งานบริการการจัดสอบฯ ของเรา
About Us
งานบริการการจัดสอบฯ ของเรา
โดยปกติแล้ว ในการสอบไม่ว่าจะเป็นการสอบกลางเทอมหรือสอบไล่ปลายภาคไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาใดๆ ก็ตามตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา สมัยมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยหรือการศึกษาในกลุ่มสายอาชีพก็ตาม ก็ย่อมมีระเบียบปฏิบัติในการสอบทั้งสิ้น หน่วยงานของเราก็เช่นเดียวกันมีระเบียบปฏิบัติแบบกันเดียวกับการจัดสอบส่วนกลางของมหา
วิทยาลัยฯ ซึ่งผู้เขียนก็จะได้บรรยายหรือเล่าไปเป็นข้อๆ ต่อไปเพราะเนื่องจากที่ผ่านๆ มาในการจัดสอบของหน่วยงานเรานั้น ทางหน่วยงานหากแม้นว่าพบเหตุการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ถูกต้องตลอดช่วงเวลาที่นักศึกษากำลังข้อสอบ ซึ่งเมื่อกรรมการคุมสอบได้ตรวจพบการทุจริตในห้องสอบ ก็มักจะลงเอยด้วยความสูญเสีย และโอกาสของนักศึกษาเอง และเพื่อดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานในการจัดสอบของมหาวิทยาลัยฯ อันเปรียบได้ดั่งเครื่องกรองน้ำเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพอันทรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยฯ
ก่อนเข้าห้องสอบนักศึกษาจะต้องสำรวจตัวเองว่า แต่งกายเรียบร้อยหรือยัง ซึ่งมีข้อปฏิบัติคือ นักศึกษาชายต้องสวมชุดนักศึกษาหรือกางเกงขายาวเสื้อเชิตหรือเสื้อยืดคอปก ชายเสื้อเก็บเข้าในกางเกงให้เรียบร้อย สวมรองเท้าผ้าไบ หรือรองเท้าคัทชูหุ้มส้น สำหรับนักศึกษาหญิงให้สวมกระโปรง เสื้อทรงสุภาพ คอเสื้อไม่ลึก ไม่สวมเสื้อแขนกุดหรือเสื้อเกาะอก สวมรองเท้าคัทชูหรือรองเท้าส้นสูงหรือส้นเตี้ยก็ได้โดยต้องเป็นรองเท้าที่มีสายรัดส้น หรือให้สวมชุดนักศึกษา
ในกรณีที่นักศึกษาแต่งกายไม่เรียบร้อยมาสอบและไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ได้ ทางหน่วยงานจะอนุโลมให้เข้าสอบได้โดยนักศึกษาจะต้องกรอกแบบฟอร์มเรียกร้องขอสอบ โดยระบุสาเหตุที่แต่งกายไม่เรียบร้อยมาเข้าห้องสอบ และถ้าหากว่านักศึกษาคนดังกล่าว แต่งกายผิดระเบียบมาสอบอีกในครั้งต่อไป ก็จะถูกสิทธิ์ในการสอบ นอกจากชุดแต่งกายดังกล่าวแล้ว นักศึกษาหรือผู้เข้าสอบสามารถสวมชุดยูนิฟอร์มของบริษัท หรือชุดพละเข้าสอบได้
ก่อนจะเข้าห้องสอบ นักศึกษาจะต้องปิดเครื่องเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น ไอแพด ไอโฟน แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น ระหว่างทำการสอบหากเกิดเสียงสัญญานใดๆ เกิดขึ้น ถือว่านักศึกษามีเจตนาทุจริตในการทำข้อสอบ ทางหน่วยงานจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบของมหาวิทยาลัยโดยให้ปรับตกทุกกระบวนวิชาและห้ามลงทะเบียนเรียนอย่างน้อย 2 ภาคการศึกษาถัดไป สำหรับเอกสารตำราเรียน โน๊ตย่อ ชีทต่างๆ ให้เก็บใส่ลงในกระเป๋าสัมภาระและปิดให้มิดชิด และให้นำเข้าไปในห้องสอบได้ โดยให้วางไว้ข้างๆ ที่นั่งสอบ ห้ามวางสัมภาระไว้บนโต๊ะหรือที่ตักหรือแขวนไว้ที่ที่นั่งสอบ ในระหว่างการสอบหากกรรมการคุมสอบตรวจพบนักศึกษาทำการทุจริตในการสอบโดยการอ่านหรือดูโน๊ตย่อหรือเอกสารใดๆ รวมทั้งวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ทางหน่วยงานก็จำเป็นต้องดำเนินการตามระบียบของมหาวิทยาลัยฯ ดังที่ได้กล่าวข้างต้นเช่นกัน อนึ่ง เนื่องจากการสอบเป็นการจัดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และฮาร์ทแวร์อื่นๆ ในห้องสอบ มีอุปกรณ์ปลั๊กไฟและมีการเดินสายไฟเชื่อมโยงไปตามพื้นห้องไปยังที่นั่งสอบ ดังนั้นทางหน่วยงานจึงไม่อนุญาตให้นักศึกษานำแก้วน้ำหรือเครื่องดื่มใดๆ เข้าไปในห้องสอบได้เพื่อเป็นการดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยและอัคคีภัยได้ ให้วางไว้นอกห้องสอบเท่านั้น
3 ก.ย. 68
เกี่ยวกับคาบสอบในการจัดสอบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการการเข้าสอบของนักศึกษา เนื่องจากนักศึกษาหรือผู้เข้าสอบของมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้นมีเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาส่วนกลางกทม. ซึ่งมีทั้งนักศึกษากลุ่มที่เรียนหนังสือไปด้วยทำงานไปด้วยพร้อมกันและที่เรียนหนังสืออย่างเดียว หรือนักศึกษาที่อยู่ตามสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติตามจัวหวัดต่างๆทั่วประเทศ แต่ละเทอมที่ทางสถาบันได้เปิดการจัดสอบได้กำหนดเป็นระเบียบปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยกำหนดดังต่อไปนี้ คือ คาบสอบที่ 1 เริ่มเวลา 9:00 น. ถึง 11:30 น. คาบสอบที่ 2 เริ่ม 12:00 น. ถึง 14:30 น. คาบสอบที่ 3 เริ่ม 15:00 ถึง 17:30 น. และคาบสอบที่ 4 เวลา 18:00 น. ถึง 20:30 น. ซึ่งโดยทั่วไปนักศึกษามีเวลาในการทำข้อสอบ 2:30 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับบางวิชาอาจมีเวลาในการทำข้อสอบไม่ถึง 2:30 ชม.ก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับอาจารย์ประจำวิชาที่ออกข้อสอบวิชานั้นๆ เป็นผู้พิจารณา
ตลอดระยะเวลาที่นักศึกษากำลังทำข้อสอบอยู่นั้น ที่จอหน้าของนักศึกษาจะมีนาฬิกาจับเวลาอยู่ด้วย เพื่อให้ทราบว่าขณะนั้นๆ นศ.เหลือเวลาในการทำข้อสอบอีกนานแค่ไหนหรือกี่นาที เพื่อให้การสอบดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย นศ.จะต้องดูเวลาของตนเองด้วยเพื่อให้ทำข้อสอบได้ทันเวลาก่อนหมดเวลา ถ้าหากว่า นศ.ทำข้อสอบช้าจนกระทั่งหมดเวลาแล้วนศ.ยังไม่ส่งข้อสอบอีก ระบบจะทำการส่งข้อสอบให้เองโดยอัตโนมัติ ในกรณีนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของตัวนศ.เอง ทางสถาบันฯไม่สามารถแก้ไขใดๆหรือขยายเวลาให้ได้แต่อย่างใดเพราะฉะนั้นนศ.จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าสอบเสมอ
ประเด็นต่อมาที่สถาบันฯ มักพบเห็นอยู่เป็นระยะๆ คือพบว่านศ.มาเข้าห้องสอบสายหรือเกือบสาย ตัวอย่างเช่น ในคาบเช้า ตามระเบียบของมหาวิทยาลัยฯ อนุญาตให้เข้าห้องสอบสายได้ไม่เกิน 5 นาทีหลังเปิดให้เข้าห้องสอบ ก็มักจะมี
