ประวัติภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำข้าวฮางสกลทวาปี
ประวัติภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำข้าวฮางสกลทวาปี
ข้าวฮางสกลทวาปี
ประวัติของข้าวฮางสกลทวาปี
ข้าวฮางหอมสกลทวาปี คือข้าวหอมมะลิ 105 ที่ผ่านกรรมวิธีนึ่งก่อนนำไปสีเป็นข้าวสาร คือข้าวฮางหอมทองสกลทวาปีสามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการและคุณภาพของข้าว ให้อยู่ได้มากกว่าขั้นตอนการสีข้าวโดยทั่วไป ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี เป็นสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของตำบลปลาโหลอำเภอวาริชภูมิ มีจุดเด่นคือเมล็ดข้าวไม่แตกหักจมูกข้าวไม่หลุด มีรำข้าวและเส้นใยอาหารยังอยู่ครบ เมื่อกะเทาะเปลือกออกคุณค่าทางอาหารจึงไม่สูญเสียไป
การทำข้าวฮางสกลทวาปี บ้านนาบ่อ หมู่ที่ 6 ตำบลปลาโหล อำเภอวาริชภูมิ ข้าวฮางสกลทวาปี เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดสรรยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ระดับสี่ดาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2546 ประเภทอาหารและได้ใบรับรองการใช้เครื่องหมายมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูปกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรางวัลต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเกียรติบัตรแห่งภูมิปัญญาเกษตรกรไทยด้านผู้อนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการแปรรูปดีเด่นรางวัลที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรางวัลที่ 3ระดับประเทศ และยังมีทีหนังสือพิมพ์ติชนรายวัน ฉบับวันที่ 8 มิถุนายน 2548 สถานีโทรทัศน์ช่อง 7,9,11 ได้มาถ่ายทำกระบวนการผลิตข้าวฮางหอมสกลทวาปี เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักมากขึ้น
สืบสานภูมิปัญญาของข้าวฮางสกลทวาปี
จากการบอกเล่าของปู่ย่าตายาย ข้าวฮางหอมทองทองสกลทวาปี ประยุกต์มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น การผลิตข้าวฮาง ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เดิมวัตถุประสงค์ในการผลิตข้าวฮางเพื่อการบริโภคเนื่องจากคนสมัยโบราณการผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อการบบริโภคทั้งปีก่อนที่จะมีข้าวใหม่ออก เกษตรกรอยู่ในภาวะขาดแคลนข้าวเหนียวบริโภค ต้องอาศัยธัญพืชอื่นๆประทังชีวิตไปก่อน เมื่อข้าวในนาออกรวงพัฒนาเมล็ดไปประมาณ 70-85% เกษตรกรจะนำไปเป็นข้าวเม่า และเมื่อข้าวพัฒนาเมล็ดไปประมาณ 85% ขึ้นไป เกษตรกรจะนำมาผลิตเป็นข้าวฮางเพื่อให้ทันต่อการบริโภคก่อนที่ข้าวจะสุกแก่ จุดเด่นของข้าวฮาง คือข้าวจะหอมเพราะข้าวยังมีน้ำนมอยู่ ชาวบ้านนาบ่อ มีอาชีพในการทำนา โดยส่วนมากจะทำข้าวอินทรีย์ จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และไม่ใช้ปุ๋ยเคมี จึงทำให้ข้าวเป็นข้าวที่ปลอดภัยมากที่สุดเหมาะสำหรับการบริโภคแก่บุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคนป่วย คนแก่ คนปกติก็สามารถรับประทานได้เลย รับประทานเป็นยาได้เลยเพราะมีสารอาหารมากมายหลายชนิดเหมาะสำหรับกับทุกคน
ข้าวฮางมรดกชนเผ่าภูไท
ชาวบ้านนาบ่อเป็นชาวภูไทกระป๋อง (กระป๋อง หมายถึง สมอง/ปัญญา )วิถีความเป็นอยู่จะสร้างบ้านเรือนและจับจองแหล่งทำกินใกล้แหล่งน้ำ ทำนาเป็นหลัก ชาวภูไทเป็นคนช่างสังเกตเรียนรู้ดัดแปลงคิดค้นสิ่งใหม่ๆ การทำข้าวฮางสะท้อนภูมิปัญญาด้านการดำรงชีวิตและการถนอมอาหาร เพราะว่าข้าวฮางมีรำข้าวและเส้นใยอาหารอยู่ในเมล็ดข้าวอยู่ครบเนื่องจากการนึ่งข้าวเปลือกให้สุกก่อนนำไปสีข้าวจึงไม่มีเมล็ดแตกหักเลยซึ่งสะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยเฉพาะชาวภูไท อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
