8 ข้อสังเกตคดี "บอส อยู่วิทยา"
8 คำถาม โลกกังขา ?
Nation TV
1. อัยการเคยมีคำสั่งฟ้อง นายบอส ในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปแล้ว ทำไมจึงเปลี่ยนคำสั่ง ?
2. ถ้าตอบว่าเพราะมีพยานใหม่ 2 คนมาให้การใหม่ ทั้ง 2 คนเป็นใคร (มีตัวตนจริงหรือไม่?) ทำไมเพิ่งโผล่มาให้การหลังคดีผ่านมานานถึง 7 ปี ? (คดีโด่งดังมาก)
3. พยานใหม่ 2 คน ให้การเรื่องความเร็วรถเปลี่ยนไปจากสำนวนการสอบสวนเดิม 177 กม./ชม. เป็นไม่เกิน 80 กม./ชม. ทำไมให้น้ำหนักพยานบุคคล (ที่เพิ่งโผล่) มากกว่าผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ ที่มีนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญเคยให้การไว้ในการสอบสวนครั้งแรก
4. ผู้ตายขี่ จ ยย.เปลี่ยนช่องจราจรจากซ้ายสุดไปขวาสุดชิดเกาะกลางทำไม เพราะมันเป็นเส้นทางตรงข้ามกับที่จะไป สน.ทองหล่อ ?
5. ทำไมรองโฆษกอัยการ เพิ่งแถลงเมื่อ 27 มิ.ย.ว่า "ยังล่าตัวนายบอสอยู่ อธิบายถึงขั้นตอนการขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่ถอนฟ้องไปตั้งแต่ 18 มิ.ย.แล้ว
6. บิ๊กอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง เป็นคนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดี "โอ๊ค" ทำไมรองอัยการคนนี้ จึงเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญที่ถูกตั้งคำถามตลอด (และอัยการสูงสุดก็บังเอิญไปราชการอื่น ไม่รู้เรื่องอีกแล้ว!)
7. ทำไม ผบ.ตร.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเห็นพ้องกับอัยการ ทั้งๆ ที่ยังทำความเห็นแย้งได้ และให้อัยการสูงสุดชี้ขาด
8. คดีนี้มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ! ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงไม่พยายามต่อสู้เพื่อให้กำลังพลของตนได้รับความเป็นธรรม (ในความรู้สึกของตำรวจทุกคน และครอบครัวของดาบตำรวจผู้เสียชีวิต)
รอท่านรองอัยการเนตร นาคสุข หรือ
ท่าน ผบ.ตร. ตอบนะครับ ??
3 กันยายน 2555 บอส อยู่วิทยา ขับรถสปอตเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตราโล่ ลากร่างไปไกลราว 200 เมตร ปากซอยสุขุมวิท 49
ตอนแรกสารวัตร สน.ทองหล่อ พาพ่อบ้านที่ออกรับหน้าว่าเป็นคนขับรถ มามอบตัวที่ สน. สารวัตรคนนี้โดนเด้ง!
บอส เจอ 5 ข้อหา
1. ข้อหาเมาแล้วขับ อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะตำรวจไม่ได้ให้เป่าวัดแอลกอฮอล์
2. ขับรถเร็วเกิน หมดอายุความ วันที่ 3 ก.ย. 2556
3. ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย หมดอายุความ วันที่ 3 ก.ย. 2556
4. ชนแล้วหนี ไม่ช่วยเหลือ อายุความ 5 ปี หมดอายุความ วันที่ 3 ก.ย. 2560
5. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี จะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570
สรุป 5 ข้อหา เหลือเล่นงานได้แค่ ข้อหาที่ 5
ตำรวจออกหมายเรียก ผู้ต้องหาขอเลื่อน อ้างติดธุระอยู่ต่างประเทศ ขอเลื่อนทั้งหมด 7 ครั้ง ก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับปี 2560
ตำรวจได้แต่ออกหมายเรียกถึง 5 ปีหลังเกิดเหตุ
พอออกหมายจับ บอสก็หนีไปต่างประเทศ ก็ต้องดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ตอนนั้นมีการเกี่ยงกันระหว่างอัยการกับตำรวจ ว่าใครจะต้องเป็นผู้แปลเอกสาร สุดท้ายต้องไปจ้างเอกชนแปล คือ เกี่ยงกันทุกเม็ด น่าอนาถใจมาก
ต่อมาคณะทำงานอัยการชุดเดิม ก็โยกย้ายขยับตำแหน่งกันไปตามระบบราชการ มีอัยการชุดใหม่เข้ามา แล้วก็มีทนายของนายบอส เข้าไปยื่นร้องขอความเป็นธรรม ทำให้มีการรื้อคดีขึ้นมาอีก และสั่งตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม
จากนั้นเมื่อตำรวจส่งหลักฐาน จากการสอบสวนเพิ่มเติมไปให้อัยการ อัยการก็มีความเห็นใหม่ เปลี่ยนเป็น "สั่งไม่ฟ้อง"
ภาพจาก @CSI LA
Cr.Kanok Ratawongsakul Fan page
#ทำไมอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้จึงเป็นเรื่องร้ายแรง
