บันทึกการเรียน International Phonetic Alphabet (IPA)
22/12/2561
IPA เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานไว้บันทึกเสียงของภาษาทุกภาษาบนโลกนี้ ทำให้ผู้ที่เข้าใจ IPA สามารถเรียนรู้การออกเสียงภาษาใด ๆ ได้ในแบบเจ้าของภาษา เช่น ถ้าจะสอนการออกเสียง คำว่า “เรา” จะเขียนด้วย [ r a w ] หรือ คำว่า “เฮา” ในภาษาอีสานที่มีความหมายเดียวกัน [ h a w ] เป็นต้น
ทั้งนี้ IPA มีอักขระที่นอกเหนือจากภาษาโรมัน ผู้ที่สนใจจำเป็นต้องเรียนรู้อักขระและสัญลักษณ์แทนเสียงและกฎต่างในการใช้งานต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อน ยกตัวอย่างเช่น
กฎ P, T, K C, Q เมื่อปรากฎหน้าสระจะออกเสียง “พ่นลม” หรือ aspirated sounds เช่น
< Pan >
/ p æ n /
ตรงนี้อาจารย์แบบมือใกล้ปาก แล้วให้เราลองออกเสียง ต้องมีลมออกมากระทบมือ
แต่เมื่อมีอักษร S นำหน้าจะ “ไม่เป็นเสียงพ่นลม” เช่น
< Span >
/ s p æ n /
จากที่ผมเรียนในระยะเวลา 2 วัน ผมก็สรุปได้ว่า IPA เน้นเรื่องการออกเสียง สรุปตามที่อาจารย์สอนได้ 7 ข้อต่อไปนี้
แต่ละภาษามีสิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนกัน บางภาษาอาจไม่มีในบางข้อเช่น Tone ไม่มีในภาษาอังกฤษ แต่มีในภาษาไทย
Stress หรือ พยางค์เน้นมี 4 คุณลักษณะ "ดังกว่า สูงกว่า ชัดกว่า และ ยาวกว่า" พยางค์ข้างเคียง
การเน้นเสียงต่างกัน ให้ความหมายต่างกัน
W/H Question use falling
พอจะออกเสียงให้ถูกก็เลยต้องอธิบายกันละเอียดระดับว่าอวัยวะที่ออกเสียงส่วนไหน มีลักษณะอย่างไรเวลาออกเสียง พร้อมมีอักขระแทนเสียงนั้น ๆ สามารถดูได้จากมาตรฐานใน IPA Chart (https://www.internationalphoneticassociation.org/content/full-ipa-chart)
ตาราง Consonants จาก IPA Chart 2018 แนวคอลัมถ์แสดงตำแหน่งที่ทำให้เกิดเสียง (Point of Articulation : POA) ดูรูปล่างซ้ายประกอบ
และในแนวแถวให้ดูรูปล่างขวาประกอบ
ค่าในตารางแทนเสียงที่ออก
ตัวเบี่ยงซ้าย อโฆษะ (Voiceless, unvoice) เสียงไม่ก้อง เช่นตัว p
ตัวเบี่ยงขวา โฆษะ (Voiced) เสียงก้อง เช่นตัว b
ดูเพิ่มเติม ภาพอวัยวะระบบการออกเสียง http://svg-whiz.com/svg/linguistics/theCreepyMouth.svg
เพิ่มเติม เมื่อได้เรียนกับอาจารย์ถึงได้เข้าใจว่าเขาทำวิจัยกันลึก อาจารย์เล่ากรณีที่เชิญอาสาสมัครคนไทยมาออกเสียงแล้วจะบันทึกภาพภายในช่องปาก แต่ทำด้วยการสอดกล้องผ่านจมูกเข้าไป หลักจากอาสาคนแรกมาแล้วพบว่าเจ็บ อาสาที่แสดงเจตจำนงค์ไว้ที่เหลืออีก 9 คนก็หายไปด้วยเลย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวีดีโองานด้านนี้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=v9Wdf-RwLcs หรือลองค้น vocal folds animation washington ดูครับ
แผนภูมิแสดงการกักกั้นลมแบบต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดเสียงประเภทต่างๆ ในภาษา (รูปภาพจาก Phonetics: The Science of Speech หน้า 49. Martin J Ball, Joan Rahilly.)
หมายถึง พยัญชนะที่อยู่ระหว่างสระ มีกฎอยู่ว่า
"The intervocalic "t" in unstressed syllable is pronounced as [ɾ] soft & abrupt "d"
เสียงตัว t ในภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันที่อยู่ระหว่างสระและเป็นพยางค์ไม่เน้นจะออกเสียงเป็นเสียงคล้าย d (d-like/soft and abrupt d )
อักขระ [ɾ] นี้เรียก fishhook "r" หมายถึง ถ้าเห็น [ɾ] เราจะออกเสียงคล้าย d แทน เช่นในคำว่า little ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน**
ฟังเสียงได้ที่ https://www.oxfordlearnersdictionaries.com/definition/english/little_1?q=little
คำอื่น ๆ เช่น
ในตาราง IPA CONSONANTS (PULMONIC) นั้น t กับ d อยู่ด้วยกัน t เป็นเสียงไม่ก้อง (unvoiced) ส่วน d เป็นเสียงก้อง (voiced)
ในตัวอย่างข้างต้นเราเติมเครื่องหมาย ̬ เขาไปที่ t เป็น t̬ เพื่อระบุว่าเสียงๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลง voicing จากเสียงไม่ก้องเป็นเสียงก้อง
**นักวิชาการด้านเสียงที่เป็นอเมริกันวิเคราะห์ว่าเป็นเสียง alveolar tap ซึ่งมีชื่อเล่นตามรูปร่างว่า fish hook r แต่คนส่วนใหญ่จะได้ยินเป็นเสียง d เนื่องจากออกเสียงอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วมาก บางท่านเรียกว่า quick d ครูนิดเรียกว่า soft and abrupt d ครับ
ความแตกต่างระหว่าง American English (AE) และ British Englist (BE)
restrospect r - r ม้วนลิ้น ใช้ในอเมริกา
hear, here
ปล. อเมริกาส่วนใหญ่ใช้แต่ก็ไม่ได้ใช้ทุกพื้นที่ ในอังกฤษส่วนใหญ่ไม่ใช้ แต่ก็มีบางพื้นที่ใช้