นศ.บางคนมาสายเกินกว่า 5 นาทีขึ้นไป ทำให้ไม่สามารถสแกนบัตรนศ.เพื่อรับสลิปที่นั่งสอบของตนได้ จึงทำให้นศ.เสียโอกาสในการสอบโดยเปล่าประโยชน์ ในเหตุการณ์เช่นนี้จากการสอบถามของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นศ.ก็มักจะให้คำตอบว่า นึกว่าเวลาเข้าห้องสอบของสถาบันนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาเข้าห้องสอบของการจัดสอบส่วนกลางของมหาวิทยาลัยฯ ต่อประเด็นนี้ทางสถาบันขอแจ้งให้นศ.ทราบว่า ในการจัดสอบโดยกำหนดให้มีการสอบให้ได้วันละ 3 คาบ หรือ 4 คาบเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์นั้น ในขณะที่การสอบส่วนกลางของมหาวิทยาลัยฯ ที่มีเพียง 2 คาบต่อวันเท่านั้น (อาจมีบางวันของบางเทอมที่มี 3 คาบ ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยครั้งมาก ถือเป็นกรณีพิเศษ) จึงไม่สามารถเริ่มต้นการสอบในเวลาเดียวกันได้ตามเหตุผลดังกล่าว อนึ่ง เรามีเวลาเพียง 30 นาทีก่อนเริ่มการสอบในคาบต่อไปในการเตรียมความพร้อมในการจัดสอบ เช่น เตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ให้พร้อมใช้งานได้เสมอ เตรียมเอกสารประกอบการสอบ(เฉพาะบางวิชา) กระดานไวท์บอร์ดและปากกาเมจิกที่ใช้ทดสำหรับนศ. หรือเตรียมเอกสารใบเซ็นชื่อนักศึกษาที่เข้าสอบ เป็นต้น
เมื่ออถึงเวลาเปิดให้นศ.เข้าห้องสอบ ให้นศ.เข้าประจำที่นั่งของตนเองตามที่ระบุในกระดาษสลิปและทำการ loggin เข้าสู่ระบบสอบ โดยใช้ username และ password ตามที่ระบุอยู่ในกระดาษเช่นเดียวกัน เมื่อเข้าสู่ระบบสอบได้แล้ว หากยังไม่ถึงเวลาเริ่มสอบ ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จะแสดงการนับเวลาถอยหลังให้กระทั่งได้เวลาสอบ ให้นศ.คลิกปุ่มเริ่มการสอบ ระบบก็จะทำการดาวน์โหลดชุดข้อสอบมาให้นศ.ได้ลงมือทำข้อสอบตามที่ต้องการ เนื่องจากการสอบ ณ ขณะนี้ ข้อสอบเป็นแบบปรนัยเกือบทั้งหมดในระบบ ในหน้าจอระบบสอบประกอบไปด้วย โจทย์ choice หรือตัวเลือก ปุ่มข้อถัดไป ปุ่มข้อก่อนหน้า ด้านขวามือของหน้าจอจะมี นาฬิกาจับเวลา และแผงคำตอบของแต่ละข้อที่จะแสดงให้เห็นว่ามีข้อใดบ้างที่ตอบแล้วหรือยังไม่ตอบ ถ้าข้อใดตอบแล้วข้อนั้นในแผงจะขึ้นเป็นสีเขียว แต่ถ้ายังไม่ตอบจะขึ้นเป็นสีขาว และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือนศ.สามารถเลือกทำข้อใดก่อนก็ได้โดยการคลิกที่หมายเลขข้อในแผงคำตอบดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องคลิกปุ่ม next เสมอไป
เมื่อนศ.ทำข้อสอบจนเสร็จหมดทุกข้อแล้วให้คลิกปุ่ม ส่งข้อสอบ เพื่อรับเกรดหรือผลการสอบที่จะได้รับ โดยจะปรากฏไดอะล๊อกบ๊อกการยืนยันการส่งข้อสอบ ก็ให้นศ.คลิกปุ่มเพื่อยืนยันไปก็จะทราบผลสอบทันที หากนศ.เปลี่ยใจต้องการทบทวนการทำข้อสอบอีกครั้ง ก็ให้คลิกปุ่ม no ระบบก็จะถอยกลับเข้ามาสู่หน้าจอการทำข้อสอบแบบก่อนหน้าให้เราได้ทบทวนการตอบคำถามแต่ละข้อ หลังจากที่นศ.ส่งข้อสอบและได้เกรดสอบแล้ว ให้นศ.มารับใบแจ้งผลการสอบที่เคาน์เตอร์พิมพ์ผลสอบที่บริเวณด้านประตูทางเข้าห้องเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป
นักศึกษาทุกคนที่เข้าสอบจำเป็นต้องเซ็นชื่อเข้าสอบทุกคนตามระเบียบของมหาวิทยาลัยฯ หลังจากเริ่มทำข้อสอบ ไปได้ 15 นาทีเจ้าหน้าที่ฯจะนำใบเซ็นชื่อผู้เข้าสอบไปให้นศ.เซ็นชื่อเข้าสอบโดยนศ.จำเป็นต้องแสดงหลักฐานในการเข้าสอบด้วยการแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรนักศึกษา สำหรับนักศึกษาที่ไม่พร้อมแสดงบัตรประชาชนให้ใช้บัตรอื่นๆ ที่มีรูปถ่ายที่หน่วยงานทางราชการออกให้เช่น ใบขับขี่ หรือประจำตัวข้าราชการ ในกรณีที่เป็นนักศึกษาต่างด้าวหรือต่างชาติให้ใช้หนังสือวีซ่า หรือบัตรสีชมพูแทนบัตรประชาชนได้เช่นกัน กรณีที่ไม่มีบัตรนักศึกษาให้นศ.ไปขอใบแทนบัตรนักศึกษาได้ที่หน่วยงาน One Stop Service ชั้น 1 อาคารกงไกรลาศ เพื่อนำมาแสดงแทนในการเข้าสอบ หากนักศึกษาขาดหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งจะหมดสิทธิ์ในการเข้าสอบซึ่งอ้างอิงตามระเบียบของมหาวิทยาลัยฯเช่นกัน
