กลุ่มแนวคิดทางปรัชญา
1. อภิปรัชญา
คำว่า อภิปรัชญา แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Metaphysics พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของอภิปรัชญาว่า เป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาว่าด้วยความจริงแท้ ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของปรัชญา (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 : 879)
อภิปรัชญาเป็นสาขาว่าด้วยเรื่องความเป็นจริงหรือความจริงแท้ หรือสิ่งที่มีอยู่จริง (Reality) ว่าโลกและจักรวาล ตลอดจนธรรมชาติของมนุษย์มีความเป็นจริงอย่างไร ความเป็นจริงที่อภิปรัชญาแสวงหานั้น เป็นความจริงสุดท้ายหรือความจริงสูงสุด เรียกว่าความจริงอันติมะ (Ultimate Reality) อันเป็นพื้นฐานที่มาของความจริงอื่นๆ ประเด็นปัญหาในอภิปรัชญา เช่น อะไรคือธาตุแท้ของโลก ใครเป็นผู้สร้างโลก และสร้างเพื่อวัตถุประสงค์อะไร มนุษย์เกิดมาได้อย่างไร วิญญาณมีจริงหรือไม่ เป็นต้น
2 ญาณวิทยา Epistemolpgy
คำว่า “ญาณวิทยา” บัญญัติขึ้นเพื่อใช้แปลคำว่า “Epistemology” ในภาษาอังกฤษ พจนานุกรมปรัชญาได้ให้ความหมายของ Epistemologyว่าหมายถึง “ทฤษฎีความรู้”
ลัทธิญาณวิทยา เป็นปรัชญาสาขาที่ว่าด้วยความรู้ คือศึกษาเกี่ยวกับความรู้ของมนุษย์ประเด็นปัญหาที่สำคัญ 4 ประเด็น คือ 1) ธรรมชาติของความรู้ 2) ต้นกำเนิดของความรู้ 3) ขอบเขตของความรู้และ 4) ความสมเหตุสมผลของความรู้
3 ปรัชญาคุณวิทยา เป็นเรื่องราวของการสืบหาธรรมชาติและเกณฑ์มาตรฐานของคุณค่าหรือค่านิยม ซึ่งมีกำเนิดมาจากทฤษฎีแห่งแบบหรือทฤษฎีการจินตนาการของ Plato ในเรื่องความคิดเกี่ยวกับความดี
ความหมายของ "คุณวิทยา"
1. ศาสตร์ที่ศึกษาความจริง (Positive Science หรือ Natural Science) ศาสตร์นี้ศึกษาความจริง (Fact) หรือตามที่มันเป็นจริง เช่น วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เป็นต้น
2.ศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องคุณค่า (Normative Science) หมายถึงศาสตร์ที่เน้นเรื่องคุณค่า (Value)
อุดมคติภายใน ศาสตร์ที่ว่าด้วยสิ่งที่ควรจะเป็น เช่น จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ ตรรกศาสตร์ เป็นต้น
คำว่า "ข้อเท็จจริง" (fact) เป็นเพียงปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมที่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส ส่วนคุณค่ามีลักษณะที่อาศัยข้อเท็จจริงว่าควรจะเป็นอย่างไร และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คุณค่าเกิดจากการประเมินไม่ใช่การวัด เพราะคุณค่าเป็นนามธรรม คุณค่าเป็นสิ่งที่กำหนดเองไม่ได้ต้องมติของคนส่วนใหญ่ เป็นที่ยอมรับของคนส่วนมาก
คำว่า "คุณค่า" (value) หมายถึงลักษณะที่พึงประสงค์ คุณค่าเป็นนามธรรมอันเกิดจากการประเมินข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์สังคม
