บทที่ 1
ที่มาและความสำคัญ
ที่มาและความสำคัญ
ที่มาและความสำคัญ
ปัญหาการแต่งกายของนักเรียนนักศึกษาเหตุผลของปัญหาการแต่งกาย คือสังคมไทยในปัจจุบันเป็นสังคมที่ทันสมัย ทำให้วัยรุ่นในปัจจุบันเรียนแบบการแต่งกายจากสื่อต่างๆ เช่น สื่อโทรทัศน์สื่ออิเล็กทรอนิกส์สื่อโฆษณาตามสถานที่ต่างๆหรือแม้กระทั้งการรับเอาวัฒนธรรมการแต่งกายจากชาวตะวันตกด้วยทำให้นักศึกษาก็รับเอาวัฒนธรรมการแต่งกายนั้นมาด้วยเช่นการนุ่งกระโปรงที่สั้น ใส่เสื้อผ้าที่รัดติ้วจนเกินไปหรือการใส่รองเท้าตามแฟชั่นต่างๆรวมไปถึงการแต่งกายที่ผิดระเบียบตามกาลเทศะตามสถานที่นั้นๆว่าเราควรที่จะแต่งกายอย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานที่นั้นด้วยในสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเร็วเกินกว่าการปรับตัวให้เหมาะสมกับการรับรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งค่านิยมทางวัตถุและวัฒนธรรมต่างชาติส่งผลให้วัยรุ่นในปัจจุบันรู้ไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและแยกไม่ออกระหว่างความเหมาะสมกับกับความสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นในกรุงเทพฯที่มีสื่อต่างๆนำเสนออยู่ตลอดเวลาดาราวัยรุ่นที่แต่งกายโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือไม่ได้คิดว่าตนเองจะเป็นแบบอย่างให้วัยรุ่นเลียนแบบอย่างไรจึงทำให้วัยรุ่นสมัยนี้โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิง ไม่เคยคิดเลยว่าออกมาจากบ้านเพื่อจะไปที่ไหน ควรแต่งกายอย่างไรจึงจะเหมาะสมปัญหาหลักของการแต่งกายดังกล่าวคือ
1. เกิดจากการได้รับอิทธิพลตามแฟชั่นของชาติตะวันตกที่มีการแต่งกายนุ่งน้อยหุ้มน้อย
2. การแต่งกายหล้อแหลมเป็นบ่อเกิดของคดีอาชญากรรม
3. เสื้อลอยชายทำให้เสื่อมเสียสถาบันการศึกษา
4. เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่รุ่นน้องในการเรียนแบบของการแต่งการ
5. การถูกล่อลวงทำอนาจาร ถูกละเมิดทางเพศการข่มขืน และทำให้ปัญหาอื่นๆตามมา
6. ก่อให้เกิดปัญหาจี้วิ่งราวทรัพย์
7. ขัดกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
8. เสียบุคลิกภาพเสียสุขภาพ สาเหตุของปัญหาการแต่งกายที่ผิดระเบียบของนักศึกษา1. สาเหตุหลักของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษาส่วนใหญ่มาจาก "แฟชั่น" ขณะที่นักศึกษาหญิงบางคนก็บอกว่าที่ต้องใส่เพราะไม่มีทางเลือกอย่างรายของ ไม่มีแล้วขายไม่ได้นักเรียนเองเขาก็ไม่นิยมใส่ยุคนี้ไม่มีใครสนใจแล้วใครจะมองก็มองไปกลายเป็นมาตรฐานในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาไปหมดแล้วใครไม่ใส่สิเชยจะถูกมองว่าเป็นคนแปลกประหลาด”
โรงเรียนมีภาระหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มุ่งหวังพัฒนาคุณภาพประชากรทุกคนให้เป็นคนดี คน เก่ง และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 โรงเรียนจึงเป็นองค์การสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกแก่เยาวชน เพราะโรงเรียนเป็น สถานที่ที่เด็กต้องไปใช้ชีวิตวันละหลายชั่วโมง เพื่อเรียนให้จบการศึกษาภาคบังคับ ซึ่งตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ใน โรงเรียนสภาพแวดล้อมต่างๆ ของโรงเรียนล้วนมีอิทธิพลต่อการเรียนการสอนรวมทั้งส่งผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจของนักเรียน และถ้าโรงเรียนได้ปลูกฝังเกี่ยวกับระเบียบวินัยให้เกิดขึ้นแก่เด็กแล้ว จะส่งผลให้นักเรียน สามารถจดจำแบบอย่างระเบียบวินัยที่ดีที่จัดขึ้นในโรงเรียนนำไปเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต อันเป็นการ ปลูกฝังเจตคติและค่านิยมที่ดีงาม ตลอดจนลักษณะที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ซึ่งเมื่อนักเรียนสามารถ ประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของโรงเรียนและสังคมได้ ย่อมส่งผลให้โรงเรียนสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย และนักเรียนเองก็สามารถศึกษาเล่าเรียนไปได้ด้วยความราบรื่น