๑. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้

สภาพปัญหาการอ่านจับใจความของผู้เรียนในปัจจุบันเป็นประเด็นสำคัญที่พบในหลายระดับการศึกษา โดยปัญหานี้อาจเกิดจาก

หลายสาเหตุ เช่น

ทักษะการอ่านที่ไม่เพียงพอ มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่มีทักษะการอ่านขั้นพื้นฐานที่ไม่ดีพอ ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถจับใจความหรือสรุปเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการขาดการฝึกฝนทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการอ่าน เช่น การอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง การประเมินความเข้าใจในระดับต่างๆ

การขาดสมาธิและความสนใจ  ความยาวของบทความหรือการจัดการเรียนรู้ที่ไม่น่าสนใจอาจทำให้นักเรียนขาดสมาธิหรือไม่สนใจเนื้อหาที่กำลังอ่าน การใช้เทคนิคการสอนที่เหมาะสม เช่น การอ่านแบบเชิงโต้ตอบหรือการใช้เกมการเรียนรู้ อาจช่วยเพิ่มความสนใจและสมาธิของผู้เรียนได้

เทคนิคการสอนที่ไม่หลากหลาย  หากครูใช้การสอนในรูปแบบเดียวกันตลอดเวลา อาจทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สามารถเชื่อมโยงหรือประมวลผลข้อมูลได้ดี การใช้เทคนิคการอ่านแบบ SQ4R เช่นที่กล่าวข้างต้น สามารถเป็นหนึ่งในวิธีช่วยให้ผู้เรียนสนใจและเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

ขาดการฝึกทักษะการวิเคราะห์และสังเคราะห์  การอ่านจับใจความต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ ซึ่งต้องการการฝึกฝนและการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง หากผู้เรียนไม่ได้รับการฝึกฝนในทักษะเหล่านี้ ก็อาจทำให้การจับใจความไม่แม่นยำ

๒. รายงานความสำเร็จจากวิธีการดำเนินให้บรรลุผล  

          ๑. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง ๒๕๖๐) และหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของโรงเรียนแก่งหางแมวพิทยาคาร เพื่อวิเคราะห์สาระการเรียนรู้ มาตรฐานและตัวชี้วัด และกำหนดขอบเขตเนื้อหาสาระแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

    ๒. ศึกษาหลักการ แนวคิด และทฤษฎีที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกับการจัดการเรียนรู้ด้วย

กระบวนการ Active Laenning โดยใช้เทคนิค SQ4R

    ๓. จัดทำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับขอบเขตเนื้อหาสาระที่กำหนด

    ๔. จัดทำสื่อที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาภาษาไทย 

          ๕. นำแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อที่สร้าง มาวิพากษ์ร่วมกันกับครูในกลุ่มสาระ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การวัดประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข

             ๖. นำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับกลุ่มเป้าหมาย 

         ๗. ตรวจสอบความก้าวหน้าของนักเรียนแต่ละคนในความรู้และทักษะการอ่านจับใจความ

         ๘. ครูผู้สอนนำผลการประเมินและการวิจารณ์ของครูร่วมเรียนรู้ มาปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น  

 ๓. รายงานผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง 

             ๓.๑ เชิงปริมาณ

             ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนแก่งหางแมวพิทยาคาร จำนวน ๑๓๗ คน ร้อยละ ๗๐ ที่เรียนในรายวิชาภาษาไทย มีผลการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความที่ถูกต้องและผลสัมฤทธิ์เพิ่มสูงขึ้น

    ๓.๒ เชิงคุณภาพ

          ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนแก่งหางแมวพิทยาคาร จำนวน ๑๓๗ คน ร้อยละ ๗๐ ที่เรียนในรายวิชาภาษาไทยในการเอ่านจับใจความโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้เทคนิคSQ4R ในการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ มีความรู้และเข้าใจในกระบวนการอ่านจับใจความโดยสามารถแยกประเด็นของการเรื่องสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมในการคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่พบเจอตามชีวิตประจำวันได้อย่างมีเหตุผล