ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์การประเมินผลการปฏิบัติงานโดยการทำข้อตกลงการปฏิบัติงาน (PA) ของ ครูสายฝน ใจต๊ะวงค์
ข้อมูลผู้ประเมิน
ชื่อ-สกุล นางสายฝน ใจต๊ะวงค์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
โรงเรียนบ้านปวงคำ(ประชาอุทิศ) จังหวัดลำพูน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูนเขต 2
สอนรายวิชา - สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้น ม.1 - ม.3
- ประวัติศาสตร์ ชั้น ม.1 - ม.3
- ประวัติศาสตร์ ชั้น ป.4- ป.6
- หน้าที่พลเมือง ชั้น ม.1 - ม.3
ครูที่ปรึกษานักเรียน ชั้น ม.3
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตาม ที่ก.ค.ศ. กำหนด
ภาคเรียนที่ 2 /2565
ภาคเรียนที่ 1 /2566
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 21 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3 ชั่วโมง
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 3 ชั่วโมง
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ชั่วโมงวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
- แนะแนว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ชุมนุม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ลูกเสือ เนตรนารี สามัญรุ่นใหญ่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การวัดและประเมินผล จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การสร้างสื่อและนวัตกรรม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมโฮมรูม วันละ 15 นาที จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้างานกลุ่มบริหารงานวิชาการ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้างานกลุ่มสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานนิเทศภายใน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานโครงการพัฒนา งานบริหารวิชาการ และพัฒนาหลักสูตร จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานโครงการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานกิจกรรมแข่งขันทักษะวิชาการและงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 33 ชั่วโมง/สัปดาห์
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 18 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3 ชั่วโมง
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 3 ชั่วโมง
วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ชั่วโมงวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชั่วโมง
วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
- แนะแนว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ชุมนุม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ลูกเสือ เนตรนารี สามัญรุ่นใหญ่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3
จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การวัดและประเมินผล จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การสร้างสื่อและนวัตกรรม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมโฮมรูม วันละ 15 นาที จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ PLC จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้างานกลุ่มบริหารงานวิชาการ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้างานกลุ่มสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานนิเทศภายใน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานวัดและประเมินผล จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานทะเบียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานโครงการพัฒนา งานบริหารวิชาการและพัฒนาหลักสูตร จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานโครงการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานกิจกรรมแข่งขันทักษะวิชาการและงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- งานกิจกรรมส่งเสริมเด็กดีเด่น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 33 ชั่วโมง/สัปดาห์
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาทักษะทางประวัติศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ด้วยกระบวนการ Active Learning ตามแนวคิด GPAS 5 Steps ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
วิชาประวัติศาสตร์ เป็นวิชาสำคัญต่อการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และผลของ การเรียนวิชาประวัติศาสตร์จะพัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ผู้สอนควรเน้นย้ำในรายละเอียดของทักษะทางประวัติศาสตร์ และขั้นตอนในการจัดกิจกรรมประวัติศาสตร์ หากจัดการเรียนการสอนแนวเดิมๆ ที่ต้องอ่านตำราและท่องจำเนื้อหา หรือครูใช้วิธีการสอนแบบบรรยายจะทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายและคิดว่าเนื้อหาประวัติศาสตร์มีมาก ซึ่งการจดจำแต่เนื้อหาเป็นการเรียนที่ไม่คงทน จากการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ในภาคเรียนที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนโรงเรียนบ้านปวงคำ(ประชาอุทิศ) ยังขาดทักษะวิธีการทางประวัติศาสตร์ และยังไม่เข้าใจขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ เช่น ขาดการสืบค้นหลักฐานเพิ่มเติม การวิเคราะห์ตีความหลักฐาน ทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไป หรือเข้าใจว่าเป็นวิธีการที่ยุ่งยาก จึงไม่สนใจ จึงได้จัดทำ เรื่อง การพัฒนาทักษะทางประวัติศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ด้วยกระบวนการ Active Learning ตามแนวคิด GPAS 5 Steps ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อส่งผลทำให้นักเรียนมีความสนุกในการเรียนและผลสัมฤทธิ์หลังเรียนเรียนสูงขึ้น
ทักษะทางประวัติศาสตร์ เป็นทักษะการคิดวิเคราะห์ในมิติประวัติศาสตร์ เน้นการตั้งคำถามตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงการนำข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมมาได้มาเรียงต่อกัน ต้องจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้ความคิดที่เป็นกระบวนการ เป็นเหตุเป็นผล มีวิจารณญาณ เพื่อสืบสอบเรื่องราวบนพื้นฐานข้อมูลหลักฐาน ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษารวบรวมข้อมูล (Gathering)
