จากการเปรียบเทียบค่าปริมาณความร้อนที่ได้จากถ่านซังข้าวโพดอัดแท่งในแต่ละส่วนผสม และถ่านจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรต่างๆ พบว่า ถ่านที่ได้จากกะลามะพร้าวมีค่าความร้อนสูงที่สุด คือ ประมาณ 28.53 kJ/kg สำหรับส่วนผสมของถ่านอัดแท่งที่ให้ค่าคุณลักษณะทางร้อนสูงที่สุด และ คุณลักษณะทางกายภาพเหมาะสมสุด คือ ส่วนผสม2 (ถ่านซังข้าวโพด น้ำแป้ง) โดยมวลเท่ากับ 65 : 25 : 10 มีค่าความร้อน 26.57 kJ/kg ผลการวิเคราะห์โดย Proximate Analysis ที่มีความสอดคล้อง กันโดย พบว่า มีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนคงตัวมากที่สุดเท่ากับ 60.15% มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณขี้เถ้าอยู่ใน เกณฑ์ที่มีค่าเท่ากับ 17.2% มีปริมาณสารระเหยและเปอร์เซ็นต์ความชื้นไม่มากโดยมีค่าเท่ากับ 16.32% และ 9.26%wb ตามลำดับ มีความหนาแน่นมากที่สุด คือ 1.093 g/cm ทนแรงกดสูงสุด คือ 452.31 N/cm ตลอดจนที่ส่วนผสมดังกล่าวนี้ยังมีผลของการลุกไหม้จุดติดไฟได้เร็วสุด ที่ระยะเวลา 16 นาที ถ่านอัดแท่งจากซังข้าวโพดจะลุกไหม้ในอุณหภูมิสูงสุด และหลังจากนั้นจะมีแนวโน้มลดลงอย่าง ช้าๆ จนถึงเวลา 100 นาที จึงจะลดลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทดลองเปรียบเทียบที่ปริมาณน้ำหนักก่อน เผาไหม้ 1 kg เท่ากันทุกเงื่อนไขการทดลอง
จากการทดสอบถ่านอัดแท่งจะเห็นได้ว่าถ่านอัดแท่งที่ผลิตได้นั้น มีระยะเวลาการเผาไหม้นาน กว่าถ่านไม้ทั่วไปที่มีขายในท้องตลาด ซึ่งจะให้ควันที่น้อยกว่าถ่านที่เผาตามธรรมชาติและยังมีขี้เถ้าที่ น้อยกว่าถ่านไม้ที่มีขายในท้องตลาด จากการทดลองการผลิตถ่านอัดแท่งจากซังข้าวโพด โดยใช้ เครื่องอัดแท่งถ่านแบบกึ่งอัตโนมัติ และสามารถที่จะอัดขึ้นรูปได้ดีซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมคือ ถ่านอัด แท่งจากซังข้าวโพดส่วนผสมที่ 2 ที่มีส่วนผสม ซังข้าวโพดน้ำ:แป้ง 65:25:10 มีค่าความร้อน 26.57 kJ/kg ทั้งยังมีผลของการลุกไหม้จุดติดไฟได้เร็วสุด ที่ระยะเวลา 16 นาที ถ่านอัดแท่งจากซังข้าวโพด จะลุกไหม้ในอุณหภูมิสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานวิจัยของ สาวิตรี มีนะวาณิชย์ และ ธนาพงษ์ ดุลย อนุกิจ (2543) พบว่า ถ่านอัดแท่งจากทะลายปาล์มเมื่อคาร์บอนไนซ์ จะได้ค่าความร้อนสูงสุดที่ 28.44 kJ/kg สําหรับงานวิจัยของ วีระฉัตร ยี่หอม และ ประวิทย์ คชไกร (2544) พบว่าการผลิตถ่านอัดจากไม่ไผ่ตง ให้ค่าความร้อนประมาณ 25.15 kJ/kg สำหรับงานวิจัยของ พัชฎาภรณ์ แสงทามาตย์ และ อรชุมา ดุรงค์เดช (2545) พบว่าอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำแท่งเชื้อเพลิงจากฟางข้าวและ แกลบ โดยใช้ผักตบชวาเป็นต้นเชื่อมประสาน ที่อัตราส่วนฟางข้าว : ผักตบชวา ในอัตรา 1 : 3 โดยน้ำหนักจะทำให้แท่งเชื้อเพลิงอยู่ตัวไม่แตกเปราะสามารถยึดเกาะกันได้ดี และให้ค่าความร้อน 16.57 kJ/kg จากผลการเปรียบเทียบกับงานวิจัยต่างๆ พบว่า การนำซังข้าวโพดมาอัดแท่งมีความ เหมาะสมทั้งในด้านความร้อน และการคงรูปขณะที่นำไปใช้งาน ซึ่งมีค่าสูงกว่าเศษวัสดุเหลือใช้ทาง การเกษตรอื่นๆ และในงานวิจัยนี้ยังพบว่าถ่านที่ผลิตได้มีข้อดี คือ มีความหนาแน่นที่สูงมากกว่าถ่าน ไม้ทั่วไปจึงทำให้สามารถติดไฟได้นานกว่าถ่านไม้ทั่วไปที่มีในท้องตลาด วัตถุดิบยังไม่มีปัญหาในแตก สะเก็ดไฟซึ่งมีควันน้อยและปริมาณขี้เถ้าก็มีเพียงเล็กน้อย ส่วนข้อเสียของถ่านอัดแท่ง คือ ติดไฟยาก ซึ่งถ่านอัดแท่งที่ได้จากซังข้าวโพดนี้นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เกษตรกรใช้ผลผลิตอย่างคุ้มค่า
ในการทดลองพบว่า ส่วนผสมของถ่านที่มีความชื้นน้อยเกินไป เมื่อเข้าเครื่องอัดแท่ง จะทำให้เครื่องเกิดการติดขัด ไม่สามารถอัดให้เป็นแท่งออกมาได้ ทำให้เสียเวลาในการผลิตจึงควรปรับปรุงเครื่อง โดยการเพิ่มแรงของมอเตอร์ให้มากขึ้นเป็นอีกเท่าตัวหรือให้มอเตอร์มีแรงมอเตอร์มากเท่าไรยิ่งดีตัวประสานที่ทำจากแป้งมันยังคงมีราคาแพง จึงทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงตามไปด้วยคววรหาตัวประสานที่มีราคาถูกกว่าแป้งมัน เพื่อลดราคาและต้นทุนในการผลิต