ผู้จัดทำข้อตกลง
ผู้จัดทำข้อตกลง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
🌟ภาคเรียนที่ 2/2567🌟
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 12.4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.5 (อ32102) จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี จำนวน 1.6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรม SLC จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูที่ปรึกษาประจำชั้น ม. 6/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 19 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เจ้าหน้าที่แผน กลุ่มบริหารงบประมาณ จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เวรประตูประจำ อังคาร คาบ4 (ป้อมยาม)จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ติว O-NET ม.6/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
🌟ภาคเรียนที่ 1/2568🌟
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 16.6 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.5 (อ32101) จำนวน 8.3 ชั่วโมง/สัปดาห์
- วิชาการอ่านเชิงวิเคราะห์ ม.4 (อ31201) จำนวน 4.98 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี จำนวน 1.6 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมชุมนุม จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
- แนะแนว ม.4/8 จำนวน 0.8 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6.49 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรม SLC จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
- ครูที่ปรึกษาประจำชั้น ม. 4/8 จำนวน 2.49 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เจ้าหน้าที่แผน กลุ่มบริหารงบประมาณ จำนวน 18 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หัวหน้ากลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
- เวรประตูประจำ (ป้อมยาม) จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- สอนซ่อมเสริม ม.4/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในยุคที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารระดับโลก ทักษะ การเขียนถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาความคิดวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นักเรียนมัธยมศึกษาหลายคนในประเทศไทยยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาทักษะนี้ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแข่งขันระดับสากล
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 ซึ่งเป็นช่วงเตรียมตัวเข้าสู่การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษไม่เพียงจำเป็นต่อการสอบวัดระดับต่างๆ เช่น NETSAT แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อหรือทำงานในอนาคต อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นทั้งในด้านของตัวผู้เรียน ครูผู้สอน และระบบการจัดการเรียนรู้ ซึ่งพบสภาพปัญหาและการจัดการเรียนรู้ ดังนี้
1) สภาพปัญหาของผู้เรียน (Learners’ Problem)
1.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนต่ำ (Low Writing Achievement)
จากข้อมูลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 1/2567 พบว่านักเรียนจำนวนมากมีผลคะแนนในวิชาภาษาอังกฤษต่ำ โดยเฉพาะในทักษะการเขียนบทความ ตีความ และการวิเคราะห์ข้อมูล นักเรียนจำนวนไม่น้อยยังขาดความสามารถในการทำความเข้าใจเนื้อหาเชิงลึกและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเขียน แม้ว่าบางส่วนอาจมีความสามารถด้านการเขียน แต่ยังคงขาดความเข้าใจในเนื้อหาที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
1.2) ขาดแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ (Lack of Motivation in Learning English)
การเรียนภาษาอังกฤษในมุมมองของนักเรียนบางกลุ่มยังถูกมองว่าเป็นเรื่องยากและไม่น่าสนใจ ปัจจัยนี้ส่งผลให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจต่ำ ไม่มุ่งมั่นพัฒนาตนเอง และมองไม่เห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษในชีวิต ประจำวัน นักเรียนบางส่วนยังมีทัศนคติในเชิงลบต่อภาษาอังกฤษ เนื่องจากประสบการณ์การเรียนที่ผ่านมาที่ไม่ประสบความสำเร็จ
1.3) ความแตกต่างในศักยภาพของผู้เรียน (Differences in Learners' Capabilities)
นักเรียนในชั้นเรียนเดียวกันมีพื้นฐานความรู้และศักยภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก บางคนมีความสามารถในการอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาได้ดี ในขณะที่บางคนยังคงมีปัญหาในการทำความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน ความแตกต่างนี้ทำให้การจัดการเรียนรู้ในลักษณะเดียวกันสำหรับนักเรียนทั้งหมดไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนได้
1.4) การขาดการฝึกฝนที่เพียงพอ (Insufficient Practice)
ในสถานการณ์ปัจจุบัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดโอกาสในการฝึกฝนทักษะการอ่านอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย วิธีการเรียนรู้ในห้องเรียนส่วนใหญ่มักเน้นการสอนแบบบรรยาย ซึ่งให้ผู้เรียนมีบทบาทที่ค่อนข้างจำกัด ขณะเดียวกัน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลและสื่อการเรียนรู้สำหรับการฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษยังคงเป็นปัญหาสำหรับนักเรียนในบางพื้นที่
2) สภาพการจัดการเรียนรู้ (Learning Management)
2.1) การสอนแบบดั้งเดิม (Traditional Teaching Methods)
แม้ว่าการสอนแบบดั้งเดิม การให้ผู้เรียนเขียนเนื้อหาจากเรื่องที่กำหนดให้ จะช่วยสร้างกรอบพื้นฐานบางอย่างสำหรับนักเรียน แต่ยังมีข้อจำกัดในแง่ของการกระตุ้นการเรียนรู้เชิงลึกและการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ วิธีการเหล่านี้ไม่ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบองค์รวม
2.2) ขาดการบูรณาการเทคโนโลยี (Lack of Technology Integration)
การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ยังคงเป็นสิ่งที่พบได้น้อยในหลายโรงเรียน แม้ว่าจะมีสื่อการเรียนรู้ออนไลน์และอุปกรณ์ที่ทันสมัย แต่การนำมาใช้ในกระบวนการสอนยังไม่แพร่หลายเพียงพอที่จะสร้างผลกระทบ เชิงบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
2.3) การประเมินผลไม่ครอบคลุม (Inadequate Assessment Coverage)
การประเมินผลที่ใช้ในปัจจุบันมักเน้นไปที่การสอบแบบเลือกเขียนคำตอบที่จำกัด ทำให้นักเรียนขาดโอกาสในการแสดงความสามารถในการอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังไม่สามารถวัดผล การพัฒนาทักษะการอ่านในเชิงองค์รวมได้อย่างแท้จริง
2.4) ขาดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Lack of Interactive Learning)
การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันยังขาดการออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบกลุ่มหรือการทำงานร่วมกัน ผู้เรียนจำนวนมากจึงไม่ได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้จากเพื่อนหรือการแก้ไขปัญหาในลักษณะกลุ่ม
3) การจัดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ปัญหา (Learning Solutions)
3.1) จัดการเรียนรู้พื้นฐานก่อนใช้งาน AI:
สอนพื้นฐานโครงสร้าง Conditionals 1 และการตั้งคำถามเพื่อใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ
3.2) สร้างแบบฝึกที่น่าสนใจ:
พัฒนาแบบฝึกทักษะที่มีภาพประกอบ กิจกรรมแบบเกม หรือสถานการณ์สมมุติเพื่อดึงดูดความสนใจ
3.3) สนับสนุนการใช้ AI อย่างเหมาะสม:
สอนนักเรียนให้ใช้ AI เป็นตัวช่วยตรวจสอบและปรับปรุงงานเขียน แต่อย่าให้พึ่งพามากเกินไป
3.4) ประเมินผลแบบให้ข้อเสนอแนะ:
ใช้เกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน และให้คำแนะนำเชิงสร้างสรรค์หลังการเขียน
3.5) แก้ปัญหาเรื่องอุปกรณ์:
จัดเตรียมห้องเรียนที่มีอุปกรณ์พร้อมใช้ หรือให้นักเรียนฝึกในโรงเรียนที่มีอินเทอร์เน็ตเสถียร
จากผลการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาวิทยาการคำนวณ ที่ผ่านมา พบว่า ทักษะพื้นฐานด้านการพูด การเขียนและการแสดงออก ด้านการนำเสนออย่างเป็นระบบ ด้านการใช้เครื่องมือในการเรียนรู้ และด้านทักษะการออกแบบและการวางแผนการทำงานของผู้เรียนยังมีผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ระดับปฏิบัติการที่กำหนดและยังพบว่าผู้เรียนควรได้รับการพัฒนาด้านความสามารถในการเรียนรู้ด้านการคิดเชื่อมโยงในสถานการณ์ต่างๆ การคิดสร้างสรรค์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กระบวนการคิดการตัดสินใจ กระบวนการคิดเชิงเหตุผล กระบวนการคิดเชิงระบบและการบูรณาการทักษะการทำงาน อย่างเช่น ทักษะกระบวนการ การวิเคราะห์วิจารณ์ การกำกับตนเองในการเรียนรู้ ทักษะทางสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการจัดการเวลาหรือการจัดการทรัพยากรและจัดการทีมในการทำงาน ทักษะทางการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้ และสุดท้ายทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนหลายระดับ
ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจาก 1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2. สื่อและนวัตกรรมในการเรียนรู้ 3. การวัดประเมินผลใช้การวัดและประเมินผลจากชิ้นงาน และ 4. ตัวผู้เรียนยังขาดทักษะพื้นฐานในการจัดการตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้
ดังนั้น เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดทักษะพื้นฐานความสามารถในการเรียนรู้และทักษะการบูรณาการทำงานของผู้เรียนจึงได้พัฒนานวัตกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกฐานสมรรถนะ ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยดำเนินการตามหลักการและแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในลักษณะของชุมชนทางวิชาชีพที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใช้กระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติ การถอดบทเรียน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชุมชนแห่งการเรียนรู้มีลักษณะเฉพาะดังนี้ 1. การแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของผู้ร่วมวิชาชีพและผู้ที่เกี่ยวข้อง 2. มีวัฒนธรรมการร่วมพลังเป็นการร่วมมือร่วมพลังของผู้บริหาร ผู้สอน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และชุมชน 3. เป็นการให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ของนักเรียน หรือผลการเรียนรู้ของนักเรียน 4.มีการแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งการศึกษาแบบเยี่ยมเยียนเพื่อเปิดโลกทัศน์ และ 5.มีการสะท้อนคิดด้วยสุนทรียสนทนา โดยมีกระบวนการเริ่มด้วยการสร้างทีม การเลือกปัญหา การประชุม/การออกแบบบทเรียน การลงมือปฏิบัติ และการสะท้อนผลและจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งประยุกต์ใช้ความรู้ได้บนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์ นักเรียนมีการปฏิบัติกิจกรรมแบบทำงานกลุ่มรวมพลัง โดยทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน เด็กเก่งช่วยเด็กเรียนช้ากว่า เด็กถนัดกว่าช่วยเด็กถนัดน้อยกว่า เพื่อให้มีความสุขในการเรียน บทบาทของผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ ส่วนบทบาทของครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก และดำเนินผ่านกระบวนการเพื่อนำมาใช้กับผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ (Learning Outcomes) สอดคล้องกับสภาพปัญหา บริบท ความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครองและชุมชน สู่เป้าหมายการพัฒนาสมรรถนะอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
จาก ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รังสรรค์(AI) เพื่อแก้ไขปัญหาทักษะอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5/4 สามารถวางแผนการดำเนินงานตามวงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act) ได้ดังนี้
1) วางแผน (Plan)
1.1) วิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา (Analyze the Problem Situation)
นักเรียน (Students):
- ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ
- สอบถามความคิดเห็นหรือทัศนคติเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษผ่านแบบสอบถาม
- สำรวจพฤติกรรมการเรียน เช่น ขาดแรงจูงใจ ขาดการฝึกฝน และทัศนคติเชิงลบ
ครูผู้สอน (Teachers):
- ทบทวนวิธีการสอนที่ใช้อยู่ เช่น การบรรยายหรือการฝึกทำข้อสอบ
- วิเคราะห์ข้อจำกัด เช่น การขาดการใช้สื่อเทคโนโลยี หรือขาดการสร้างแรงจูงใจให้นักเรียน
1.2) ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (Set Clear Goals)
- นักเรียน 75% มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทักษะการเขียนภาษาอังกฤษสูงขึ้น
- นักเรียนมีความสามารถวิเคราะห์และจับใจความสำคัญของบทความภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.3) ออกแบบแผนงาน (Design an Action Plan)
