การอ่านกราฟแท่งเทียน เพื่อหาจุดเข้าซื้อขาย
เราอ่านกราฟแท่งเทียนไปทำไม?
วัตถุประสงค์ในการอ่านกราฟแท่งเทียน คือ การอ่าน “อารมณ์” ของผู้ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ดังนั้นเวลาที่อ่านกราฟแท่งเทียนเราควรตอบคำถามเบื้องต้นไห้ได้ว่า ระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขายฝั่งไหนมีแรงมากกว่า เมื่อเราอ่านอารมณ์ของตลาดออกแล้ว เราก็จะสามารถใช้กราฟเป็น 1ในเครื่องมือในการเลือกตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้โอกาสในการได้กำไรจากการเทรด
Candlestick หรือ กราฟแท่งเทียน คือ กราฟชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ กราฟแท่งเทียนเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) เพราะมันสามารถบอกรายละเอียดของข้อมูลราคาได้มากกว่ากราฟแบบ Line chart
หนึ่งแท่งเทียนจะประกอบไปด้วยข้อมูล 4 อย่างคือ ราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และ ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด (แท่งเทียนในรูปด้านบนมีระยะเวลาเท่ากับ 1 วัน) เราเรียกช่วงลำตัวของแท่งเทียน (ส่วนสีเขียวและสีแดง) ว่า “Real body” มันคือส่วนต่างของราคาเปิดและราคาปิด แท่งเทียนเป็นสีเขียวแสดงให้เห็นว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (Bullish Candle) และในทางกลับกัน แท่งเทียนที่เป็นสีแดงแสดงให้เห็นว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (Bearish Candle) ในบางประเทศอาจใช้แท่งเทียนสีขาวดำแทนสีเขียวแดงเลย หรือหรืออาจใช้สีฟ้าแทนสีเขียวก็ได้
สมัครเปิดบัญชีเทรดกับ iq option คลิกที่นี่
ทำไมเราจึงต้องใช้การวิเคราะห์แบบกราฟแท่งเทียน Candlesticks
1. รูปร่างของแท่งเทียน 1 แท่ง สามารถสรุปได้คร่าวๆว่าฝั่งซื้อหรือฝั่งขายเป็นฝ่ายชนะ
โดยการเปรียบเทียบราคาเปิดและปิด
2. ใช้ปริมาณการซื้อขายเป็นตัวช่วยในการพิจารณาแท่งเทียน เนื่องจากปริมาณซื้อขาย
ที่มากแสดงถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขาย ถ้าปริมาณการซื้อขายน้อยให้ตั้งข้อ
สงสัยไว้ก่อนว่าอารมณ์หรือทิศทางของราคานั้นๆ อาจจะอยู่ได้ไม่นานเพราะมีคนเข้ามา
มีส่วนร่วมในการซื้อขายน้อย
3. การเปรียบเทียบระหว่างแท่งเทียน โดยเปรียบเทียบแท่งเทียนในปัจจุบันเดี่ยวๆ หรือ
เปรียบเทียบกับแท่งเทียนก่อนหน้า ว่าอารมณ์ของตลาดมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
4. ใช้ confirm แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของสินค้า โดยพิจารณาจากราคาต่ำสุดใน
แต่ละแท่งเทียนยกตัวขึ้นในช่วงขาขึ้นหรือไม่ หรือราคาราคาสูงสุดในแต่ละแท่งเทียนลด
ต่ำลงในช่วงขาลงหรือไม่
Price action หรือ พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา
Price action คือการดูกราฟเปล่าๆไม่ใช้ Indicators หรือพวกเส้นค่า
เฉลี่ย อะไรทั้งสิ้น ดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาจากกราฟ
เปล่าๆ ทั้งในรูปแบบของ Candlestick chart และ Bar chart
เทรดเดอร์ในตลาด Forex หลายท่านที่ประสบความสำเร็จใช้วิธีนี้ใน
การเทรด เพราะพวกเขาเชื่อว่าพวก Indicators หรือเส้นค่าเฉลี่ย
ต่างๆ ล้วนมาจากการคำนวณของราคา ทั้ง Open High low และ Close Price action นั้นมีวิธีการวิเคราะห์เป็นอย่างไร
หน้าตาของ Price action
Up bar: หรือที่เรียกว่า “Bullish bar” เป็น bar หรือ แท่งเทียน ที่ทำ High สูงขึ้น และ Low สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ฝั่งซื้อมีกำลังมากกว่าฝั่งขาย
โดยปกติ แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) แต่บางครั้งแท่งเทียนสามารถเป็นสีแดงได้เช่นกัน (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) เพราะถ้าแท่งเทียนยังคงลักษณะที่ทำ High สูงขึ้น และ Low สูงขึ้น กว่าแท่งก่อนหน้า ก็ยังคงเรียกว่า Up bar
Down bar: หรือที่เรียกว่า “Bearish bar” ตรงกันข้ามกับ Up bar เป็น bar หรือ แท่งเทียน ที่ทำ High ต่ำลง และ Low ต่ำลง กว่าแท่งก่อนหน้า แสดงถึงแนวโน้มขาลง ฝั่งขายมีกำลังมากกว่าฝั่งซื้อ
โดยปกติ แท่งเทียนจะเป็นสีแดง (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) แต่บางครั้งแท่งเทียนสามารถเป็นสีเขียวได้เช่นกัน (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) เพราะถ้าแท่งเทียนยังคงลักษณะที่ทำ High ต่ำลง และ Low ต่ำลง กว่าแท่งก่อนหน้า ก็ยังคงเรียกว่า Down bar