ขั้นตอนที่ 2 การจัดกระทำข้อมูล (Processing)
ขั้นตอนที่ 3 ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้ (Applying and Constructing the Knowledge)
ขั้นตอนที่ 4 ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill)
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินเพิ่มคุณค่า (Self-regulating)
ข้าพเจ้าจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบGPAS 5 Steps ผ่านสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่รวบรวมสื่อ กระบวนการและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ที่เน้นการฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และประยุกต์ใช้ความรู้ ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้สอนสามารถแก้ปัญหาทางการศึกษาเกี่ยวกับการเรียนการสอนได้
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ตามหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นำมาจัดทำนวัตกรรมได้แก่ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์ เพื่อพัฒนาทักษะทางประวัติศาสตร์ด้วยกระบวนการ Active Learningตามแนวคิด GPAS 5 Steps แล้วนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566
2.1) การดำเนินการรวมกลุ่ม PLC (Professional Learning Community) ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นการรวมกลุ่มครูที่มีปัญหา/ความต้องการเดียวกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาการจัดการเรียนการสอน สามารถวางแผน ออกแบบ กำหนดกิจกรรมการแก้ปัญหาหรือพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ระบุปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในที่เกิดขึ้นในโรงเรียน
ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยมีปัจจัยใดเข้ามา
เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มของปัญหาอย่างไร และมีผลกระทบใดที่จะเกิดขึ้น
ขั้นตอนที่ 3 ระดมความคิด เพื่อนำเสนอวิธีแก้ปัญหา วิธีแก้ปัญหาจากประสบการณ์และ
ผลการวิจัยที่สามารถอ้างอิงได้ แล้วนำเสนอผลการระดมความคิด เมื่อนำเสนอเสร็จสิ้น ดำเนินการอภิปรายสรุปและเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 4 ทดลองใช้วิธีแก้ปัญหา นำวิธีแก้ปัญหาที่ได้จากการระดมความคิด ไปทดลองใช้
ในการเรียนการสอนในชั้นเรียน โดยร่วมกันสังเกตการสอนและเก็บข้อมูล หรือเก็บข้อมูลจากการทดลองใช้ในการทำงาน
ขั้นตอนที่ 5 สรุปผลวิธีการแก้ปัญหา นำเสนอผลการสังเกตการสอนและเสนอแนะวิธีการ
ปรับปรุงแก้ไข แล้วจึงสรุปผลวิธี การแก้ปัญหาที่ให้ผลดีต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
2.2) ข้าพเจ้าได้ดำเนินการศึกษาจากการวิเคราะห์ผู้เรียน ศึกษาสถิติย้อนหลังของผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเขียน ศึกษาแนวทางปัญหาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันจากห้องสมุด ข้อมูลฐานการวิจัย หรือข้อมูลฐานการวิจัย จากนั้นนำมาปฏิบัติเป็นแนวทางได้ดังนี้
1) ศึกษาความต้องการ ความคาดหวัง คุณลักษณะ พฤติกรรมตัวบ่งชี้ และตัวชี้วัดของหลักสูตรสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านปวงคำ(ประชาอุทิศ)
2) การวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามจุดหมายของ หลักสูตรซึ่งเป็นสภาพที่หลักสูตรคาดหวังให้เกิดขึ้น
3) การศึกษาและเลือกนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้หลังจาการวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้ในขั้นตอนที่ 2 จะทำให้ทราบปัญหาและสาเหตุของปัญหาที่ชัดเจนขึ้น ขั้นตอนต่อไปจึงควรศึกษานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ให้หลากหลายจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
4) การออกแบบนวัตกรรม เมื่อได้ศึกษานวัตกรรมและเลือกนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้ได้เหมาะสมแล้วข้าพเจ้าออกแบบนวัตกรรม ซึ่งเป็นการกำหนดขอบข่ายเนื้อสาระ องค์ประกอบรูปแบบของนวัตกรรมว่าควรมีลักษณะอย่างไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง มีกระบวนการ กิจกรรมใน การจัดการเรียนรู้เพื่อปัญหาการเรียนรู้อย่างไร
5) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์ เพื่อพัฒนาทักษะทางประวัติศาสตร์ด้วยกระบวนการ Active Learningตามแนวคิด GPAS 5 Steps แล้วนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
6) นำนวัตกรรม(ชุดกิจกรรม)ไปใช้กับนักเรียน มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ด้วยกระบวนการ Active Learning กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยปรับบริบทให้เหมาะสมกับห้องเรียน ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะทางประวัติศาสตร์ ที่คิดวิเคราะห์ในมิติประวัติศาสตร์ เน้นการตั้งคำถามตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงการนำข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมมาได้มาเรียงต่อกัน ข้าพเจ้าจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้ความคิดที่เป็นกระบวนการ เป็นเหตุ เป็นผล มีวิจารณญาณ เพื่อสืบสอบเรื่องราวบนพื้นฐานข้อมูลหลักฐาน ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ข้าพเจ้าจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่รวบรวมสื่อ กระบวนการและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ที่เน้นการฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และประยุกต์ใช้ความรู้ ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้าพเจ้าสามารถแก้ปัญหาทางการศึกษาเกี่ยวกับการเรียนการสอนได้
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
3.1.1 ร้อยละ 70 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้มีผลสัมฤทธิ์เรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3.1.2 ร้อยละ 80 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์ที่ครูสร้างขึ้นในระดับมากขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความรู้ความเข้าใจเรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์ ผ่านกระบวนการ Active Learning ตามแนวคิด GPAS 5 Steps และมีทักษะทางประวัติศาสตร์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
3.2.2 ครูได้นวัตกรรมที่ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะทางประวัติศาสตร์เรื่องวิธีการทางประวัติศาสตร์