30 ส.ค.68
ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วได้บรรยายเกี่ยวกับภาพรวมการจัดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละปีการศึกษาหรือแต่ละเทอมที่ทางสถาบันบริการฯ ได้เปิดทำการสอบให้แก่นักศึกษาผู้เข้าสอบ ทำให้ผู้อ่านได้มองเห็นภาพรวมในมุมมอง
แบบกว้างๆ วันนี้ก็จะมาพูดต่อเนื่องกันไป สำหรับแนวปฏิบัติที่ทางหน่วยงานของเราได้ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมายาวนานหลายปีนับตั้งแต่หน่วยงานนี้ได้รับการก่อตั้งขึ้นมาโดยสภามหาวิทยาลัยฯ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 จนถึงปีนี้ พ.ศ.2568 นี่ก็นับได้ 21 ปีแล้ว ปีนี้ก็เป็นปีที่ 22 ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อนับอายุของหน่วยงานหรือความยาวนานของการทำงานแล้วก็ทำให้นึกถึงสมัยก่อน ขณะนั้นการจัดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการดำเนินงานหรือเปิดสอบโดย e-Testing ซึ่งหน่วยงานในขณะนั้นมีสถานะเป็น "สำนัก" หรือ Bereau แต่ปัจจุบันหน่วยงานของเรามีสถานะเป็น สถาบัน หรือ Institute อ่านถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ระหว่างสำนัก กับ สถาบัน นั้นต่างกันอย่างไร ขออธิบายแบบย่อๆ โดยหน่วยงานที่เป็นสำนักหรือสำนักงานนั้นหมายถึงส่วนราชการที่มีภารกิจหลักในงานโยบายขององค์กร มีการเก็บรวมรวมข้อมูล การประมวลผลและการเผยแพร่ข้อมูลต่อไป เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักบริการทางวิชาการและทดสอบประเมินผล(สวป.) หรือ Admissions and Records Office ส่วนคำว่าสถาบัน หมายถึง การรวมกลุ่มบุคคลหรือกิจการที่ตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดโดยเฉพาะ มักเกี่ยวกับงานวิจัย การศึกษา หรือความชำนาญงานเฉพาะด้านที่กำหนด หรือการฝึกอบรม เป็นต้น การเปลี่ยนสถานะของหน่วยงานเรานั้น ได้รับการสถาปนาให้เป็น สถาบัน ในปีพ.ศ.2559 ใช้ชื่อหน่วยงานว่า สถาบันบริการวิชาการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Academic Service Institute หรือ EASI) คนละหน่วยงานกันกับ สวป. ผู้อ่านหากสังเกตุให้ดีจะเห็นว่า e-Test หรือ e-Testing จริงๆ แล้วไม่ใช่ชื่อหน่วยงานของเราแต่อย่างใด ซึ่งคำนี้หมายถึงคำที่ใช้เรียกการให้บริการของหน่วยงานของเรา เท่าที่ผ่านๆ มา เวลานักศึกษามาสอบ นักศึกษาก็มักจะเรียกหน่วยงานของเราว่า e-Testing หรือแม้แต่บุคลากรในมหาวิทยาลัยฯ เองก็ตามก็มักเรียกว่า e-Testing เช่นเดียวกัน คงเป็นเพราะเรียกง่ายดี อนึ่งการก่อตั้งตั้งหน่วยงานของเรานั้น เป็นการควบรวมศูนย์หน่วยงานจาก e-Test เดิมที่เป็นสำนัก รวมเข้ากับ ศูนย์สื่อการสอนทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Learning center) ในปีพ.ศ.2559 ดังกล่าว
