“แก่งเต่าลี่ผี”
บ้านดงหม้อทอง ตำบลดงหม้อทองใต้
บ้านดงหม้อทอง ตำบลดงหม้อทองใต้
เป็นน้ำตกที่เป็นทางไหลผ่านของแม่น้ำสงครามยามอูนซึ่งถูกสายน้ำกัดเซาะเป็นโขดหินสวยงามคล้ายเต่าตัวใหญ่อยู่กลางลำน้ำสงคราม หัวไปทางจังหวัดหนองคาย ซึ่งแก่งเต่านี้มีผู้คนไปเที่ยวมากทั้งทางจ.หนองคายและสกลนคร มีน้ำที่ใส น่าลงเล่น แม่น้ำสงครามเป็นแม่น้ำที่กลั้นระหว่าง จ.หนองคายกับสกลนคร ทางด้านทิศเหนือ ของสกลนคร
บนที่ราบของแอ่งสกลนคร เป็นระยะทางราว 420 กิโลเมตร ของแม่น้ำสงคราม กำเนิดจากบนสันภูผาเหล็ก ในเขตอำเภอ ส่องดาว จังหวัดสกลนคร ไหลโค้ง ขึ้นไปทางเหนือ ผ่านอำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี อำเภอบ้านม่วง อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร แล้วเข้าสู่เขตอำเภอ พรเจริญ อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย แล้ววกกลับ ลงมาสู่ ตอนล่าง ของแม่น้ำ ที่อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เข้าอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม แล้วออกไป บรรจบ กับแม่น้ำโขง ที่บ้านไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แม่น้ำสงครามตอนบน ไหลผ่านที่ลาดชัน ลำน้ำแคบ ส่วน แม่น้ำสงคราม ตอนล่างในระยะ 200 กิโลเมตร จากช่วงกลางลำน้ำไปจนถึงปากน้ำไชยบุรี มีความต่างระดับ ของแม่น้ำ สงครามเพียง 1 เมตร ทำให้สายน้ำสงคราม ตอนล่าง จึงไหลระบายไป อย่างเชื่องช้า ลำน้ำสงครามตอนล่าง จะมีลำน้ำ สาขาต่างๆ เช่น ลำน้ำอูน ลำน้ำยาม ลำน้ำเมา
นายชยันต์ ธานะราช สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง จ.สกลนคร นำผู้สื่อข่าวไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกและแห่งใหม่ที่ทุกคนยังไม่รู้จักกันมากนัก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง ที่บริเวณลุ่มลำน้ำสงคราม เขตรอยต่อระหว่างอำเภอบ้านม่วงและอำเภอโช่พิสัย จ.บึงกาฬ อยู่ติดใกล้กับสะพานที่เชื่อมต่อติดต่อหากันระหว่างสองอำเภอ จุดดังกล่าวห่างไกลจากตัวอำเภอบ้านม่วงประมาณ ๓๐ กม. และห่างจากหมู่บ้านดงหม้อทองประมาณ ๔ กม. จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่าบริเวณแห่งนี้ชาวบ้านเรียกกัน แก่งเต่า หลีผี เนื่องจากรูปลักษณ์โขดหินลักษณะคล้ายเต่ามีสันกระดอง และส่วนหัวคล้ายคลึงกับเต่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประกอบโดยรอบมีโขดหินสลับทับซ้อน เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะมีพันธุ์ปลาน้อย-ใหญ่อาศัยหลบซ่อนอยู่ที่บริเวณแห่งนี้จำนวนมาก ชาวบ้านที่นี่ยังเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างให้ความเคารพ ตามความเชื่อของตนในท้องถิ่น
ซึ่งบริเวณนี้ถูกค้นพบมานานพร้อมกับการก่อตั้งหมู่บ้านดงหม้อทอง ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ โดยครั้งนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียง ๓ ครอบครัว ริเริ่มบุกเบิกก่อตั้งหมู่บ้านในช่วงสมัยนั้น โดยพระอาจารย์ จวน กุลเขมโฐ และชาวบ้านที่มีอยู่ ต่อมามีการขยายและมีผู้คนจากที่อื่นๆได้เข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น และลำน้ำสงครามเป็นแหล่งที่ทำมาหากินหล่อเลี้ยงชาวบ้านในพื้นที่ และบริเวณแก่งเต่ามีปลาชุกชุมจำนวนมาก จึงเป็นแหล่งสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านปักหลักจับปลาที่นั้น แต่ก็มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นและมีผู้ประสบกับหลายเหตุการณ์ทีทำให้ชาวบ้านหวั่นกลัว คือหลังจากที่มีคนจับปลาที่นั้นฉี่รดบริเวณหัวเต่า เพื่อนที่อยู่เห็นได้ห้ามปรามไว้ เมื่อกลับถึงบ้านเกิดอาการชักร้อนทุรนทุรายเหมือนคนใกล้ตาย เพื่อนบ้านที่เคยห้ามเชื่อคิดว่าสาเหตุดังกล่าว จึงบอกภรรยาและลูกไปขอขมากล่าวโทษและสำนึกผิดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อทำตามคำบอกกล่าวปรากฎว่าหายเหมือนปลิดทิ้ง ตั้งแต่นั้นจึงล้ำลือไม่มีใครกล้าที่กระทำอีก และต่อมาท้องถิ่นได้บูรณะปรับปรุงสถานที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวรู้จักกันในเฉพาะพื้นที่และใกล้เคียง
ขณะที่นายอำเภอบ้านม่วง นายนวรัตน์ วงศ์ปิ่นเพ็ชร์ พร้อมด้วยนางสวาสมฤดี ศิริรัตน์ ประมงอำเภอบ้านม่วง นายวิกรานต์ ทองเฟื่อง กำนันตำบลหม้อทอง และปราชญ์ชาวบ้าน องค์การบริหารส่วนตำบลดงหม้อทอง สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตลอดเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ร่วมเสวนา จัดให้มีการพัฒนา และส่งเสริมแก่งเต่าเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและพันธุ์ปลา โดยกำหนดเขตห้ามจับปลาระยะห่างประมาณ ๕๐ เมตร เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลา พร้อมปรับปรุงอาคารหรือที่พักไว้รองรับแก่นักท่องเที่ยว ตลอดจนปรับปรุงเส้นทางเข้า-ออกให้ดีขึ้น พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านจิตอาสาช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและเล่นน้ำกันจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อมีการพัฒนาและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสกลนคร