วิชางานเกษตร (ม.1) ภาคเรียนที่2
เศรษฐกิจพอเพียง
หลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
เป็นบทสรุปของเศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง คือ สรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้
3 ห่วง คือ ทางสายกลาง ประกอบไปด้วย ดังนี้
ห่วงที่ 1 คือ พอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่เบียดเบียนตนเอง หรือผู้อื่นให้เดือดร้อน
ห่วงที่ 2 คือ มีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
ห่วงที่ 3 คือ มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
2 เงื่อนไข ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่
เงื่อนไขที่ 1 เงื่อนไขความรู้ คือ มีความรอบรู้เกี่ยวกับ วิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ คุณธรรมประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
เงื่อนไขที่ 2 เงื่อนไขคุณธรรม คือ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
“เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ คือ หลักการดำเนินชีวิตที่จริงแท้ที่สุด กรอบแนวคิดของหลักปรัชญามุ่งเน้นความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา อันมีคุณลักษณะที่สำคัญ คือ สามารถประยุกต์ใช้ในทุกระดับ ตลอดจนให้ความสำคัญกับคำว่าความพอเพียง ที่ประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ภายใต้เงื่อนไขของการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมที่ต้องอาศัยเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม”
“หากทุกฝ่ายเข้าใจกรอบแนวคิด คุณลักษณะ คำนิยามของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแจ่มชัดแล้ว ก็จะง่ายขึ้นในการนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และจะนำไปสู่ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี”
เครื่องมือการเกษตรน่ารู้ Care And Living
เครื่องมือการเกษตร หรืออุปกรณ์การเกษตร (Agricultural Tools) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการเพาะปลูก เป็นอุปกรณ์ช่วยในการลดแรงในการทำการเกษตร โดยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกตั้งแต่การเตรียมดินเพื่อเพาะปลูกไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งหากจะแยกประเภทของเครื่องมือการเกษตรแล้วก็สามารถแยกตามประเภทของการใช้งาน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
เครื่องมือเกษตรที่ใช้กับงานดินและ
เครื่องมือเกษตรที่ใช้กับงานพืช
ส้อมพรวน ใช้ในการพรวนดินแต่ต้องเป็นดินที่ร่วนซุยจึงจะพรวนได้ง่าย โดยจะพรวนดินเพื่อหว่านหรือปลูกเมล็ด ระหว่างที่รอผลผลิตเติบโตก็อาจมีวัชพืชขึ้นมาแย่งอาหารก็จำเป็นต้องพรวนดินเพื่อให้วัชพืชตายและให้อากาศสามารถเข้าสู่ผิวดินได้ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธ์
เสียม เป็นอุปกรณ์สำหรับขุดดินให้เป็นหลุม ส่วนใหญ่ทำด้วยเหล็กไม่กันสนิม มีหลายขนาดด้วยกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
บุ้งกี๋ เป็นภาชนะที่มีรูปร่างคล้ายตะกร้า ทำด้วยพลาสติกแข็งแรง ใช้สำหรับขนย้ายดิน และสามารถปรับเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้เช่น ขนย้ายเศษใบไม้ เศษวัชพืชต่างๆ
บัวรดน้ำ เป็นอุปกรณ์สำหรับรดน้ำต้นกล้า ทำด้วยพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา
กรรไกรตัดกิ่ง มีรูปทรงคล้ายกรรไกรทั่วไป แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า ใช้สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ให้เป็นพุ่มหรือทรงที่สวยงามตามความต้องการ หรือใช้ในการตัดกิ่งไม้กรณีที่ต้องการขยายพันธุ์พืช
มีดดายหญ้า มีลักษณะเหมือนมีดทั่วไป แต่จะใช้สำหรับดายวัชพืชที่มีลำต้นเตี้ยหรือเลียดดินแทนการใช้เครื่องตัดหญ้า
ดิน
คุณสมบัติของดินซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช มี 3 ชนิด ได้แก่
ดินเหนียว เป็นดินมีความละเอียดมากที่สุด ยืดหยุ่นได้ดีเมื่อเปียกน้ำ เหนียวติดมือ สามารถปั้นเป็นก้อนได้ จากความเหนียวจึงทำให้พังได้ยาก อุ้มน้ำดี รวมทั้งการจับยึดและดูดธาตุอาหารของพืช ทำได้ค่อนข้างสูง จึงมีแร่ธาตุอาหารของพืชอยู่มาก เหมาะสำหรับใช้ปลูกข้าวเนื่องจากกักเก็บน้ำได้นาน
ดินทราย เป็นดินร่วน เกาะตัวกันไม่แน่น จึงทำให้ระบายทั้งน้ำและอากาศได้อย่างดีเยี่ยม แต่อุ้มน้ำได้น้อย พังทลายได้ง่าย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เนื่องจากความสามารถในการจับธาตุอาหารมีน้อย ทำให้พืชที่ขึ้นอยู่ในบริเวณดินทรายขาดน้ำและธาตุอาหารได้ง่าย
ดินร่วน เป็นดินค่อนข้างละเอียด จับแล้วนุ่ม มีความยืดหยุ่นพอสมควร ระบายน้ำได้ดีปานกลาง มีแร่ธาตุอาหารของพืชมากกว่าดินทราย เหมาะสำหรับใช้เพาะปลูกเป็นอย่างมาก แต่ดินร่วนแบบของแท้มักไม่ค่อยพบในธรรมชาติ แต่ก็จะพบดินซึ่งมีเนื้อดินใกล้เคียงกันเสียมากกว่า
มีดินที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชแล้ว ก็ต้องมาดูกันว่าดินแบบไหนที่ไม่เหมาะแก่การปลูกพืช ดินที่พืชไม่ชอบคือ ดินแบบมีน้ำขังหรือดินลักษณะแน่นทึบ พืชจะไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าที่ควร เนื่องจากรากพืชขาดอากาศสำหรับใช้หายใจ ทำให้ไม่อาจดูดธาตุอาหารไปใช้ได้ พืชกินอาหารแบบสารละลาย ดังนั้นถ้าปราศจากความชื้นในดิน ถึงแม้จะมีธาตุอาหารอยู่มากแค่ไหน แต่พืชก็ไม่สามารถดูดขึ้นไปใช้ได้ จำเป็นต้องมีน้ำไปหล่อเลี้ยงนั่นเอง