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตเท่านั้น แต่เป็นเรื่อง #ชนแล้วหนี แล้วคนที่ถูกชนก็คือ #เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังมีการใช้ให้ผู้อื่นมารับผิดแทน การที่คดีล่าช้าอยู่ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 8 ปี ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ และแสดงให้เห็นถึงปัญหา #ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม ของประเทศไทยมากพออยู่แล้ว
ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศทุกข้อหา จึงเป็น #เรื่องร้ายแรงมาก ในความรู้สึกของผู้คนโดยทั่วไป และเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูดกันว่า #คุกมีไว้ขังแค่คนจน ส่วนคนรวยจะหลุดรอดเพราะมีเส้นสายและวิ่งเต้นได้ ว่าเป็นเรื่องจริง
#สำนักงานอัยการสูงสุดจึงต้องชี้แจงเหตุผล ว่า #ทำไมจึงสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคดีเช่นนี้ อย่าให้คนคิดไปว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยสามารถวิ่งเต้นและใช้เส้นสายได้ เพราะนี่คือกรณีที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วคนจะไม่ใช่แค่บอยค็อตต์ผลิตภัณฑ์ในเครือกระทิงแดง แต่อาจจะบอยค็อตต์สำนักงานอัยการสูงสุดด้วย
ส่วน #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงแค่ว่าทำตามขั้นตอน และทำตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงให้เหตุผลว่า #ทำไม่ไม่คัดค้านความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง ด้วยครับ
UPDATE: อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐานยัน ‘บอส ทายาทกระทิงแดง’ ผิดจริง เคยส่งคนใช้มามอบตัวแทน จี้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (24 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา พ.ต.ต. ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงกรณีหลังอัยการไม่สั่งฟ้อง วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ทุกข้อกล่าวหาในคดีขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า ตนเป็นผู้พิสูจน์หลักฐานคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่องรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาขับรถชนท้ายจริง
แต่วรยุทธกลับส่งคนรับใช้มามอบตัวแทน จนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้นต้องนำกำลังไปล้อมบ้าน 200 นายจนต้องมอบตัว ยืนยันหลักฐานที่ได้คือรอยช้ำตามแนวคาดเข็มขัดนิรภัย และตนเองเป็นผู้ดูกล้องวงจรปิดและคำนวณความเร็วด้วยตัวเอง ซึ่งพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด มั่นใจว่าหลักฐานในขณะนั้นสามารถเอาผิดได้แน่นอน
โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมากเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป
ด้าน จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวว่าตำรวจและอัยการต้องแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สั่งฟ้องคดี ตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกสอบ แต่ไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่ได้นำรายงานเรื่องความเร็วจากกองพิสูจน์หลักฐานมาพิจารณา ละเว้นไม่ออกหมายจับ และไม่ติดตามดูแลการสอบสวน จนทำให้กระบวนการหยุดอยู่ที่อัยการ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ อัยการเองปล่อยให้มีการเลื่อนนัดพบอัยการถึง 7 ครั้ง ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ในฐานะ ส.ส. ตั้งคำถามว่าคุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่ เหมือนกรณีนักมวยติดคุกฟรีเพราะความผิดพลาดของพนักงานสอบสวน และสุดท้ายฝากไปถึงผู้ต้องหา รวยแล้วต้องมีความละอายใจต่อสังคมบ้าง และย้ำว่าเรื่องนี้ต้องติดตาม ปล่อยไว้ไม่ได้
ด้าน พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีทุนทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่กระบวนการมีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไรจึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง
อ่านต่อได้ที่ https://thestandard.co
Cr. FB. Prinya Thaewanarumitkul