ข้อมูล (Data) คือ ข้อความที่เกี่ยวข้องกับปริมาณหรือไม่เกี่ยวข้องกับปริมาณก็ได้
ในการจัดการข้อมูลหรือนำข้อมูลมาประมวลผลหรือวิเคราะห์นั้น ผู้ที่จะจัดการเกี่ยวกับข้อมูลต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของข้อมูลเสียก่อน โดยหากแบ่งชนิดของข้อมูลตามลักษณะของข้อมูล จะแบ่งได้ 2 ลักษณะ ได้แก่ ข้อมูลเชิงปริมาณ และ ข้อมูลเชิงคุณภาพ
1. ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) คือ ข้อมูลที่แสดงขนาดหรือปริมาณซึ่งวัดออกมาเป็นค่าของตัวเลขที่สามารถใช้เปรียบเทียบขนาดได้โดยตรง เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง คะแนนสอบ จำนวนนักเรียน ฯลฯ
2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) คือ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้โดยตรง แต่วัดออกมาเพื่อบ่งบอกคุณลักษณะบางอย่าง เช่น เพศ สถานภาพสมรส สี ฯลฯ ข้อมูลเชิงคุณภาพบางอย่างสามารถวัดออกมาเป็นลำดับที่หรือตำแหน่งที่ได้ เช่น เจตคติ ความคิดเห็น ความรู้สึก เป็นต้น
แต่ถ้าหากพิจารณาจำแนกข้อมูลตามวิธีเก็บรวบรวม จะสามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คือ ข้อมูลปฐมภูมิ และข้อมูลทุติยภูมิ
1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) คือ ข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องเก็บรวบรวมจากแหล่งที่มาของข้อมูลโดยตรง ซึ่งอาจทำได้โดยการสัมภาษณ์ การนับ การวัด หรือการสังเกตจากแหล่งข้อมูลนั้นโดยตรง โดยที่ข้อมูลเหล่านั้นไม่เคยมีผู้ใดเก็บรวบรวมไว้ก่อน
2. ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) คือ ข้อมูลที่หน่วยงานหรือผู้อื่นเก็บไว้แล้ว เพื่อการวางแผนหรือการบริหารหรือเพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง และมีบุคคลหรือหน่วยงานนำข้อมูลที่มีอยู่นั้นมาใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาในการรวบรวมข้อมูลใหม่ และประหยัดค่าใช้จ่าย
การรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ ถูกต้อง ครบถ้วน และครอบคลุมทุกประเด็นในระดับความลึกของข้อมูลที่ต้องการ ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและใช้คำถามรวมทั้งแนวคำตอบที่ชัดเจน ทำให้ผู้ให้ข้อมูลเต็มใจและให้ข้อมูลได้อย่างครบถ้วน
นอกจากการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์หรือสร้างสารสนเทศแล้ว นักเรียนสามารถใช้หลักการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการได้ โดยการรวบรวมข้อมูลนั้น หมายถึง การนำเอาข้อมูลต่างๆ ที่ผู้อื่นได้เก็บไว้ เช่น รายงาน เอกสารต่างๆ มาทำการศึกษาวิเคราะห์ต่อ ซึ่งจะมีประโยชน์ในด้านการรวบรวมข้อมูลที่รวดเร็ว แต่ข้อมูลที่ได้ก็จะเป็นข้อมูลประเภททุติยภูมินั่นเอง
ในการตั้งคำถามนั้น ควรทำการศึกษากลุ่มเป้าหมายที่จะสอบถามหรือเก็บข้อมูลว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายใด และเลือกใช้คำถามหรือตั้งคำถามให้สอดคล้องและเข้าถึงเป้าหมายนั้นๆ การวางรูปแบบของคำถามควรมีโครงสร้างที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และระบุประเด็นให้ชัดเจน โดยลักษณะของคำถามที่ดีในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิจัยและพัฒนา มีดังนี้
สอดคล้องกับประเด็น (Relevant)
สามารถจัดการข้อมูลเหล่านั้นได้ (Manageable)
แสดงเจตนาและแนวคิดของประเด็นคำถามเป็นรูปธรรม (Substantial and Original)
สามารถนำคำตอบนั้นไปประเมินเพื่อหาผลลัพธ์ที่มีความน่าสนใจได้ (Fit for Assessment)
คำถามมีความชัดเจน เรียบง่าย (Clear and Simple)
คำถามมีความน่าสนใจ (Interesting)
