ดร.มิคาโอะ อูซูอิ
ประวัติสมัยใหม่ของเรกิเริ่มที่ ดร.มิคาโอะ อูซูอิ (Mikao Usui) (ค.ศ.๑๘๖๕ - ๑๙๒๖) กล่าวกันว่า ดร.อูซูอิได้เดินทางไปหลายประเทศเพื่อค้นหาเทคนิคการเยียวยารักษาผูค้ นทั้งดา้ นรา่ งกายและจิตวิญญาณ ทา้ ยที่สุด เขาได้มีโอกาสไปนั่งบนภูเขาคุรามะในญี่ปุ่นเป็นเวลา ๒๑ วัน ปฏิบัติสมาธิด้วยการอดอาหารที่เรียกว่าคุชู ชินเรน ระหว่างกระบวนการชำระล้างนี้เองที่เขาเห็นนิมิตของเทคนิคและสัญลักษณ์ของการเยียวยารักษาด้วยพลังที่เขาเรียกว่า เรกิจากนั้นเขาก็เดินทางไปทั่วประเทศญี่ปุน่ ทั้งเยียวยาผูค้ นและสอนลูกศิษยใ์ห้ใ้ช้เรกิ ดร.อูซูอิวางใจให้ญาณทัศนะของตัวเองนำทางว่าจะวางมือที่ไหน เมื่อไรและจะทำการรักษาอย่างไร โดยลูกศิษย์คนหนึ่งคือ ดร.จุชิโระ ฮายาชิ เป็นผู้ที่เพิ่มท่าทางการวางมือ และกลายมาเป็นวิธีปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานของเรกิ
Dr. Chujiro Hayashi
ต่อมาคำสอนเหล่านี้ได้ผ่านไปถึงฮาวาย โดยมีนางฮาวาโย ทากาตะเป็นอาจารย์เรกิผู้หญิงคนแรก และเป็นผู้สอนอาจารย์เรกิอีกหลายคนในช่วงชีวิตของเธอ จุดนี้เองเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เรกิแพร่กระจายไปในโลกตะวันตก และก่อนที่เธอจะจากไปเธอยังได้สอนหลานสาว ฟิลิส เลอิ ฟุรุโมโตะ ให้เป็นผู้สืบทอดเรกิ จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ดร.อูซูอิ เห็นนิมิตเรื่องเรกิ นำมาใช้ และถ่ายทอดต่อจนถึงปัจจุบันนั้น ก็นับเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว โดยที่เทคนิคและหลักการของเรกิที่ได้ส่งผ่านๆ กันต่อๆ มาจากอาจารย์ท่านต่างๆ สู่ลูกศิษย์กลุ่มต่างๆ ก็ได้ทำให้เรกิได้แตกแขนงพัฒนาออกมาเป็นเรกิที่มีทฤษฎี รูปแบบ และเทคนิคที่ต่างๆ กันมากมาย
Mrs. Hawayo Takata
แรกเริ่มเดิมทีนั้น ดร.อูซูอิค่อยๆ สอนเรกิไปตามความก้าวหน้าในการบำบัดของลูกศิษย์แต่ละคน แต่หลังจากนั้นได้มีการกำหนดให้แบ่งการเรียนการสอนเรกิออกเป็น ๓ ระดับ และเอาเข้าจริงคุณคงเคยได้ยินชื่อวิธีการรักษาแบบเรกิในชื่อเรียกที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น กรุณาเรกิ ฝ่ามือบำบัด เรกิทางจิต โยเร หรือแม้แต่การรักษาด้วยพลังปราณ การเยียวยารักษาในชื่อเรียกที่แตกต่างกันนี้ล้วนใช้พลังจากจักรวาลทั้งสิ้น เพียงแต่มีความแตกต่างกันบ้างทางประวัติ หลักการ และเทคนิค และบางสายยังมีการแบ่งเรกิเป็นระดับที่มากกว่านี้อีก หรือไม่ก็จะมีการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ และบทสวดมนต์เข้ามาร่วมด้วยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่น่าระมัดระวังที่สุดก็คงเป็นสายการปฏิบัติใหม่ๆ ที่ดูแล้วอาจจะเป็นเทคนิคเพื่อการค้า มากกว่าจะเป็นเทคนิคเพื่อการเยียวยารักษาที่เริ่มเกิดขึ้นมาแล้วเอาไว้ด้วย แล้วสายไหนดีกว่ากัน นักบำบัดบางคนอาจอ้างว่าระบบของตนดั้งเดิมและให้ผลมากกว่า ในขณะที่บางคนก็อาจจะบอกว่า ก็ในเมื่ออะไรบางอย่างมันดีอยู่แล้วและเป็นสากล แล้วทำไมเราถึงจะไม่ทำให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกได้ แต่ไม่ว่าคุณกำลังจะเห็นด้วยกับฝ่ายไหน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ซึ่งผมก็จะยํ้าเหมือนเดิม ก็คือคุณน่าจะลองสัมผัสกับพลังเหล่านี้ด้วยตัวของคุณเองจะดีกว่า ในการสอนของผม ผมเน้นที่หลักการพื้นฐานของเรกิในฐานะที่เป็นพลังแห่งจักรวาลสากล ส่วนเทคนิคอื่นๆ ที่ผมกล่าวถึงเพิ่มเติมจะถือเป็นส่วนเสริม และเป็นส่วนที่ผมปรารถนาให้คุณได้รู้เอาไว้เพื่อสร้างเสริมสุขภาพอย่างเป็นองค์รวมให้มากที่สุด เพื่อให้คุณได้ลองเลือกดูว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ คุณอาจเริ่มด้วยการรับบำบัดด้วยเรกิสักครั้งหรือสองครั้งและถ้าคุณประทับใจในประสบการณ์ที่ได้รับจากเรกิ หลังจากนั้นคุณค่อยหาอาจารย์เรกิมาช่วยสอนและปรับพลังให้คุณ