เดิมทีการจำหน่ายข้าวฮางกลุ่มแม่บ้านจะใช้ชื่อ ข้าวหอมทอง และเมื่อปี 2548 นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้ไปเยี่ยมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนาบ่อ ได้ทราบข่าวว่าข้าวหอมทองมีคุณภาพสูงจึงได้ร่วมกับกลุ่มแม่บ้านเปลี่ยนชื่อเป็น ข้าวหอมทองสกลทวาปี เพื่อสื่อให้ทราบว่าเป็นข้าวของจังหวัดสกลนคร และได้ส่งเสริมนับสนุนการผลิตและการตลาด โดยการนำสินค้าไปฝากขายตามโรงแรมระดับห้าดาว ศูนย์การค้าใหญ่ในตัวเมืองสกลนคร กรุงเทพมหานคร และนำไปขายในเทศกาลต่างๆรวมทั้งงาน Otop Grand Sale ณ อิมแพค เมืองทองธานี เป็นสินค้า Otop Premium ของจังหวัดสกลนคร ต่อมากลุ่มได้เพิ่มชื่อเป็น ข้าวฮางหอมทองสกลนครทวาปี เพื่อจดทะเบียนสิ่งที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าแหล่งกำเนิดและแหล่งผลิต ข้าวฮางสกลทวาปี
บ้านาบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดสกลนคร ห่างจากจังหวัดสกลนครประมาณ 80 กิโลเมตรและห่างจากอำเภอวาริชภูมิ 1.50 กิโลเมตร
ทิศเหนือ จดกับบ้านพังฮอ ตำบลปลาโหล ทิศใต้ จดกับตำบลวาริชภูมิ
ทิศตะวันออก จดกับบ้านดงเซียงเครือ ทิศตะวันตก จดกับบ้านน้อยจอมศรี
สายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการทำข้าวฮางสกลทวาปี
ข้าวที่จะนำมาผลิตข้าวฮางสกลทวาปีเป็นข้าวที่คัดเลือกพันธุ์มาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะข้าวจ้าวจะต้องเป็นข้าวจ้าวมะลิ 501 ข้าวหอมนิล เป็นต้น ส่วนข้าวเหนียวนิยมนำพันธุ์ข้าว กข 6 จะต้องมีวิธีที่คัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพ
ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะข้าวเป็นอาหารหลักที่คนไทยใช้บริโภคตลอด ทั้งนี้เพราะการเกษตรส่วนใหญ่ของประเทศปลูกข้าวเป็นพืชหลักปัจจุบันข้าวยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่ข้าวที่ผลิตได้ต่อไร่ ส่วนมากยังมีผลผลิตต่อไร่ต่ำอยู่ การผลิตข้าวในปัจจุบันเกษตรกรมีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีมากขึ้นทำให้ต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยการใส่ปุ๋ยเคมีให้กับข้าวนับว่ามีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปก็จะ เป็นการสิ้นเปลือง อีกทั้งยังมีผลกระทบในระยะยาวต่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพราะการใช้ปุ๋ยเคมี ติดต่อกันเป็นเวลานานๆจะทำลายความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุในดิน ทำให้จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในดิน เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย แอคติโนมัยซิท และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆที่อาศัยอยู่ในดินมีจำนวนลดลง มีผลทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ ดินมีสภาพเป็น กรด ดินจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง
ข้าว เป็นธัญพืชที่อยู่ในวงศ์ (Family) Gramineae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oryza sativa L. เป็นแหล่งอาหารหลักที่ให้คาร์โบไฮเดรตที่สำคัญในการดำรงชีวิตของประชากรโลก เช่น การทำเป็น ขนมหวานชนิดต่างๆ ขนมปัง ในด้านอุสาหกรรมใช้ในการผลิตแอลกอฮอล์สำหรับใช้ผลิตวิสกี้ นักวิชาการได้แบ่งประเภทข้าว ออกเป็น 2 ชนิด คือ ข้าวเอเชีย (Oryza sativa L.) และข้าวแอฟริกา (Oryza glaberrima Steud.) ข้าวเอเชียปลูกทั่วไปในเอเชีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป และแอฟริกา ส่วนข้าวแอฟริกา มีการ ปลูกเฉพาะทางด้านทิศตะวันตกของ ทวีปแอฟริกาเท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับชนิดต่างๆของข้าวและสรุปได้ว่าข้าวพวก ryzasativa ซึ่งมีการปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศที่ปลูกข้าวต่างๆนั้นยังแบ่งออกได้เป็น 3 พวก คือ japonica , indica และ javanica โดยยึดถือเอาลักษณะภายนอกของต้น เมล็ดและเปอร์เซ็นต์ เมล็ดลีบของ ข้าวลูกผสมระหว่างข้าวทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวเป็นหลัก japonica เป็นข้าวที่ปลูกในประเทศ จีนตอนเหนือและ ตะวันออก ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศอื่นๆที่อยู่ในเขตอบอุ่น indica เป็นข้าวที่ปลูกในประเทศต่างๆ ในเขตร้อน เช่น ศรีลังกา จีนตอนใต้และตอนกลาง อินเดีย อินโดนีเชีย บังกลาเทศ ไทย ฟิลิปปินส์ ส่วน javanica เป็นข้าวที่ปลูกในประเทศอินโดนีเชียเท่านั้น อย่างไรก็ตามแหล่งปลูก ข้าวกันมากในโลกนี้จะอยู่ระหว่าง เส้นรุ้งที่ 50 องศาเหนือและ 35 องศาใต้
กล่าวว่าข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อสังคมไทยไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตประจำวันเท่านั้น ในแต่ละปีข้าวที่เหลือจากการบริโภค ถูกส่งไปจำหน่ายยังตลาด ต่างประเทศ เช่น จีน อินโดนีเซีย อิหร่าน ฮ่องกง มาเลเซียและสิงคโปร์ เฉพาะใน พ.ศ. 2540 นำเงินได้เข้าประเทศมากกว่า 60,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ พ.ศ.2522 เป็นต้นมา ประเทศไทยครองความเป็นอันดับหนึ่งในการส่งข้าวไป เลี้ยงประชากร เกือบจะทั่วโลกจากการส่งออกข้าวสาร 3 ล้านตันใน พ.ศ.2522 เป็นประมาณ 6 ล้านตัน ใน พ.ศ.2540 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการ แข่งขันทั้งทางด้านการผลิตและการตลาดของประเทศ
ไทยว่าเหนือกว่าอีกกว่าหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งที่สำคัญ เช่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา พม่าและ เวียดนาม แต่ สถานการณ์นี้อาจ เปลี่ยนไปได้ ถ้ารัฐบาลไม่ให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและด้านการเกษตรกรรม เพราะใน ปัจจุบันตลาดข้าวคุณภาพต่ำถูกพม่าและเวียดนามยึดครองจากไทยไปเกือบหมดแล้วดังนั้นอนาคตของข้าวไทยจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่การผลิตคุณภาพสูงเพื่อการส่งออกโดยอาศัยความได้ เปรียบทางด้านชื่อเสียงว่าเป็นผู้ผลิตข้าวคุณภาพสูงและเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของ โลกมาเป็น เวลานาน ในปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 63 ล้านไร่ ผลิตข้าวเปลือกได้ประมาณ 22 ล้านตัน คิดเป็นผลผลิตเฉลี่ย 387 กิโลกรัมต่อไร่ เก็บไว้ใช้ บริโภคและเป็นเมล็ดพันธุ์ประมาณ 12 ล้านตัน ที่เหลือส่งออกคิดเป็นปริมาณข้าวสารประมาณ 6 ล้านตัน ในปัจจุบันการส่งออก ของข้าวไทยได้ขยายไปทุกภาคของโลกซึ่งทำรายได้ให้แก่ประเทศ ปีละหลายหมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ของมูล ค่าสินค้าที่ส่งออกทั้งหมด
