แหล่งเรียนรู้ศูนย์วัฒนธรรมพิธีกำฟ้าตำบลบ้านกลับ

ประวัติ / ความเป็นมา

                  “กำฟ้า” เป็นประเพณีของชาวไทยพวนในจังหวัดต่าง ที่มีชาวพวนอาศัยอยู่ได้ยึดถือปฏิบัติต่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

                  “กำ” ในภาษาไทยพวน หมายถึง การนับถือและสักการะบูชา ดังนั้น กำฟ้า จึงหมายถึงประเพณีนับถือ สักการะบูชาฟ้า เนื่องจากชาวพวนเป็นกลุ่มชนที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร โดยเฉพาะการทำนา ในสมัยดั้งเดิมการทำนาต้องอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ชาวนาในสมัยนั้นจึงมีการเกรงกลัวฟ้ามาก ไม่กล้าที่จะทำอะไรให้ฟ้าพิโรธ ถ้าฟ้าพิโรธย่อมหมายถึง ความแห้งแล้ง อดยาก หรือฟ้าอาจผ่าคนตาย ประชาชนกลัวจะได้รับความทุกข์ยากอันเป็นภัยจากฟ้า จึงมีการเซ่นสรวง สักการะบูชาผีฟ้า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเอาใจ มิให้ฟ้าพิโรธ หรืออีกนัยหนึ่ง ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมนั้น รู้สึกสำนึกในบุญคุณของผีฟ้าที่ได้ให้น้ำฝน อันหมายถึงความชุ่มชื้น ความอุดมสมบูรณ์ มีชีวิตของคน สัตว์ และพืชพรรณต่างๆ จึงได้เกิดประเพณีกำฟ้าขึ้น เพื่อเป็นการประจบผีฟ้าไม่ให้พิโรธ และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อเทพยาดาแห่งท้องฟ้าหรือผีฟ้า ดังกล่าวมาแล้ว

             กำหนดงานประเพณีกำฟ้า ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในหมู่ชาวบ้านพวนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่ละท้องที่จะกำหนด วัน เวลา คาดเคลื่อนกันไปบ้างในห้วงเวลาของเดือนอ้าย ขึ้น 14 ค่ำ เดือนยี่ ขึ้น 13 ค่ำ และเดือน3 ขึ้น 3 ค่ำ ทั้งนี้เป็นการตกลงของชาวพวนในแต่ละท้องที่ เดิมทีเดียวในหมู่คนพวนโดยทั่วไปจะถือเอาวันที่มีผู้ได้ยินเสียงฟ้าร้องครั้งแรกในเดือน 3 ให้เป็นวันเริ่มกำฟ้า แต่การยึดถือตามแนวนี้มักเกิดปัญหาในเรื่องข้อโต้แย้งกันอยู่เสมอว่า คนนั้นได้ยินคนนี้ไม่ได้ยิน เป็นที่รำคาญใจ การที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องครั้งแรกในเดือน 3 นี้ ถือกันว่าฟ้าเปิดประตูน้ำ โดยมากกวานบ้าน (หัวหน้าหมู่บ้าน) จะถือเอาการฟังเสียงฟ้าของคนหูตึงในหมู่บ้านเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นเสียงฟ้าร้องที่ดังจริงๆ จนผู้คนสามารถได้ยินกันอย่างทั่วถึง 

กิจกรรม / พิธี

                  กิจกรรมที่ชาวพวนถือปฏิบัติกันในระหว่างกำฟ้ามี 3ประการ คือ

                                 ประการที่ 1 งดเว้นจากการงานที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำทั้งหมด