เมื่อตั้งคำถามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปคือการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้สอบถาม สำรวจ ทดลองหรือทดสอบ ซึ่งนักเรียนสามารถใช้เครื่องมือสร้างแบบสอบถามออนไลน์ที่ให้บริการในปัจจุบันได้ โดยเครื่องมือที่นิยมใช้
การประมวลผลข้อมูล
เมื่อได้ข้อมูลจาการรวบรวมข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไป คือการนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลเพื่อตอบคำถามหรือวิเคราะห์ผลลัพธ์ให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ โดยหลักการสำคัญในการประมวลผลข้อมูล มีดังนี้
1. การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ (Manual Data Processing)
เป็นการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะบัตร แบบฟอร์มกระดาษ แฟ้ม เอกสาร และใช้อุปกรณ์ เช่น ดินสอ ปากกา และเครื่องคิดเลข ซึ่งสามารถทำได้ในปริมาณข้อมูลที่ไม่มาก
2. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Processing : EDP)
เป็นการใช้อุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อ่านข้อมูล เช่น เครื่องอ่านบาร์โคด เครื่องอ่านข้อสอบแบบปรนัย ซึ่งนิยมใช้ชงานในปัจจุบันแทนการประมวลผลด้วยมือ เพราะให้ความถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งการประมวลผลแบบอิเล็กทรอนิกส์นี้แบ่งลักษณะการประมวลผลออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ การประมวลผลแบบออฟไลน์ (Offline Processing) การประมวลผลแบบออนไลน์ (Online Processing) และการประมวลผลแบบกลุ่มก้อนข้อมูล (Batch Processing)
3. การประมวลผลข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวร์
การใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมากจะช่วยให้ลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้และประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้ประมวลผลข้อมูล ได้แก่ Google Sheets ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับการใช้งานของ Microsoft Office Excel และ Google Sheets สามารถใช้ประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก Google Forms ได้อีกด้วย
การนำเสนอข้อมูล
เมื่อนักเรียนรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจข้อมูลนั้น คือ การนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ถูกต้องและครอบคลุมประเด็นที่ต้องการนำเสนอ การใช้โปรแกรมนำเสนอข้อมูลจึงมีความสำคัญและจำเป็น เพื่อช่วยให้การจัดวางองค์ประกอบของข้อมูลในเชิงการนำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของการนำเสนอ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. การนำเสนอเพื่อชักชวน เชิญชวน รณรงค์ ชี้ประเด็นใหเคล้อยตาม
🔶การนำเสนอเพื่อชักชวน
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
2. การนำเสนอเพื่อให้ความรู้ทั่วไป เหมาะกับการแนะนำองค์กร การแสดงภาพรวมของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
3. การนำเสนอเพื่ออธิบายขั้นตอนหรือวิธีการ ซึ่งจะเน้นการอธิบายกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ให้ผู้รับสารทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น
4. การนำเสนอเพื่อสรุปผลให้ทราบ เป็นการรายงานสรุปผล เช่น รายงานสภาพการจารจร รายงานผลการทดสอบเครื่องจัก เป็นต้น
🔶การนำเสนอเพื่อให้ความรู้ทั่วไป
ที่มา : เฟซบุ๊ค วิชาการโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง เพจหลัก
🔶การนำเสนอเพื่ออธิบายขั้นตอนหรือวิธีการ
ที่มา : คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลันมหิดล
🔶การนำเสนอรายงานเพื่อสรุปผลให้ทราบ
ที่มา : www.set.or.th