ข้าวเป็นพืชในเขตร้อน (tropical) ที่ต้องการอุณหภูมิและความชื้นสูงสำหรับการเจริญเติบโต ต้องการอุณหภูมิในช่วง 22 – 30ºC ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวเป็นส่วนของดินเหนียว เพราะมีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง 5.0 - 6.5 และมีอินทรีย์วัตถุไม่น้อยกว่า 5% ในปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกข้าวส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชียถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของข้าวทั้งหมดทั่วโลก ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ เช่น ประเทศบราซิล โคลัมเบีย เปรู อียิปต์ สาธารณรัฐ มาลากาซี สเปน สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อิตาลี ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ เป็นต้น
ข้าวที่เหมาะสมสำหรับการทำข้าวฮางสกลทวาปี
ข้าวหอมมะลิ
เป็นข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุดและราคาแพงที่สุดของประเทศไทยเป็นที่นิยมบริโภคทั้งในประเทศ และต่างประเทศสำหรับตลาดต่างประเทศ ผู้บริโภคที่มีฐานะดี มีกำลังซื้อสูงปัจจุบันการขยายปริมาณ การส่งออกมีลู่ทางแจ่มใสกว่าข้าวพันธุ์อื่น ๆ ปริมาณการส่งออกเพิ่มจาก 148,544 ตัน ในปี 2532 ในปี 2536 ประเทศที่เป็นลูกค้าข้าวหอมมะลิ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา คุณสมบัติที่ส่ง ให้ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวคุณภาพสูง และข้าวเปลือกเรียวยาว ได้ขนาดมาตรฐานข้าวชั้นหนึ่ง เมื่อจะเป็น ข้าวสารจะได้ข้าว เรียว ยาว ขาวใส เป็นเงาแกร่งและมีท้องไข่น้อย ถ้าเป็นข้าวที่ข้าวสารก็มีกลิ่นหอมเมื่อหุงเป็นข้าวสุกก็จะรสชาติ ดี ข้าวหอมมะลิจัดเป็นข้าวที่มีอะมิโลสต่ำ คือ ประมาณ 12-18% ทำให้ข้าวสุกมีความอ่อนนุ่มนิ่มชื่อที่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการค้าข้าวนิยมเรียกโดยเพี้ยนมากจาก “ขาวดอกมะลิ” และมีชื่อเป็นทางการว่า “ขาวดอกมะลิ 105” ซึ่งมีความหมายว่า ประเภทข้าวขาว เพราะ ข้าวเปลือกมีสีขาว หรือสีฟาง และมีกลิ่นหอม คล้ายกลิ่นดอกมะลิสำหรับหมายเลข 105 นั้น ได้มาจาก ขึ้นตอนการปรับปรุงพันธุ์
ข้าวมันปู
ข้าวมันปู เป็นพันธุ์ข้าวชนิดหนึ่งที่มีเยื่อหุ้มเปลือกเป็นสีแดงแบบสีมันปู จัดเป็นข้าวกล้องหรือข้างซ้อมมือชนิดหนึ่งที่มีไขมันในปริมาณเดียวกับข้าวกล้องซึ่งสูงกว่าข้าวขัดสีประมาณหนึ่ง มีสารชนิดหนึ่งเรียกว่าเคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายซึ่งสูงกว่าข้าวขัดสี ชาวจีนเรียกว่าข้าวแดง หรือชื่อพื้นเมือง อั้งคัก นอกจากเป็นข้าวยังผลิตออกมาในรูปยีสต์สีแดงใช้ประกอบอาหารและเป็นสมุนไพรรักษาโรค บ้านเรา
นำข้าวแดงเมืองจีนมาเป็นสีผสมอาหารเพื่อให้สีแดง เช่นเต้าหู้ยี้ หมูแดง เนื้อแดง มีการเทียบสารอาหารพบว่าประโยชน์สูงกว่าข้าวขัดสี สารอาหารที่มีอยู่ในข้าวแดงก็มี แป้ง ไขมัน โปรตีน ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงอย่างมาก ทองแดง วิตามินเอง วิตามินบี บี 2 วิตามินซี สรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันแขนขาไม่มีกำลัง รักษาอาการมือเท้าบวมมีผื่นขึ้น ป้องกันนอนไม่หลับรักษาระบบย่อยอาหารที่ไม่ปกติ มีลมในท้อง และลำไส้ โดยเฉาะคนชรารับประทานข้าวคงได้บ่อยครั้งก็จะดีอย่างมาก แต่เนื่องจากข้าวแดงย่อยยาก นำไปต้มเป็นข้าวต้มจะดีกว่า ทั้งเป็นอาหารเพิ่มเลือดที่ดีมากสำหรับผู้หญิงที่เป็นโรคโลหิตจาง
ข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6(RD6)