                                 ประการที่ 2 ทำบุญใส่บาตร

                                 ประการที่ 3 ประกอบพิธี ตั้งบายศรีบูชาฟ้าและประกาศขอพรจากเทพยาดาที่รักษาท้องฟ้า หรือผีฟ้าตามประเพณีนั้น “วันสุกดิบ” อันเป็นวันเตรียมงานตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 บรรดาแม่บ้านช่วยกันทำกับข้าวปุ้น (ขนมจีน) ข้าวหลาม ข้าวจี่ เพื่อนำไปเซ่นผีฟ้า การเผาข้าวหลามทิพย์จะทำบริเวณลานวัด เวลาประมาณบ่ายสามโมงเย็น พระสงฆ์ทำพิธีเจริญพุทธมนต์เย็น ในปะรำพิธีที่จัดเตรียมไว้ผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่มีความรู้ด้านการประกอบพิธี จะทำหน้าที่พราหมณ์สวดเบิกบายศรี บูชาเทพยาดา ผีฟ้าแล้วอ่านประกาศอัญเชิญเทวดาให้มารับเครื่องเซ่นสังเวย มารับรู้พิธีกรรม บางท้องที่มีการรำขอพรจากฟ้าเสร็จพิธีแล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตกกลางคืนก่อนเข้านอน คนแก่คนเฒ่าจะเอาไม้ไปเคาะที่เตาไฟแล้วกล่าวคำพูดอันเป็นมงคลในทำนองที่ให้ผีฟ้า ผีบ้าน ผีเรือน ช่วยมาปกป้องรักษาคนในครอบครัวให้มีความอยู่ดีมีสุข ให้ข้าวปลาอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ เช้าขึ้นเป็นวันกำฟ้า ทุกคนในบ้านรีบตื่นแต่เข้าตรู่ แม่บ้านเตรียมอาหารคาวหวานใส่สำรับไปถวายพระที่วัด ใส่บาตรพระด้วยข้าวหลาม ข้าวจี่ เมื่อพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะสังสรรค์ด้วยการรับประทานอาหารร่วมกัน ตกเวลาบ่ายไปจนเย็นและกลางคืนมีการละเล่น รื่นเริง เช่น แตะหม่าเบี้ย เส็งคลอง เซิ้งนางด้ง เซิ้งนางกวัก เซิ้งนางสะ ฯลฯ สำหรับการเซิ้งต่างๆ เป็นการเล่นที่เกี่ยวกับการทรงเจ้าเข้าผี ประกอบการร้องรำอย่างสนุกสนาน ในวันกำฟ้า ทุกคนจะหยุดงานหนึ่งวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดิน”เหล็กบ่เฮ้อต้องฆ้องบ่เฮ้อตี” (เฮ้อ = ให้, ต้อง = จับ) คงเป็นการป้องกหันมิให้ผู้คนถูกฟ้าผ่าในวันที่มีฟ้าคะนองนั่นเองในวันนี้ไม่มีการใช้งานสัตว์เลี้ยง ห้ามส่งเสียงอึกทึกครึกโครม ผู้ใดฝ่าฝืนเชื่อกันว่าจะถูกฟ้าลงโทษ หลังจากวันกำฟ้า (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3) ไป 7 วัน จะมีการกำฟ้าอีกครึ่งวัน และต่อจากครึ่งวันไปอีก 5 วัน จึงถือว่า “กำฟ้าแล้ว” (แล้ว = เสร็จ) ในวันนี้ชาวบ้านจะจัดอาหารคาวหวานไปถวายพระอีกครั้งหลังจากนั้นนำดุ้นฟืนที่ติดไฟ 1 ดุ้น ไปทำพิธีที่ลำน้ำ เรียกว่า “การเสียแล้ง” โดยการทิ้งดุ้นฟืนที่ติดไฟนั้นให้ไหลไปตามกระแสน้ำ เป็นการบูชาและระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการรบอกกล่าวแก่เทพยาดาผีฟ้าว่าหมดเขตกำฟ้าแล้ว ส่วนประเพณีกำฟ้าในปัจจุบัน คนเฒ่าคนแก่ที่เคยพบเห็นเป็นประเพณีกำฟ้าในอดีต ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของธรรมชาติอย่างแท้จริง ต่างคร่ำครวญถึงความหลัง เสียงหม่าเบี้ยกระทบกระดาน เสียงลำพวนเสียงแคนสลับกับเสียงหัวเราะสนุกสนานเฮอา ซึ่งหาไม่ได้ในปัจจุบัน แต่ด้วยเสน่ห์ของวันประเพณีกำฟ้าแต่หนหลัง จึงได้มีการจัดงานวันกำฟ้า โดยประยุกต์รูปแบบวิธีการที่เข้ากับยุคสมัย มีการจัดงานกำฟ้ารำลึกขึ้น มีงานกินเลี้ยง สังสรรค์ประกอบเสียงดนตรี มีการแสดงสาธิต การละเล่นพื้นเมืองต่างๆ ส่วนภาคกลางวันมีพิธีการทางศาสนาตามเดิม บางท้องที่จัดงานในรูปของสวนสนุก มีมหรสพต่างๆ เพื่อจัดหารายได้ไปบำเพ็ญสาธารณกุศล เช่น สร้างโรงเรียน ศาลาวัด สถานีอานามัย สะพาน ฯลฯ นับว่าทุกวันนี้ประเพณีกำฟ้าได้แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ได้มีการจัดตั้งชมรมในหมู่บ้านชาวพวน เพื่อรวมตัวกันอนุรักษ์ส่งเสริมฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมของชาวบ้านพวน ให้คงอยู่เพื่อชนรุ่นหลัง และชาวต่างชาติ ต่างภาษาได้เรียนรู้ถึงความเป็นอยู่ของชาวพวนในสมัยดั้งเดิม นับเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างยิ่ง