สำหรับแนวปฏิบัติในการเข้าสอบรวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมักประสบพบเจออยู่เสมอๆ ก็ได้นำมาเล่าสู่กันฟัง ต้องขออารัมบทด้วยคำถามที่มักถูกถามจากนักศึกษาบ่อยๆ ว่าทำไมต้องลงทะเบียนเรียนภาคปกติก่อนถึงจะสมัครสอบ e-Test ได้ เพราะว่าตามแนวนโยบายของมหาวิทยาลัยฯกำหนดไว้ว่า การสอบ e-Test นั้นมีจุดประสงค์เป็นการเพิ่มโอกาสในการสอบในภาคปกติที่ได้ลงทะเบียนไปแล้ว นักศึกษาจะลงทะเบียนสอบ e-Test หรือไม่ก็ได้ ถ้าลงทะเบียนก็จะได้โอกาสในการสอบเพิ่มขึ้นอีก 1 ครั้งแต่ถ้าไม่ลงทะเบียนก็ไม่ส่งผลเสียหายแก่นักศึกษาแต่อย่างใด นักศึกษาก็สามารถไปสอบในภาคปกติได้ 1 ครั้งตามปกติ สำหรับประโยชน์ที่นักศึกษาจะได้รับหากได้ลงสอบ e-test คือหากนักศึกษาสอบผ่านก็ไม่ต้องเข้าสอบในภาคปกติแล้วเพราะได้หน่วยกิตสำหรับวิชานั้นๆแล้ว และหากสอบไม่ผ่านก็สามารถเข้าสอบในภาคปกติได้ตามปกติ คำถามต่อมา ทำไม e-Test ไม่เปิดสอบในภาคซ่อม? อันที่จริงแล้วหน่วยงานเราก็อยากจัดสอบเช่นกัน แต่เนื่องจากว่า ในแต่ละภาคการศึกษานั้นใช้เวลาเรียนหนังสือประมาณ 3 เดือน การสอบซ่อมของนักศึกษานั้นใช้เวลาประมาณ 6-8 วัน ทำการสอบในช่วงประมาณกลางเทอมตามที่นักศึกษาเข้าใจกันดีแล้ว แต่สำหรับการสอบ e-Test นั้นกินเวลาประมาณ 2 เดือนกว่า ก็นับจากวันเปิดภาคเรียนไปไม่กี่วัน ไปจนถึง ก่อนวันเริ่มสอบไล่ประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อส่งผลสอบนักศึกษาให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการอัพเดททะเบียนข้อมูลหน่วยกิตของนักศึกษาต่อไป ในการเปิดสอบ e-Test นั้น จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นเป็นภาคๆไป ไม่สามารถเปิดการสอบอื่นใดเพื่อนำเข้ามาแทรกระหว่างทางได้ ยิ่งด้วยในทางปฏิบัติแล้วจะทำให้เกิดความสับสนเกิดปัญหาข้อยุ่งยากแก่ผู้ปฏิบัติงานตามมาด้วย
23 ส.ค.68
สวัสดีครับ! นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงทุกคน ทั้งในส่วนกลาง(กทม.) นักศึกษาจากสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดต่างๆ จากทั่วประเทศ นักศึกษาจากต่างสถาบันหรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งนักศึกษา Pre- Degree จากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ด้วย
เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยสถาบันบริการวิชาการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ดำเนินการเปิดสอบหรือจัดให้มีการสอบทางอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกกันว่าสอบ e-Testing ซึ่งจะทราบผลการสอบทันทีว่านักศึกษาได้เกรดสอบเป็น A หรือ B หรือ C หรือ D หรือ F แบบทันทีทันใดที่ทำข้อสอบเสร็จและส่งข้อสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นการเพิ่มโอกาสในการสอบของนักศึกษาเพิ่มเติมจากการสอบในภาคปกติ ซึ่งการนี้หน่วยงานของเราได้เปิดการสอบ e-Testing ตลอดเรื่อยมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่หน่วยงานได้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ.2547 โดยอดีตอธิการบดีอาจารย์รังสรรค์ แสงสุขและคณะผู้บริหารมหาวิทยลัยฯ ในขณะนั้น