ประวัติพันธุ์ - ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ โดยการใช้รังสีชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ โดยใช้รังสีแกมมาปริมาณ 20 กิโลแรด อาบเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 แล้วนำมาปลูกคัดเลือกที่สถานีทดลองข้าวบางเขนและสถานีทดลองข้าวพิมาย จากการคัดเลือกได้ข้าวเหนียวหลายสายพันธุ์ในข้าวชั่วที่ 2 นำไปปลูกคัดเลือกจนอยู่ตัวได้สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงสุดคือ สายพันธุ์ KDML105'65-G2U-68-254 นับว่าเป็นข้าวพันธุ์ดีพันธุ์แรกของประเทศไทย ที่ค้นคว้าได้โดยใช้วิธีชักนำพันธุ์พืชให้เปลี่ยนกรรมพันธุ์โดยใช้รังสี การรับรองพันธุ์ - คณะกรรมการวิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตร มีมติให้เป็นพันธุ์รับรอง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2520
ลักษณะประจำพันธุ์
เป็นข้าวเหนียว สูงประมาณ 154 เซนติเมตร
ไวต่อช่วงแสง
ทรงกอกระจายเล็กน้อย ใบยาวสีเขียวเข้ม ใบธงตั้ง เมล็ดยาวเรียว
เมล็ดข้าวเปลือกสีน้ำตาล
อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 21 พฤศจิกายน
ระยะพักตัวของเมล็ดประมาณ 5 สัปดาห์
เมล็ดข้าวกล้อง กว้าง x ยาว x หนา = 2.2 x 7.2 x 1.7 มิลลิเมตร
คุณภาพข้าวสุก เหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอม
ผลผลิต - ประมาณ 666 กิโลกรัมต่อไร่
ลักษณะเด่น
ให้ผลผลิตสูงและทนแล้งดีกว่าพันธุ์เหนียวสันป่าตอง
คุณภาพการหุงต้มดี มีกลิ่นหอม
ลำต้นแข็งปานกลาง
ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาล
พันธุ์ข้าวก่ำ
ประโยชน์ข้าวก่ำ
1.แอนไทไวยานิน มีคุณสมบัติในการต้านการเกิดปฏิกริยาช่วยหมุนเวียนกระแสโลหิตชะลอการเสื่อมของเชลส์ร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่มข้าวสีม่วงกลุ่มอินติกาซึ่งรวมถึงข้าวก่ำไทยมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชลส์มะเร็งปอด
2.แกมมาโอไรซานอลมีคุณสมบัติต้านการยับยั้งการหลั่งกรในกระเพาะอาหารและยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ลดน้ำตาลในเลือด และเพิ่มระดับอินซูลินของคนเป็นโรคเบาหวาน แบบชนิดที่ 2
จากสายพันธุ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ข้าวเหนียว สายพันธุ์ข้าวจ้าว สามารถแปรรูปเป็นข้าวฮางสกลทวาปีได้โดยทั้งหมดจะต้องเป็นข้าวอินทรีย์โดยไม่ใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลงทั้งหลาย
ประวัติภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำข้าวฮางสกลทวาปี
นางสุพรรณี ร่มเกษ
เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม 2506 อายุ 49 ปี เกิดที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
บ้านเลขที่ 31 บ้านนาบ่อ หมู่ที่ 6 ตำบลปลาโหล อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
โทรศัพท์ 0860151104
สมรส นายเนืองนอง ร่มเกษ
บุตร 2 คน ชาย 1 คน หญิง 1 คน
การศึกษา จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียน บ้านนางัว ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียน บ้านนางัว ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
หลักสูตรประกาศนียบัตร โรงเรียนเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร
ระดับปริญญา วิทยาศาสตร์มหาบัณทิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีอาหารได้เป็นประธานกลุ่มแม่บ้านนาบ่อ กลุ่มทำข้าวฮางสกลทวาปี
แหล่งที่มา : หลักสูตรการทำข้าวฮาง กศน.อำเภอวาริชภูมิ