Self-esteem คืออะไร
Self-esteem คือความพึงพอใจในตนเอง ความเห็นคุณค่าในตัวเอง
การเชื่อว่าตนเองมีค่าโดยไม่ปล่อยให้ผู้อื่นมานิยามคุณค่าของตนเองได้ง่ายๆ โดยความรู้สึกและความคิดเหล่านี้จะส่งผลให้เรามีความมั่นคงทางอารมณ์ที่มากขึ้น มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และมีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น
อาการแบบไหนที่เรียกว่า Self-esteem ต่ำ (Low self-esteem)
1. อ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์มาก
อารมณ์อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษเมื่อได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบ เก็บคำวิจารณ์เหล่านั้นมาคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและคิดมาก อาจมีการแสดงออกทางอารมณ์ เช่น จิตตกได้ง่าย เศร้า เสียใจง่าย น้อยใจง่าย หรือโกรธ โมโห หงุดหงิดง่ายเมื่อได้รับการวิพากษ์วิจารณ์
2. กลัวการเข้าสังคม
ไม่กล้าพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็นเพราะกลัวถูกปฏิเสธ กลัวความผิดพลาด บางคนอาจเก็บตัว ไม่อยากพบเจอใคร หรือบางคนอาจตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับคนอื่น มีพฤติกรรมขวางโลกและมองผู้อื่นในแง่ลบ
3. มักเรียกร้องความสนใจ
การแสวงหาความยอมรับ ความสนใจ และความรักจากผู้อื่นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม แต่ถ้าหมกมุ่นเกินไป อาจหมายความว่าเพื่อนๆ กำลังขาดความมั่นใจและไม่เห็นคุณค่าในตนเอง จึงต้องแสวงหาจากการยอมรับจากคนรอบข้างมาชดเชย
4. กังวลกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากๆ
แคร์สายตาผู้อื่น ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมาก วิตกกังวลว่าผู้อื่นจะมองเราอย่างไร บางคนอาจถึงขั้นประเมินว่าคนอื่นจะให้คะแนนเราเท่าไหร่ อย่างไร จริงๆ แล้วการแคร์ผู้อื่นบ้างเป็นเรื่องที่ดี เพราะแสดงถึงความใส่ใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจทำให้เรารู้สึกขาดความมั่นคง หรือขาดความภูมิใจในตนเองได้
5. ลังเล ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ
บางครั้งเราอาจรู้สึกกลัว ลังเล ไม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง รวมไปถึงกังวลกับผลที่จะตามมาจนไม่กล้าตัดสินใจลงมือทำอะไร
6. รู้สึกโดดเดี่ยว
รู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ยอมรับ เข้ากับผู้อื่นไม่ได้ ทำให้เหงาและโดดเดี่ยว บางครั้งแสดงออกผ่านการเก็บตัวหรือความต้องการอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนตลอดเวลา เพราะไม่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีให้กับตัวเองได้
7. กลัวความผิดพลาด ย้ำคิดย้ำทำ
กังวล ทบทวนและทำสิ่งเดิมอยู่ซ้ำๆ ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกเพราะกลัวความผิดพลาด กลัวความไม่สมบูรณ์แบบ กลัวว่าความผิดพลาดจะทำให้ตนเองเสียความมั่นใจไปกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การหลีกเลี่ยงปัญหา ทำให้ปัญหาพอกพูนไปเรื่อยๆ และนำไปสู่ความเครียดได้
8. พยายามเอาใจคนอื่นมากเกินไปและไม่กล้าปฏิเสธ
บางคนอาจยอมเป็นผู้ตามผู้อื่นมากเกินไป ไม่กล้าปฏิเสธคำขอ ไม่กล้าบอกความต้องการของตนเองตรงๆ จนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป สาเหตุเพราะกลัวว่าจะแปลกแยกและไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น จนนำไปสู่การขาดความภูมิใจตนเองและไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร
9. ยึดติดกับความสำเร็จมาก
ต้องการเป็นที่รู้จัก ต้องการชื่อเสียง เกียรติยศและความสำเร็จเพื่อให้ได้รับการยอมรับและรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในสายตาผู้อื่น ซึ่งเกิดจากการไม่เห็นคุณค่าภายในตนเอง จึงต้องเสริมความเชื่อมั่นโดยอาศัยความสำเร็จต่างๆ เป็นตัวการันตีคุณค่าของเรา
10. ไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง
หลีกเลี่ยงและไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง พยายามปลอบใจตัวเองด้วยข้อดีต่างๆ นานาจนบางครั้งอาจนำไปสู่อาการหลงตัวเองเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีอยู่ตลอด
จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ใครๆ ก็มีอาการเหล่านี้ได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ รู้สึกว่าตนเองมีอาการเหล่านี้มากเกินไป อาจต้องกลับมาทบทวนตนเองว่าเราเห็นคุณค่าและพึงพอใจในตนเองมากน้อยแค่ไหน แล้วลองกลับมาดูแลตนเอง รักตนเองให้มากขึ้น
เมื่อ Self-Esteem ต่ำ นี่คือ 4 สิ่งที่ควรทำเพื่อย้ำถึง " คุณค่าในตัวเอง "
Self-Esteem คือการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ซึ่งสะท้อนผ่านการรู้สึกภูมิใจ มั่นใจ รวมไปถึงการมีความสุขกับการเป็นตัวเอง
ดูเหมือนว่า Self-Esteem น่าจะอยู่ในตัวของคนทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย หลายคนแม้จะประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานดี มีความรักที่สมหวัง แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า หรือไม่ได้รู้สึกมีความสุขอย่างที่คนอื่นเข้าใจ
การมี Self-Esteem เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเราคงจะอยู่อย่างทุกข์ทรมานกับร่างที่ใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่อาจสัมผัสถึงความสุข ความภาคภูมิใจ และพลังใจใดๆ จริงๆ แล้ว Self-Esteem เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้ ซึ่งบทความบนเว็บไซต์ Medium เรื่อง “4 Psychological Habits for Better Self-Esteem” ที่เขียนโดย Nick Wignall ได้พูดถึงการพัฒนา Self-Esteem ด้วยการสร้างนิสัยผ่านพฤติกรรมที่ดีของตัวเอง 4 ข้อ ดังนี้
1. รักษาสัญญากับตัวเอง
คนที่มี Self-Esteem ต่ำมักจะเก่งมากกับการรักษาสัญญาต่อคนอื่น แต่กลับไม่เคยรักษาสัญญาต่อตัวเองได้เลย ลองสังเกตตัวเองดูว่าคุณเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไปหรือเปล่า คุณพยายามจะให้ในทุกสิ่งที่คนอื่นๆ ต้องการ จนมันเริ่มกัดกินพื้นที่ส่วนตัวและเวลาที่คุณมอบให้ตัวเองหรือไม่
สมมติว่า คุณมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่สนใจฟังคำแนะนำของคุณ ผิดนัดบ่อย และไม่รักษาคำพูด คุณก็คงอยากตีตัวออกห่าง ไม่อยากคบต่อ จนถึงขั้นรู้สึกหมดศรัทธากับเพื่อนคนนั้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่ตัวคุณต้องเจอทุกวัน คุณที่ผิดสัญญากับตัวเอง ไม่สนใจทำตามความต้องการของตัวเอง ตามใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง จึงไม่แปลกใช่ไหมที่คุณจะรู้สึก “หมดคุณค่า” ในตัวเอง ดังนั้น ถ้าอยากเพิ่ม Self-Esteem คุณจึงควรเริ่มต้นด้วยการรักษาสัญญากับตัวเองเป็นอันดับแรก
2. อยู่กับคนที่ดีต่อใจ
คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยนั้นมีอิทธิพลต่อลักษณะนิสัยของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าคุณอยู่กับคนขี้เกียจเยอะๆ คุณก็มีแนวโน้มจะเป็นคนขี้เกียจไปด้วย เช่นเดียวกับเรื่องพฤติกรรมและ Self-Esteem ลองสังเกตดูว่า ในตอนที่คุณต้องอยู่ในวงสนทนาที่คุณเชื่อมต่อกับใครก็ไม่ติด คุณจะรู้สึกว่าตัวเองรู้น้อยหรือเปล่าที่คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง หรือการต้องแฮ้งเอาต์กับคนที่ไม่ได้มีความสนใจตรงกัน คุณต้องพยายามอย่างมากที่เข้าไปในโลกของเขา อินไปเรื่องของเขา สุดท้ายคุณก็จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และไม่ชอบตัวเองขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้น สิ่งที่คุณพอจะทำได้เมื่อต้องอยู่กับคนที่ ‘ไม่ดีต่อใจ’ ก็คือ คุณสามารถพิจารณาต่อได้ว่า ทำไมเราจึงรู้สึกเช่นนั้น เพื่อจะรับรู้ว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นความผิดของคุณ อย่าลืมหาคนที่ดีต่อใจ คนที่ทำให้คุณชอบตัวเองเวลาที่ได้อยู่กับคนคนนั้น และใช้เวลากับเขาเพื่อเพิ่ม Self-Esteem ให้ตัวเอง
3. พูดคุยกับตัวเองอย่างสุภาพ
ในทุกๆ ช่วงชีวิต เรามักจะมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ทุกวัน อาจเป็นเจ้านายที่ตำหนิเราแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ คอยจับผิดในทุกการกระทำจนเราประสาทเสีย หรือแฟนเก่าที่บอกว่าเราเป็นแฟนที่แย่ นิสัยไม่ดี จนกลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจลบเลือน คำพูดที่เจอทุกๆ วันจะค่อยๆ กด Self-Esteem ให้ลดลง จนในที่สุดมันก็หมดสิ้น เมื่อถึงตอนนั้น คุณจะกลายเป็นคนที่เชื่อในทุกคำที่คนอื่นบอก และยอมรับว่าตัวเองไม่มีอะไรดีสักอย่าง
ลองใจดีกับตัวเองเยอะๆ พูดคุยและชื่นชมตัวเองบ่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ทำทุกวันจนกลายเป็นนิสัย แล้ว Self-Esteem ของคุณจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
4. เชื่อในคุณค่าของตัวเอง
ข้อสุดท้ายนี้ดูจะยากเหลือเกิน แต่เป็นสิ่งสำคัญมากที่จำเป็นต้องทำ นั่นคือการพยายามมองให้เห็นว่าตัวเองมีคุณค่า โดยเริ่มต้นจากการ “ทำตามนัด” ที่เราได้นัดหมายกับตัวเองไว้ เช่น การไปออกกำลังกายตอน 6 โมงเย็น ตามที่วางแผนไว้ถ้าคุณทำได้ตามที่คิด คุณจะไม่ผิดหวังกับตัวเอง เลิกกล่าวโทษและอยู่กับความผิดหวังนั้นนอกจากคำแนะนำจากบทความข้างต้นแล้ว เรายังอยากแนะนำให้คุณตรวจสอบ “สิ่งที่คุณให้ความสำคัญ” ในชีวิต ลองดูว่าสามอันดับแรกของคุณมีอะไรบ้าง งาน ครอบครัว เพื่อน คนรัก ตัวเอง
ถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีคำตอบว่า “ตัวเอง” นั่นคงถึงเวลาที่คุณต้องกลับมามองคุณค่าของตนเองอย่างจริงจังแล้วละ
ทริคง่ายๆ เพิ่ม Self-esteem ให้กับตัวเอง
1. ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเหมือนใครๆ ก็มีคุณค่าได้
การแข่งขันในสังคมปัจจุบันอาจทำให้ทุกคนต้องเผชิญกับความกดดันที่มากขึ้น ความรู้สึกเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นอยู่เสมอจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ โดยที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว นอกจากนี้ยังมีค่านิยมและบรรทัดฐานของสังคมที่นิยามรูปร่างหน้าตาของความดีงามเอาไว้ให้เราเดินตามเป็นสูตรสำเร็จ แต่อย่าลืมว่าเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างและมีความพิเศษในแบบของตนเองอยู่แล้ว และความแตกต่างนี้ก็ทำให้เราเป็นเราในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเหมือนใครก็ได้ เพราะความแตกต่างและมีเส้นทางเป็นของตัวเองก็เป็นอะไรที่ดีไม่แพ้กันเลย อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆ เริ่มรู้สึกหรือยังว่าตัวเองพิเศษมากแค่ไหน?