Inside bar: บางครั้งเรียกกันว่า “Narrow range bar” โดย Inside bar จะมีลักษณะ High ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า และ Low สูงกว่าแท่งเทียนหน้า รูปแบบเป็นการบีบตัวแคบลงของราคา แสดงถึงการราคายังไม่สามารถเลือกทิศทางได้ และถ้าราคาทะลุไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็แสดงว่าตลาดได้เลือกทิศทางที่จะไป
Outside bar: บางครั้งเรียกกันว่า “Mother bar หรือ Wide range หรือ Engulfing bar”) เป็นลักษณะที่แท่งเทียนทำ High สูงกว่าแท่งก่อนหน้า และ Low ต่ำกว่าแท่งเทียนหน้าเช่นกัน ตำแหน่งของราคานั้นก็แสดงถึงแรงซื้อ หรือแรงขายของฝั่งนั้นที่มีกำลังมากกว่า
อีกนัยความหมายนึงของรูปแบบนี้ ถ้าแท่งเทียนล่าสุดคลุมแท่งเทียนก่อนหน้าทั้งหมด ถ้าราคาปิด (Close) และเปิด (Open) คลุมแท่งเทียนราคาปิดและเปิดก่อนหน้าทั้งหมด และปิดบวก แสดงถึง ฝั่งซื้อมีกำลังมากกว่า แต่ถ้าราคาปิดลบครุมแท่งก่อนหน้าทั้งหมด แสดงถึงฝั่งขายมีกำลังมากกว่า
Pin bar: ลักษณะไส้เทียน ยาวๆ ออกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และราคาอยู่ตรงข้ามกับฝั่งนั้น ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆออกด้านล่าง และราคาปิดอยู่บริเวณด้านบนเป็นลักษณะ Bullish pin bar แสดงถึงระหว่างวันเกิดแรงขาย แต่สุดท้ายก็มาแรงซื้อกลับเข้ามา ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาวๆขึ้นด้านบน และราคาปิดอยู่บริเวณด้านล่างของแท่งเป็นลักษณะ Bearish pin bar แสดงถึงระหว่างวันแรงซื้อพยายามดันราคาขึ้นไป แต่สุดท้ายก็เกิดแรงขายที่รุนแรงกว่าดันราคากลับลงมา
ช่วงที่โอกาสชนะมากที่สุด
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นถ้าทั้งรูปแบบแท่งเทียน แนวโน้มราคา แนวรับแนวต้าน และอื่นๆ ถ้าทุกอย่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด โอกาสการชนะของในการเทรดครั้งนั้นก็จะมากขึ้นตามจำนวนสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้นพร้อม ณ ขณะนั้น
รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียน (CandleStick Pattern)
การที่ราคามีการปรับตัวขึ้นสูงเกิน หรือลงต่ำเกินกว่าความเป็นจริง ราคามักปรับตัวสู่จุดราคาดุลยภาพโดยการกลับตัว ซึ่งการคาดการณ์จุดต่ำสุดและจุดสูงสุดในแต่ละคลื่นนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ CandleStick Pattern นี้เองที่จะเข้ามาช่วยในการคาดการณ์จุดต่ำสุงและสูงสุดนี้ได้อย่างคร่าวๆ เพื่อให้เราสามารถปรับพอร์ทการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยปกติแล้วการกลับตัวมักจะเกิดขึ้นบริเวณแนวรับหรือแนวต้าน เมื่อราคามีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับดังกล่าว และมักมีการพักตัว ณ ระดับราคานี้นานกว่าช่วงที่ไม่ได้ผ่านระดับที่เป็นแนวรับแนวต้าน อาจกล่าวได้ว่า CandleStick Pattern เป็นรูปแบบที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยเมื่อราคาทดสอบระดับราคาที่มีนัยยะสำคัญ และหากไม่สามารถทะลุแนวต้าน หรือหลุดแนวรับลงไปได้จริงๆ ราคามักจะเกิดการกลับตัว และมักจะอยู่ในรูปแบบ CandleStick Pattern นี้เอง
ผมขอสรุปตามความเข้าใจของผม
สิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้
1.มองเทรนให้ออก เทรนใหญ่ดูว่าเป็นเทรนขาขึ้นหรือขาลง
2.มองว่าตลาดอยู่สภาวะไหน นิ่งไปไหม สวิงแรงหรือ ไม่ต้องเล่น
3.จุดทำกำไร จุดทำไรขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะจะใช้เทคนิคไหน เช่น เทรดด้วย forex pattern
4.ความอ่อนแรง ของแท่งเทียนและคลื่น แท่งเทียนสั้งแสดงว่า มีแนวโน้มจะกลับต้ว
5.ความรู้แท่งเทียน อยากให้จำไปทีละ รูปแบบ เล่น pinbar
6.ข่าวและปัจจัยอื่นๆ สถิติกราฟ
การเริ่มต้นเทรดอย่างถูกต้องจะทำให้เทรดเดอร์มือใหม่มีโอกาสที่จะเทรด Forex
และ Binary option ประสบความสำเร็จ
คำเตือนความเสี่ยง
การเล่นหุ้นออนไลน์ คือการลงทุนที่มีความเสี่ยง
คุณอาจสูญเสียเงินทั้งหมดที่คุณมี
ควรศึกษาวิธีการเล่น ศึกษาระบบการเทรดของแต่ละ broker เทคนิคต่างๆของ โค๊ชแต่ละท่าน
ซึ่งโค๊ชแต่ละท่านใช้เทคนิคแต่งต่างกันในการใช้เทรดในตลาดต่างๆ
ควรศึกษาเทคนิคการใช้คำสั่งซื้อขาย ที่เราถนัด
ขอบคุณข้อมูลเว็บไซที่แบ่งปันความรู้ ให้เทรดเดอร์มือใหม่ได้เข้าใจ และทำกำไรในตลาดได้ยืนยาว