องค์ประกอบของงานกราฟิก
LINES
เส้นในการออกแบบ
เส้นใช้ในการแบ่งพื้นที่ หรือสร้างส่วนประกอบต่างๆขึ้นมา เส้นแต่ละชนิดก็บ่งบอกถึงอารมณ์งานที่ต่างกันได้
COLOR
สี
สีคือสิ่งที่กำหนด Mood and Tone และสร้างความแตกต่าง ให้กับงานอออกแบบ ซึ่งมันจะอยู่ในเส้น รูปทรงพื้นผิว พื้นหลังและตัวหนังสือต่างๆ
SHAPE
รูปร่างต่าง ๆ
รูปร่างเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่ม ความน่าสนใจให้กับงานออกแบบ หรือจะใช้เน้นส่วนประกอบ ในงานออกแบบ ซึ่งรูปทรงแต่ละแบบ ก็มีความหมายในทางที่ต่างกัน
TEXTURE
พื้นผิว
พื้นผิวสามารถสร้างลักษณะ สามมิติให้กับงานออกแบบ และสร้างสรรค์ ให้งานออกมาสมจริงได้
SPACE
พื้นที่ในงาน
พื้นที่สามารถสร้างรูปทรงที่แปลกตาขึ้นมาได้ มักจะนำไปใช้ในโลโก้ หรือ งานออกแบบที่ต้องการแฝงความหมายต่างๆ เอาไว้
TYPOGRAPHY
ตัวอักษร
การเลือกสไตล์ของตัวอักษรก็มีความสำคัญ เพราะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คอยบอกอารมณ์ของงานออกแบบ
SCALE
ขนาดต่าง ๆ
เล่นกับขนาดของรูปทรง หรือแม้แต่ตัวอักษร จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ให้กับงานออกแบบได้
DOMINANCE
AND EMPHASIS
องค์ประกอบหลักและรอง
สร้างองค์ประกอบหลักที่เป็นจุดเด่นของงาน และสร้างองค์ประกอบรอง เพื่อส่งเสริมให้งานออกแบบดูมี Contrast และจะยิ่งช่วยให้องค์ประกอบหลัก ของงานออกแบบเด่นขึ้นมา
BALANCE
สมดุล
เการสร้างสมดุลให้กับงานออกแบบเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่างานออกแบบเอียง หรือดึงดูดสายตาไปทางมุมไหนมากเกินไป นั่นแสดงว่าสมดุลในงานไม่ดี ให้แก้ไขโดยการวางองค์ประกอบอะไรสักอย่างเข้าไปอีกด้าน
HARMONY
ต้องสอดคล้องกัน
รายละเอียดองค์ประกอบในงานออกแบบ ควรจะมีความสอดคล้องไปด้วยกันได้ ไม่ขัดกัน จะทำให้ งานออกแบบดูสมบูรณ์ที่สุด
หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์
(Composition)
ซึ่งมีหลักที่ควรคำนึง อยู่ 5 ประการ
1. สัดส่วน (Proportion)
สัดส่วน (Proportion) หมายถึง ความพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อย ขององค์ประกอบทั้งหลายที่นำมาจัดรวมกัน ความเหมาะสมของสัดส่วนอาจ พิจารณาจากคุณลักษณะดังต่อไปนี้
1) สัดส่วนที่เป็นมาตรฐาน
2) สัดส่วนจากความรู้สึก
2. ความสมดุล (Balance)
ความสมดุล หรือ ดุลยภาพ (Balance) หมายถึง น้ำหนักที่เท่ากันขององค์ประกอบ ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ความพอเหมาะพอดีของ ส่วนต่าง ๆ ดุลยภาพในงานศิลปะ มี 2 ลักษณะ คือ
1) ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance)
2) ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance)
3. จังหวะลีลา (Rhythm)
จังหวะลีลา (Rhythm) หมายถึง การเคลื่อนไหวที่เกิดจาการซ้ำกันขององค์ประกอบ เป็นการซ้ำที่เป็นระเบียบ จากระเบียบธรรมดาที่มีช่วงห่างเท่าๆ กัน มาเป็นระเบียบที่สูงขึ้น ซับซ้อนขึ้นจนถึงขั้นเกิดเป็นรูปลักษณะของศิลปะ โดยเกิดจาก การซ้ำของหน่วย หรือการสลับกันของหน่วยกับช่องไฟหรือเกิดจาก การเลื่อนไหลต่อเนื่องกันของเส้น สี รูปทรง หรือ น้ำหนัก
4. การเน้น (Emphasis)
การเน้น (Emphasis) หมายถึง การกระทำให้เด่นเป็นพิเศษกว่าธรรมดา ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือจุดใดจุดหนึ่ง ที่มีความสำคัญกว่าส่วนอื่น ๆ งานที่ไม่มีจุดสนใจ หรือประธาน จะทำให้ดูน่าเบื่อ เหมือนกับลวดลายที่ถูกจัดวางซ้ำกันโดยปราศจากความหมาย หรือเรื่องราวที่น่าสนใจ ดังนั้น ส่วนนั้นจึงต้องถูกเน้น ให้เห็นเด่นชัดขึ้นมา เป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ผลงานมีความงาม สมบูรณ์ ลงตัว และน่าสนใจมากขึ้น การเน้นจุดสนใจสามารถทำได้ 3 วิธี คือ
1) การเน้นด้วยการใช้องค์ประกอบที่ตัดกัน (Emphasis by Contrast)
2) การเน้นด้วยการด้วยการอยู่โดดเดี่ยว (Emphasis by Isolation)
3) การเน้นด้วยการจัดวางตำแหน่ง (Emphasis by Placement
5. เอกภาพ (Unity)
เอกภาพ (Unity) หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขององค์ประกอบศิลป์ทั้งด้านรูปลักษณะและด้านเนื้อหาเรื่องราว เป็นการประสานหรือจัดระเบียบของส่วนต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลรวมอันไม่อาจแบ่งแยกส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป โดยการเชื่อมโยงส่วนต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กัน เอกภาพของงานศิลปะ มีอยู่ 2 ประการ คือ
1) เอกภาพของการแสดงออก
2) เอกภาพของรูปทรง