2. หาจุดแข็งของตัวเอง ยอมรับจุดด้อย
ยอมรับว่าเรามีทั้งเรื่องที่เก่งและไม่เก่ง ลองค้นหาความเก่งของเรา สิ่งที่เราชอบทำและสามารถทำได้ดี อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยแต่รับประกันเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ามากๆ
3. เรื่องเล็กๆ ที่ฉันภูมิใจ ลองเล่าสิ่งนี้ให้คนอื่นฟังดูบ้าง
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามไปอาจพิเศษมากก็ได้ในสายตาคนอื่น ลองเล่าให้คนที่เราไว้ใจฟังดูบ้าง นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยังทำให้เรารู้จักผู้อื่นมากขึ้นแบบคาดไม่ถึง
4. ใจดีกับตัวเองขึ้นอีกนิด
อย่ากดดันตัวเองจนเกินไปว่าต้องประสบความสำเร็จ และอย่าลืมให้อภัยตัวเองหรือผู้อื่นเมื่อทำผิดพลาด การยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองคิดว่าความผิดพลาดคือการเรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของเรา ลองคิดแบบนี้ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้นิดหน่อยนะ
5. เคารพความต้องการของตัวเองด้วยการ ‘ฝึกปฏิเสธ’
การไม่ยอมรับข้อเสนอบางอย่างจากผู้อื่นบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ควรทำและดีต่อตัวเราด้วย ไม่ต้องกลัวว่าปฏิเสธไปแล้วจะไม่เป็นที่รัก ฟังเสียงหัวใจตัวเองให้มากขึ้น เคารพความต้องการของตัวเองให้มากขึ้น แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เลยเถิดถึงขั้นเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่องและกลายเป็นความเห็นแก่ตัวนะ ใช้หลักง่ายๆ ว่าถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ลองตามใจตัวเองดูบ้างก็ดี
6. เพิ่มคุณค่าในตัวเองด้วยการเป็นผู้ให้
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์และไม่มีค่า แต่เพื่อนๆ อาจไม่รู้ว่าการให้ความช่วยเหลือของเรามีความสำคัญต่อผู้อื่นมากแค่ไหน ลองเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ เช่น บริจาคสิ่งของเหลือใช้ ไปบริจาคเลือด หรือทำกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ ไม่แน่การเสียสละเล็ก ๆ ของเราอาจต่อชีวิตให้ผู้อื่นก็ได้ ใครจะไปรู้
7. กล้าหาญ กล้าเผชิญกับปัญหาด้วยความเข้าใจ
อย่าเก็บปัญหาไว้จนเรื้อรัง ลองใช้ความกล้าหาทางแก้ปัญหาเหล่านั้นดูตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงจะได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่ก็ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และทำให้เราแก้ไขปัญหาครั้งต่อๆ ไปได้ดียิ่งขึ้น
8. รับฟังและเปิดใจเมื่อได้รับคำวิจารณ์
คำวิจารณ์จากผู้หวังดีนั้นมีค่ามากๆ ลองเก็บคำวิจารณ์นี้มาปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นคำวิจารณ์ที่รุนแรงหรือความเห็นที่บั่นทอนจิตใจก็พยายามจับประเด็นสำคัญให้ได้ แต่อย่าเก็บอารมณ์หรือคำพูดรุนแรงไปคิดมากจนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง ลองฟังหูไว้หูบ้างก็จะทำให้ไม่รู้สึกแย่จนเกินไปด้วย
9. เคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น
นอกจากเชื่อมั่นและเคารพตัวเองแล้วก็ควรเคารพผู้อื่นด้วย ฝึกยอมรับว่าทุกคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความคิดและความรู้สึก รวมไปถึงความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ดูถูกดูแคลนใคร ไม่ด่วนตัดสินตัวเองและผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเป็นที่รักและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
10. คำชมเล็กๆ น้อยๆ ทำให้โลกสดใสขึ้น
ถ้าการรอให้ผู้อื่นเอ่ยชมเรานั้นยากเกินไป ลองชมตัวเองเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ทำให้โลกดูสดใสขึ้นได้นะ และถ้าไม่ยากเกินไปก็ลองกล่าวชมผู้อื่นดูบ้าง คำพูดดีๆ เพียงเล็กน้อยของเราอาจเป็นเรื่องดีๆ ของเขาไปทั้งวันเลยก็ได้
เพราะการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมเราอาจควบคุมสถานการณ์หลาย ๆ อย่างให้เป็นดั่งใจเราไม่ได้ทั้งหมด บางครั้งอาจมีการกระทำหรือคำพูดที่มากระทบจิตใจจนทำให้เรารู้สึกแย่ แต่ถ้าเราเห็นคุณค่าในตัวเองอยู่เสมอ มีความมั่นคงทางจิตใจที่มากพอ มีภูมิคุ้มกันทางใจที่ดี สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบกับใจเราน้อยมากๆ มาเริ่มรักตัวเองให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้กันเถอะ!
พูดคุยปรึกษา
พี่แกนนำ
พี่อร
ประธานชมรม
TO BE NUMBER ONE
พูดคุยปรึกษา
พี่แกนนำ
พี่เทล
คณะศึกษาศาสตร์
สาขาจิตวิทยาและ
การแนะแนว
พูดคุยปรึกษา
ครูพรสุรีย์ พงษ์เศวต
หัวหน้างาน
อนามัยโรงเรียน
ครูที่ปรึกษาชมรม
TO BE NUMBER ONE
TO BE NUMBER ONE