คุณค่า (value) กับ ข้อเท็จจริง (Fact)
คุณค่าแตกต่างจากข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง เช่น
ประเด็น .- กางเกงยีนส์ 2 ตัว
ตัวที่ 1 มีสีดำและมีขนาดเอว 32 นิ้ว
ตัวที่ 2 มีสีน้ำเงินและมีขนาดเอว 26 นิ้ว
หากมีคนถามคุณว่า.-
1. กางเกงตัวไหนมีขนาดใหญ่กว่ากัน ? (ข้อเท็จจริง)
2. กางเกงยีนส์ตัวไหนสวยกว่ากัน ? (คุณค่า)
ข้อเท็จจริง (Fact) คุณค่า (value)
หนังสือเล่มนี้แดงเขียน หนังสือเล่มนี้ดี
นางสาว กุ๊กไก่ สูง 5 นางสาว ก. สวย
กฎหมายฉบับนี้ออกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว กฎหมายฉบับนี้ล้าสมัยไม่ยุติธรรม
ประเภทของคุณค่า (the kind of value)
1. คุณค่านอกตัว (Extrinsic Value) เป็นคุณค่าที่นอกตัว สิ่งหรือกระทำนั้น ๆ เป็นเพียงวิถีทางหรือ อุปกรณ์ที่จะนำไปสู่จุดหมายสุดท้าย ไม่มีคุณค่าในตัวเอง แต่คุณค่าของมันอยู่ที่ผู้กระทำปรารถนา เช่น เงิน เป็นสิ่งที่มีค่า เป็นคุณค่านอกตัว เพราะมีเงินต้องนำไปซื้อ เพื่อให้สำเร็จสมความมุ่งหมาย
2. คุณค่าในตัว (Intrinsic Value) เป็นคุณค่าที่ตรงกับจุดหมายสุดท้ายคือเป้าหมายของสิ่งหรือการกระทำนั้นอยู่ในตัวเอง ไม่เป็นวิถีหรืออุปกรณ์นำไปสู่สิ่งอื่นอีก เช่น นักเรียนขยันเรียน เพราะเขาเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดี การขยันเรียนมีจุดหมายในตัวเอง นักปรัชญาเรียกคุณค่าประเภทนี้ว่า คุณค่าที่แท้จริง
ลักษณะการตัดสินคุณค่าของคุณวิทยา 4 แบบ
1. การตัดสินเชิงจิตวิสัย
เช่น ดอกกุหลายจะสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับผู้ดู
2. การตัดสินเชิงวัตถุวิสัย
เช่น ดอกกุหลาบจะสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับดอกกุหลาบ
3. การตัดสินเชิงจิตวิสัย+วัตถุวิสัย
เช่น ดอกกุหลายจะสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับผู้ดูและดอกกุหลาบด้วย
4. การตัดสินเชิงอรรถประโยชน์
เช่น ดอกกุหลาบจะสวยหรือไม่สวย ไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าดอก กุหลาบนั้นใช้ประโยชน์ได้ไหม (มีค่า) หากไม่มีก็ถือว่าไร้ค่า
คำว่า “จริยศาสตร์” ตรงกับความหมายในภาษาอังกฤษว่า “ethics” แปลว่าการศึกษามาตรการความประพฤติและการตัดสินทางศีลธรรม
ในภาษาไทย คำว่า “จริยศาสตร์” มาจากรากศัพท์ว่า “จริย” แปลว่า ความประพฤติ, กิริยาที่ควรประพฤติ สมาสกับคำว่า “ศาสตร์” ซึ่งแปลว่า ระบบวิชาความรู้ ดังนั้น จริยศาสตร์ จึงแปลตามตัวได้ว่า ระบบวิชาความรู้ที่ว่าด้วยความประพฤติ หรือระบบวิชาความรู้ที่ว่าด้วยกิริยาที่ควรประพฤติ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 อธิบายความหมายทางจริยศาสตร์ว่า “ปรัชญาสาขาหนึ่งที่ว่าด้วยความประพฤติและการครองชีพว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด หรืออะไรควร อะไรไม่ควร” (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 : 214)