1.3.1) ออกแบบบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคโนโลยี AI (Designing Lessons Using AI):
- พัฒนาสื่อการเรียนรู้ที่ปรับให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน
- ใช้ AI สร้างเนื้อหาบทเรียน เช่น บทความสั้น ข้อความเชิงวิเคราะห์ และแบบฝึกหัด
- จัดทำบทเรียนในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น E-books, บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) หรือแอปพลิเคชันเรียนภาษา
1.3.2) เพิ่มความน่าสนใจและการมีส่วนร่วม (Engagement and Participation):
- สื่อมีภาพประกอบที่ดึงดูดความสนใจและเน้นความง่ายต่อการเข้าใจ
- มีฟีเจอร์แบบโต้ตอบ (Interactive) เช่น การถามตอบ และการเลือกคำตอบที่ถูก
- เพิ่มฟีเจอร์ Interactive เช่น คำถามแบบปรนัย เกมคำศัพท์ หรือแบบฝึกหัดสรุปเนื้อหา
1.4) จัดเตรียมทรัพยากร (Prepare Resources)
- จัดหาอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตที่รองรับ AI
- เตรียมสื่อการเรียน เช่น วิดีโอ, บทความภาษาอังกฤษ และแบบฝึกหัดที่หลากหลาย
2) ดำเนินการ (Do)
2.1) ใช้ AI ในการสอน (Use AI for Teaching)
- นำ AI เข้ามาช่วยสร้างบทเรียนที่ปรับระดับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละคน
- สอนให้นักเรียนใช้งานบทเรียน AI เช่น การตอบคำถาม และการประเมินตนเอง
2.2) จัดกิจกรรมเสริม (Organize Supplementary Activities)
- เพิ่มความสนุกสนานด้วยเกมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับบทเรียน เช่น การแข่งขันสะสมคะแนน
- เชื่อมโยงการเรียนกับชีวิตจริง เช่น ให้อ่านข่าวภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน
2.3) สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ (Create a Positive Learning Environment)
- สนับสนุนให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นหรือซักถามโดยไม่รู้สึกกดดัน
- ใช้คำชมและคำแนะนำที่สร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้
3) ตรวจสอบ (Check)
3.1) ประเมินผลระหว่างการเรียน (Evaluate During Learning)
- ใช้แบบฝึกหัดจาก AI เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ เช่น แบบทดสอบจับใจความ
- ให้นักเรียนแสดงผลงาน เช่น การเขียนบทวิเคราะห์หรือสรุปเนื้อหา
3.2) ติดตามผลการทำงานกลุ่ม (Monitor Group Work Performance)
- สังเกตการมีส่วนร่วมในกลุ่ม เช่น การสื่อสาร ความรับผิดชอบ และการช่วยเหลือกัน
- ให้คะแนนความร่วมมือและการแก้ปัญหาในกลุ่ม
3.3) รวบรวมข้อมูล (Collect Data)
- บันทึกผลการเรียนรู้ เช่น คะแนนแบบฝึกหัดและผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการทดสอบ
- จัดทำรายงานสรุปความก้าวหน้าของนักเรียน
4) ปรับปรุง (Act)
4.1) ปรับปรุงบทเรียนและการสอน (Improve Lessons and Teaching Methods)
- ใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบมาปรับบทเรียนสำเร็จรูป เช่น เพิ่มแบบฝึกหัดในจุดที่นักเรียนยังอ่อน
- ปรับเทคนิค/กิจกรรมการจัดการเรียนการสอน เช่น เพิ่มเวลาอธิบายเนื้อหาหรือกิจกรรมกลุ่ม
4.2) สร้างการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continuous Learning)
- จัดกิจกรรมติดตามผล เช่น การแข่งขันหรือการมอบรางวัลให้นักเรียนที่พัฒนาตนเอง
- เชิญผู้ปกครองมาร่วมรับทราบและสนับสนุนพัฒนาการของนักเรียน
4.3) แชร์ผลลัพธ์เพื่อพัฒนาต่อเนื่อง (Share Outcomes for Further Development)
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินงานและผลลัพธ์ให้กับครูท่านอื่น
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ AI และเทคนิค CIRC ในการสอนวิชาอื่นๆ
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม ร้อยละ 75 ที่เรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม มีความพึงพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น พร้อมทั้งได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและการใช้สื่อที่ทันสมัย (AI)
ผลลัพธ์ในการพัฒนาประเด็นท้าทาย
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานสูงขึ้น ร้อยละ 76.47
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม มีความพึงพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีพร้อมทั้งได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและการใช้สื่อที่ทันสมัย (AI)