การสอบฯ ก็ได้กำลังเวียนมาอีกคราวหนึ่งแล้วสำหรับการสอบในภาคการศึกษานี้คือภาคการศึกษาที่ 1 พ.ศ.2568 สำหรับการสอบในภาคนี้ทางสถาบันบริการฯ ของเราก็ได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อให้การดำเนินการจัดสอบฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพร้อมให้บริการแก่ผู้เข้าสอบทุกคนและหากแม้ว่าเกิดข้อขัดข้องใดๆ ระหว่างการสอบของนักศึกษา เจ้าหน้าที่ของเราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีจนกว่าจะเสร็จสิ้นการสอบในแต่ละคาบสอบ อันนำมาซึ่งผลการประเมินความพึงพอใจเป็นที่น่ายินดีของนักศึกษาผู้เข้าสอบที่มีต่อสถาบันบริการฯ ของเราเรื่อยมา ด้วยเหตุนี้ทางสถาบันบริการฯ ของเราพึงจักเก็บความเป็นมาตรฐานในการให้บริการในการจัดสอบต่อไป สำหรับการจัดสอบ e-Testing ในภาคการศึกษานี้ ทางสถาบันฯ ได้เปิดวิชาที่จะสอบเป็นจำนวนกว่า 100 วิชากันเลยทีเดียว ซึ่งการเพิ่มวิชาใหม่เข้ามาในระบบสอบ e-Testing นั้นเรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาได้เก็บหน่วยกิตได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่จะเข้ามาในระบบสอบของเราด้วย
สำหรับการสอบในภาคการศึกษา 1/2568 นี้ สืบเนื่องมากจากหลายๆ เทอมที่ผ่านมาพบว่า มีนักศึกษาจำนวนมากที่มาเข้าสอบในวันเสาร์และวันอาทิตย์โดยเฉพาะนักศึกษาที่เรียนหนังสือและทำงานไปพร้อมๆ กันที่ไม่ค่อยสะดวกที่จะมาเข้าสอบ e-Testing ในวันปกติหรือวันจันทร์-ศุกร์ จึงทำให้มีนักศึกษามาเข้าสอบในวันเสาร์-อาทิตย์เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ทางผู้อำนวยการและคณะปฏิบัติงานของสถาบันของเราได้เล็งเห็นปัญหานี้จึงได้เตรียมการขยายห้องสอบให้เพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้เข้าสอบที่เพิ่มมากขึ้นในวันดังกล่าว จึงได้เพิ่มห้องสอบอีก 1 ห้องสอบโดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันคอมพิวเตอร์ ม.รามคำแหง โดยเปิดให้ใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อาคารเวียงคำหรือ VKB ชั้น 2 (ม.รามฯ1) โดยเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ 40 เครื่องสำหรับรองรับนักศึกษากลุ่มดังกล่าวแล้ว
เพื่อให้การเข้าสอบของนักศึกษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นก่อนเข้าห้องสอบ สิ่งที่นักศึกษาพึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเอาใจใส่คือการไปถึงห้องสอบที่อาคารสุโขทัย(SKB) ชั้น 8 ก่อนเวลาเข้าห้องสอบอย่างน้อย 30 นาที เมื่อมาถึงหน้าห้องสอบแล้วนักศึกษาต้องทำการสแกนบาร์โค้ด(โดยใช้บัตรนักศึกษาของตนเองเท่านั้น) และรับหมายเลขที่นั่งสอบ สิ่งที่นักศึกษาต้องทำคือให้ดูที่นั่งสอบที่อยู่ในสลิป ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ปรากฏอยู่นั้น หมายถึงแถวของที่นั่งสอบ หากนักศึกษาคนใดที่ได้แถวที่ขึ้นต้นด้วยอักษรตัว A ให้นักศึกษาลงจากตึกสุโทัยและเดินไปยังอาคารเวียงคำ(VKB)และขึ้นไปชั้น 2 เพื่อรอเข้าห้องสอบที่ได้จัดเตรียมไว้ สำหรับนักศึกษาที่ได้แถวสอบที่นอกเหนือจากแถว A จะต้องรอเข้าห้องสอบที่ชั้น 8 อาคารสุโขทัย เมื่อถึงเวลาเปิดห้องสอบให้เข้าห้องแล้ว ให้ผู้เข้าสอบไปยังที่นั่งตามแถวและหมายเลขที่นั่งของตนเองเท่านั้นเพื่อทำข้อสอบต่อไป สำหรับห้องสอบ e-Testing และบรรยากาศการสอบผู้เขียนได้นำภาพเหล่านี้มาแสดงให้ดูคร่าวๆ ตามข้างล่างนี้ ...
21 สค.68