ปราศจากความ เดือดร้อนวุ่นวายอันเกิดจากการขาดระเบียบวินัย ดังนั้น การสร้างระเบียบวินัยให้เกิดขึ้นแก่เด็กจึงควรปลูกฝัง ให้เกิดขึ้นแต่แรก โดยการชี้แจงและตกลงด้วยเหตุผลของครูในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กยอมรับใน ข้อตกลงนั้นๆ รวมถึงการฝึกอบรมที่ครูเสริมเข้าไปตลอดเวลาที่สอนเนื้อหาวิชาอยู่การบังคับเด็กให้ประพฤติ ตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำให้บุคลิกภาพของเด็กด้อยไป และในขณะเดียวกันอาจทำให้เด็กฝ่าฝืน ระเบียบวินัยได้เช่นกัน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2545) จากรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา พบว่า ความ ประพฤติของนักเรียนยังมีการขาดพฤติกรรมในคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่มากทั้งระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ดังเช่น การมาโรงเรียนไม่ทันเคารพธงชาติ การออกนอกบริเวณโรงเรียนโดย ไม่ได้รับอนุญาต ตลอดจนการลักลอบกลับก่อนถึงเวลาเลิกเรียนและยังพบว่านักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 แต่งกายไม่ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน และยังขาดการแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนดังกล่าวอย่างทันท่วงที และจากการสัมภาษณ์ (งานปกครอง, 2553) ผู้อำนวยการโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยาเห็นว่าหากคณะครูยังไม่ รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะมีผลทำให้พฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มนี้จะเพิ่มหรือขยายพฤติกรรมที่ เบี่ยงเบนเพิ่มอีกอย่างหลากหลาย ผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งรับผิดชอบทั้งการเรียนการสอนและร่วมงานฝ่ายปกครองได้มองเห็นว่า ตราบ ใดที่นักเรียนในแต่ละระดับชั้น ถ้าขาดความมีวินัย หรือขาดความรับผิดชอบตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ นักเรียนที่ดีแล้ว ก็จะส่งผลต่อความประพฤติ ต่อชุมชนไปในทางที่เป็นการละเมิดกฎ ระเบียบ ของสังคมอย่าง แน่นอน ผู้วิจัยจึงมีความต้องการที่จะทำการศึกษาถึงวิธีการในการส่งเสริมให้นักเรียนได้มองเห็นความสำคัญใน การปฏิบัติตามกฎและระเบียบของโรงเรียนต่อไป
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาความความคิดเห็นเกี่ยวกับการใส่ชุดพละไม่เป็นระเบียบของนักเรียน
สมมติฐาน
การใส่ชุดพละที่เป็นระเบียบอย่างน้อย 50%
ตัวแปร
ตัวแปรต้น : ชุดพละ
ตัวแปรตาม : ความคิดเห็นต่อการใส่ชุดพละของนักเรียน
ขอบเขตการศึกษา
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด
กลุ่มประชากรตัวอย่าง
นักเรียนโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา จำนวน 50 คน
นิยามศัพท์
1.ความคิดเห็น คือ การพูดแสดงความรู้สึก ความเห็นของตนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากการอ่าน การดู การฟัง เป็นการพูดที่ผู้พูดต้องพูดอย่างมีเหตุมีผล ข้อควรปฏิบัติในการพูดแสดงความคิดเห็น - ฟัง อ่าน หรือดูเรื่องที่ต้องพูดแสดงความคิดเห็นอย่างตั้งใจ
2.กฎระเบียบของโรงเรียน คือ ข้อบังคับ ที่อยู่ในความเป็นจริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและ ชีวิต ระเบียบวินัย นั้นเป็นสิ่งซึ่งมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะกับนักเรียนหรือเยาวชน อันจะเป็นกำลังอย่างมากในการพัฒนา เพื่อที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความรุ่งเรืองได้
3.ระเบียบวินัย
หมายถึง แบบแผน กฎเกณฑ์ที่กําหนดไว้เป็นแนวปฏิบัติคนที่มีระเบียบวินัย
เป็นคนที่สามารถควบคุมตนเองให้ประพฤติปฏิบัติตนได้ตามแบบแผนกฎเกณฑ์และขอบังคับของ
สังคมนั้นไดโดยอาจจะใช้กฎเกณฑ์ขอบังคับเป็นเครื่องกําหนดให้ทําตาม
4.นักเรียน หมายถึงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับการใส่ชุดพละไม่เป็นระเบียบของนักเรียนโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา