจะลงมาขโมยของกิน ชาวบ้านก็จัดหาปล้องไม้ไผ่ไว้เป็นจำนวนมาก
และเอาใส่กองไฟเพื่อให้เกิดเสียงประทุดังขับไล่พวกซานเซียว
ต่อมาก็ได้มีการนำดินประสิวบรรจุในปล้องไม้ไผ่เล็กๆ แล้วนำไปเผาไฟเพื่อให้ระเบิดแล้วเป็นควัน เพื่อขับไล่ตัวซานเซียว
และภูตผีร้ายตลอดจนสรรพโรคภัยต่าง ๆ และมักจุดในช่วงเทศกาลปีใหม่
และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นความเชื่อต่อ ๆ มาว่า จุดประทัดแล้วจะไล่สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นอัปมงคล ออกไป และจะเหลือแต่สิ่งดีงามไว้
นั้นก็คือ เฮง เฮง เฮง
--------------------------------------------
link ที่มา :
http://www.dek-d.com/content/all/19074/
http://th.wikipedia.org/wiki/เทศกาลเช็งเม้ง
http://www.fengshuitown.com/fengshui/fengshui-tip-pray-ancestor.htm
สาระดี
ผู้สร้าง page : พาณิชย์