บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นหรือองค์ความรู้เพิ่มเติมที่ต้องการศึกษาเพิ่มหรือมีความเกี่ยวข้องกับโครงงาน
1.ประวัติของโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา
2.กฎระเบียบโรงเรียน
3.การปกครองนักเรียน
4.ความมุ่งหมายของการปกครองนักเรียน
5.บทบาทของผู้บริหารกับการสร้างวินัยในโรงเรียน
6.ระเบียบการแต่งกาย
7.การทำความผิดของนักเรียน
1.ประวัติของโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา
โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอโพนทอง ตั้งอยู่เลขที่ 15 หมู่ที่ 10 ตำบลสระนกแก้ว อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับอนุมติจัดตั้งใน ปี พ.ศ. 2512 รับนักเรียน สหศึกษาในปีการศึกษาแรก รับนักเรียนจำนวน 90 คน แบ่งเป็น 2 ห้องเรียน อาศัยเรียนที่โรงเรียน
โพนทอง (ปัจจุบันคือ โรงเรียนอนุบาลโพนทอง) มีศึกษาธิการอำเภอโพนทองในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นครูใหญ่ พร้อมทั้งแต่งตั้งครูประจำการมาทำการสอนจนครบทุกวิชา จนปี พ.ศ. 2519 โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา ได้เข้าสู่โครงการพัฒนาโรงเรียนมัธยมแบบประสมในส่วนภูมิภาค รุ่นที่ 3 (ค.ม.ภ. รุ่นที่ 3) หลังจากนั้นโรงเรียนก็เจริญก้าวหน้ามาเรื่อย ๆ ภายใต้การบริหารของผู้บริหารดังต่อไปนี้
พ.ศ. 2514-2525 - ว่าที่ร้อยตรีรังสรรค์ ชื่นชม
พ.ศ. 2525-2529 - นายสัมฤทธิ์ ศรีบูรณ์
พ.ศ. 2529-2533 - นายไพจิตร ศรีไพรวรรณ
พ.ศ. 2533-2540 - นายถวิล ทินผล
พ.ศ. 2540-2544 - นายวีระพันธ์ สีหาคม
พ.ศ. 2544-2548 - นายวัฒนา ศรีสว่าง
พ.ศ. 2548-2557 - นายสุพล พลเยี่ยม
พ.ศ. 2557-2559 - นายชัชวาล พืชสิงห์
พ.ศ. 2559(ธันวาคม)-ปัจจุบัน - นายเทิดทูน สุจารี
ปัจจุบันโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยามีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นโดยลำดับ ทั้งด้านการบริหารจัดการ การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องเหมาะสม การมีส่วนร่วมกับบริบทชุมชน ท้องถิ่น นโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีคุณภาพ และได้มาตรฐานจากการประเมิน พัฒนา และช่วยเหลือสนับสนุนจากคณะบุคคลทั้งภายใน ภายนอก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน
โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอโพนทอง ตั้งอยู่ที่เลขที่ 15 หมู่ 10 ตำบลสระนกแก้ว อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45100 โทรศัพท์ 043-571338 โทรสาร
(เว็บไซต์โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา 2559 สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563)
2.กฎระเบียบโรงเรียน
คำว่า "กฎ" คือข้อบังคับ ที่อยู่ในความเป็นจริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและ ชีวิต ระเบียบวินัย นั้นเป็นสิ่งซึ่งมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะกับนักเรียนหรือเยาวชน อันจะเป็นกำลังอย่างมากในการพัฒนา เพื่อที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความรุ่งเรืองได้
" ระเบียบวินัย" คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมของตนเอง ให้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง โดยเกิดจากการสำนึก ซึ่งต้องไม่กระทำการใดๆ อันเป็นผลทำให้เกิดความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต หากแต่ต้องเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ตนเองและผู้อื่นโดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและไม่ขัดต่อสิทธิของผู้อื่น ความมีวินัยในตนเอง สามารถควบคุมตนเองให้ปฏิบัติตนตามระเบียบข้อตกลงของสังคมส่วนรวมด้วยความสมัครใจของผู้ปฏิบัติเอง เพื่อความสงบสุขในชีวิตและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม (จิตตินันท์ เดชะคุปต์ 2552 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )
3.การปกครองนักเรียน
เป็นงานที่สำคัญประการหนึ่งของการบริหารกิจการนักเรียน ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีกฎระเบียบและ วินัยในตนเอง และรู้จักกติกามารยาทในสังคม สามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข เป็นที่ยอมรับ นับถือและน่าเชื่อถือสำหรับบุคคลอื่นผู้พบเห็น ทำให้สร้างเสริมชื่อเสียงและเกียรติยศแก่สถานศึกษา จึงเป็น หน้าที่ของผู้บริหาร ครูอาจารย์ และนักเรียนทุกคน จะต้องร่วมด้วยช่วยกันรักษา และปฏิบัติตามกฎระเบียบ ของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด (นางดวงสมร ราวุธกุล 2550
สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )
4.ความหมายของการปกครองนักเรียน
การปกครองนักเรียน หมายถึง การปกป้อง คุ้มครอง ดูแลรักษา รวมทั้งให้การ อบรมศีลธรรม จรรยา มารยาทอันดีงามแก่นักเรียนของโรงเรียน และให้นักเรียนสามารถปกครองกันเองได้อีกด้วย
หลักการปกครองนักเรียน กรมสามัญศึกษา (2530 : 25) กล่าวว่า หลักการปกครองนักเรียนที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี2 ประการดังนี้ คือ
1. หลักการควบคุม คือ โรงเรียนใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เป็นเครื่องมือควบคุมพฤติกรรมของ นักเรียนให้เป็นไปตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ เมื่อมีการกระทำผิดไปจากข้อตกลงนั้นจะมีการลงโทษตามที่ โรงเรียนกำหนดไว้ คือ ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน เฆี่ยน ทางทัณฑ์บน สั่งพักการเรียน ให้ออก และคัดชื่อออก อย่างใดอย่างหนึ่งตามลักษณะความผิดที่ได้กระทำ ลงไป
2. หลักการพัฒนาและส่งเสริม คือ การที่โรงเรียนจัดสภาพแวดล้อมหรือกิจกรรมต่างๆ โดยอาศัย ทฤษฎีทางจิตวิทยาเป็นพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมหรือกระตุ้นให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ สภาพ แวดล้อมและกิจกรรมต่างๆ มีประโยชน์ช่วยนักเรียนได้พัฒนาความถนัดความสามารถพิเศษ ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าตนมีคุณค่าและมีแรงจูงใจที่จะประพฤติดี (ดวงสมร ราวุธกุล 2550 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )
5.ความมุ่งหมายของการปกครองนักเรียน
1. เพื่อให้นักเรียนมีวินัยในตนเอง มีความซื่อสัตย์ มีความยุติธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่นมีความ รับผิดชอบต่อตนเองต่อครอบครัวและสังคม
2. เพื่อให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความจงรักภักดีต่อชาติศาสนา และ พระมหากษัตริย์ มีความรู้และเลื่อมใสในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยตลอดจนการธำรงรักษาความ ปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ
3. เพื่อให้นักเรียนเคารพต่อกฎหมายและกติกาของสังคม รู้จักทางานเป็นหมู่คณะมีความสามัคคี รู้จัก เสียสละเพื่อส่วนรวม รู้จักแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีอย่างมีหลักการและเหตุผล ใช้เสรีภาพของตนในทางสร้างสรรค์ บนรากฐานแห่งกฎหมาย จริยธรรมและศาสนา
4. เพื่อให้นักเรียนรู้จักปกครองกันเองในรูปของคณะกรรมการนักเรียน
5. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย รู้จักสิทธิหน้าที่ ของตนเอง และเคารพในสิทธิของบุคคลอื่น (ดวงสมร ราวุธกุล 2550 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )
6.บทบาทของผู้บริหารในการสร้างวินัยในโรงเรียน
เพื่อให้การสร้างวินัยของโรงเรียนบรรลุยังวัตถุประสงค์ผู้บริหารจึงควรจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. ควรมีการประชุมครูเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับระเบียบวินัยในโรงเรียน (เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ตรงกันและ ร่วมมือกันดูแลรักษาวินัย)
2. เปิดโอกาสให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมในการรักษาระเบียบวินัย โดยการมอบอำนาจ ปกครองให้ด้วย
3. สนับสนุนระเบียบวินัยที่ครูพยายามสร้างขึ้น และเกิดผลดีกับโรงเรียนอย่าง จริงจัง (เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจของครูในอันที่จะช่วยกันรักษาระเบียบวินัยต่อไป)
4.ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมดูแลระเบียบวินัยของโรงเรียน
5.การลงโทษเกี่ยวกับระเบียบวินัยของโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นในส่วนรวม ควรมีคณะกรรมการรับรู้และ พิจารณาตัดสินใจ
6. การพิจารณาลงโทษควรทำด้วยความยุติธรรมรอบคอบที่สุด (หากให้คณะกรรมการพิจารณาตัดสิน จะดีกว่าเป็นการลงโทษที่ตัดสินโดยคนๆ เดียว)
7. ควรมีการบันทึกประวัติผู้กระทำความผิดไว้ทุกครั้ง
8. หากจำเป็นต้องทำโทษ การลงโทษควรมุ่งที่การสร้างสรรค์(มิใช่มุ้งให้เด็ก เสียหายรุนแรงเกินไป และการลงโทษควรมุ่งแก้ไขพฤติกรรมมากกว่าการแก้แค้นที่นักเรียน ทำผิด) (พีระพงศ์ 2550 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )
7.ระเบียบการแต่งกาย
1. แต่งเครื่องแบบนักเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน ก่อนออกจากบ้าน ควรสำรวจว่ามข้อบกพร่องอะไร และจัดการแก้ไขให้ถูกต้อง
2. ถ้าวันใดนักเรียนลืมประดับเข็มพระเกี้ยวมาโรงเรียน ต้องไปติดต่อกับหัวหน้าตึก
3. นักเรียนต้องมาโรงเรียน โดยถือกระเป๋านักเรียน หรือกระเป๋าสะพายหลังของ โรงเรียน ไม่เว้นแม้วันเรียนวิชาทหาร หากมีความจำเป็นต้องใช้กระเป๋าเพิ่มเติม ต้องใช้ กระเป๋าหิ้วของโรงเรียนเท่านั้น หากนักเรียนนำกระเป๋าหิ้วของโรงเรียนมาเพียงใบเดียว หรือนำกระเป๋าอื่นๆ ที่โรงเรียนไม่อนุญาตโรงเรียนจะริบไว้และไม่คืน
4. ห้ามสวมชุดพลศึกษา ในวันที่ไม่มีการเรียนวิชาพลศึกษา ยกเว้นในกรณีที่ครู นัดหมาย
5. ในกรณีที่นักเรียนชายแต่งเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหาร (ร.ด.) ห้ามแต่งกายผิด ระเบียบ เช่นปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง ปล่อยกางเกงออกนอกรองเท้า และสวมเสื้อ คอกลมเรียนในห้องเรียน
6. นักเรียนที่ไว้ผมไม่ถูกระเบียบของโรงเรียน หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้สวม วิกผมทรงสั้นที่ถูกระเบียบจนกว่าผมธรรมชาติจะถูกต้องตามระเบียบ (สาโรจน์ ไสยสมบัติ 2556 สืบค้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2562 )
8.การทำความผิดวินัยของนักเรียน
นักเรียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ความผิดทางวินัยของนักเรียนที่พบบ่อยๆ ก็คือ การละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นๆ หรือ ละเมิดข้อบังคับของโรงเรียน เช่น การหยิบดินสอและ ยางลบของเพื่อนไปเป็นของตนเองโดยนำกลับไปบ้าน การหยิบหนังสือเพื่อนไป หรือการ ท าเสียงดังในขณะที่เรียนหนังสือในห้องเรียน โดยไม่มีเหตุผลอันควร การแสดงความผิดทางวินัยของนักเรียนที่พบบ่อยๆ อาจจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
1. ระยะแรก เป็นระยะเพียงกระซิบกระซาบในขณะเรียนหนังสือ หรือการไม่ตั้งใจ ท างานตามที่ครู อาจารย์สั่ง
2. ระยะที่สอง ระยะนี้เป็นระยะที่แสดงออกโดยเปิดเผย การแสดงออกโดยการส่งเสียงดัง เวลาครู สอน คุยเสียงดัง หัวเราะในห้องเรียน แกล้งเพื่อนต่อหน้าครูอาจารย์ในชั้นเรียน
3. ระยะสุดที่ยังระยะนี้เป็นการแสดงความก้าวร้าวออกมาโดยเปิดเผย เช่น ใช้ของ ขว้างปาเพื่อน ขณะเรียน ด่าเพื่อนโดยออกเสียงดังๆ เขกศีรษะเพื่อนหรือแสดงความไม่เคารพ ต่อครูอาจารย์โดยเปิดเผย เล่น การพนัน ขโมยของเพื่อน พกอาวุธมาโรงเรียน ชกต่อยกับ เพื่อน เป็นต้น
นอกจากนี้การทำความผิดวินัยของนักเรียนยังเกิดจากสาเหตุหลายประการ กอร์ตัน (Gorton 1983 : 328-329) ได้กล่าวถึงสาเหตุของการทำผิดวินัยของนักเรียนไว้ดังนี้
1.ปัญหาที่มีสำเหตุมาจากโรงเรียน ได้แก่
1.1 การสอนไม่ดี
1.2 จัดหลักสูตรไม่ตรงกับความต้องการของผู้เรียน
1.3 ตารางสอนไม่ยืดหยุ่น
1.4 โปรแกรมการเรียนการสอนและโปรแกรมอื่นๆ ไม่ปรับให้เหมาะสมกับพื้น ฐานความรู้
ความสามารถของนักเรียน
2.ปัญหาที่มีสำเหตุมาจากตัวนักเรียนเอง ได้แก่
2.1 นักเรียนไม่เข้าใจกฎระเบียบต่างๆ
2.2 นักเรียนไม่เข้าใจเหตุผลของการมีระเบียบต่างๆ
2.3 พื้นฐานการศึกษาของนักเรียนไม่ดี
2.4 การไม่รู้จักเลือกคบเพื่อน
2.5 นักเรียนมีเรื่อง กระทบกระเทือนทางจิตใจ
2.6 นักเรียนมีความรู้สึกขัดแย้งกับครู
(กอร์ตัน (Grton) 1983 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562)
มนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมย่อมจะต้องมีการเจรจาพาที แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรม ฯลฯ ในความเป็นจริง การแสดงความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นสิทธิขั้นมูลฐานของมนุษย์ และภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นย่อมเป็นสิ่งที่ต้องเคารพโดยรัฐและโดยปัจเจกบุคคล ตราบเท่าที่ไม่เป็นการละเมิดต่อคนอื่น เช่น การหมิ่นประมาท หรือการละเมิดกฎหมาย
แต่การแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์นั้นบางครั้งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้ ถ้าการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวมีนัยแอบแฝง เช่น การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองก็เป็นการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ แต่อาจจะเป็นลักษณะวิพากษ์และยั่วยุจนมีการตอบโต้จากฝ่ายตรงกันข้าม และอาจจะกระพือความร้อนแรงทางการเมืองมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นกันอยู่ทั่วไปในสังคมที่มีการปกครองบริหาร หรือการต่อสู้กันระหว่างหน่วยการเมืองสองหน่วยโดยมีผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง (ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน 2552 สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2562 )