เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2563 เวลา 08.00-11.00 น. ณ ห้องประชุมเพชรรัตน์ ชั้น 6 อาคารเพชรรัตน์ ได้เข้าร่วมฟังบรรยาย รู้เฟื่องเรื่องข้อ ในหัวข้อ “ปวดไหล่” ป้องกันได้ หากออกกำลังกายถูกต้อง ซึ่งจัดโดยภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ อ.นพ.วริทธิ วัชรปรีชาสกุล
ภญ.สุพรรณษา ร่วมสุข
กภ.ชนาทิพย์ พลพิจิตร์
อาการปวดไหล่เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน พบได้ร้อยละ 16 อาการปวดไหล่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น เส้นเอ็นข้อไหล่อ่อนแอ ทั้งนี้สามารถลดความเสี่ยงโดยออกกำลังกายบริหารเส้นเอ็นข้อไหล่ ยกแขนทุกวันให้สุด โรคข้อไหล่ติด พบได้ร้อยละ 2 ช่วงอายุที่พบได้บ่อย 40-60 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย จะมีอาการปวดมาก ขยับทางไหนก็ปวด ปวดรุนแรง อยู่ๆก็ปวด คนไข้ทรมานมาก ปวดสุดชีวิต ระยะแรกช่วงเดือนที่ 1-2 จะมีอาการติดเกิดขึ้น ระยะที่ 2 เดือนที่ 4 ข้อเริ่มติด แต่ปวดน้อยลง และคนไข้จะหายเองได้ใน 30 เดือน
การรักษา ได้แก่ รักษาด้วยยา การทำกายภาพบำบัด การดัดข้อภายใต้การดมยาสลบ การฉีดสารน้ำเข้าข้อเพื่อขยายเยื่อหุ้มข้อ การผ่าตัดส่องกล้องตัดเยื่อหุ้มข้อ การผ่าตัดเพื่อตัดเยื่อหุ้มข้อแบบเปิด
ในระยะแรก ๆ มีการรักษาในห้องผ่าตัดโดยให้ยาสลบ และทำการดัดข้อไหล่คนไข้เพื่อทำการฉีกเยื่อหุ้มข้อ ช่วยลดอาการปวดข้อไหล่ และเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ กระดูกหักในผู้สูงอายุ ข้อไหล่หลุด เส้นเอ็นเบ้าข้อไหล่ฉีกขาด เส้นเอ็นข้อไหล่ฉีกขาด เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกในข้อไหล่
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดไหล่
Ø เมื่อมีอาการปวด 3 วันแรก ให้ประคบเย็น 15-20 นาที ถ้าเป็นเรื้อรัง ให้ประคบร้อน 15-20 นาที
Ø การใช้ลูกเทนนิสคลึงบริเวณที่ปวด ช่วยลดปมกล้ามเนื้อ
Ø การทำกายบริหาร ท่าไต่กำแพง ให้หันหน้าเข้ากำแพง วางฝ่ามือบนกำแพงทั้งสองข้าง แล้วไต่ขึ้นลง เหมือนมดไต่
Ø การแกว่งแขนแบบลูกตุ้ม ให้ยืนใช้มือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะไว้ แล้วก้มหัวมองลงพื้น แขนอีกข้างแกว่งเป็นวงกลมเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา ทำข้างละ 10 ครั้ง
ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้
Ø ใช้งานแขนข้างเจ็บไม่ได้ หรือใช้แขนยกของไม่ได้
Ø แขนข้างเจ็บมีการผิดรูปเมื่อเทียบกับอีกข้าง
Ø มีอาการปวดตอนกลางคืน หรือตอนอยู่เฉยๆ
Ø ปวดไหล่นานกว่า 2 สัปดาห์
Ø ยกแขนไม่ขึ้น
Ø บวมหรือช้ำบริเวณหัวไหล่หรือแขน
Ø มีการติดเชื้อ โดยมีลักษณะ มีไข้ ผิวหนังแดงและรู้สึกอุ่น
จากการเข้าร่วมฟังบรรยายครั้งนี้ทำให้ผู้ฟังมีความตระหนักในการป้องกันอาการปวดไหล่มากยิ่งขึ้น อยากดูแลตัวเองมากขึ้น ดูแลคนใกล้ชิดมากขึ้น อยากฝึกท่ากายบริหารป้องกันอาการปวดไหล่ ป้องกันโรคต่างๆ เพื่อให้ห่างไกลโรคต่างๆมากขึ้น ให้มีสุขภาพกายใจที่ดีต่อไป
นางวิมุทรา พรหมพินิจ
นางสาวภัทราวรรณ ตาปราบ
ผู้เรียบเรียง