คำถาม : การขออนุมัติเดินทางไปปฏิบัติงานจะต้องขอระยะเวลาในการเดินทางอย่างไร
คำตอบ : สิทธิที่จะได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบติงานเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติให้เดินทาง โดยให้ผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติ
งานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ดังนั้น ผู้ขออนุมัติเดินทางจะต้องขออนุมัติเดินทางให้ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่เดินทางไปและเดิน
ทางกลับถึงที่พัก
คำถาม : หากผู้ขออนุมัติมีความประสงค์จะลากิจ / ลาพักร้อน/ติดวันหยุดราชการ จะขอได้หรือไม่ และ จะขออนุมัติเดินทางอย่างไร
คำตอบ : ได้ ซึ่งผู้ขออนุมัติต้องขออนุมัติระยะเวลาในการเดินทางครอบคลุมตั้งแต่ออกจากที่พัก จนกลับถึงที่พัก หากเป็นการลากิจหรือลาพักร้อนให้แนบใบลากิจหรือลาพักร้อนประกอบด้วย ยกตัวอย่างเช่น งานจัดฝึกอบรมวันที่จัดงาน วันจันทร์ที่ 19 ถึงวันอังคารที่ 20 ม.ค. 65 แต่มีความประสงค์จะลาพักร้อนตั้งแต่วันศุกร์ 16 ม.ค. 65 ดังนั้น การขออนุมัติจะต้องขออนุมัติเดินทางตั้งแต่วันที่ 16-21 ม.ค. 65 พร้อมแนบใบลาพักร้อนประกอบ
คำถาม : จากคำถามข้อที่ 2 สิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการไปปฏิบัติงานได้อย่างไร
คำตอบ : หากเดินทางไปก่อน สิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจะได้ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานเป็นต้นไป และ กลับหลังสิทธิในการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทงสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสุดเวลาการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ยกเว้นในกรณีที่ผู้เดินทางไปปฏิบติงานมีเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย เช่นสถานการณ์ไม่ปลอดภัย เกิดภัยธรรมชาติหรืออื่น ๆ ให้อยู่ในดุลพินิจผู้มีอำนาจอนุมัติ
คำถาม : การเดินทางไปปฏิบัติงาน ในกรณีที่ผู้จัดจัดอาหารให้แก่ผู้เข้าร่วมจะคิดค่าเบี้ยเลี้ยงอย่างไร
คำตอบ : ให้หักค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในอัตรามื้อละ 1 ใน 3 ของอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงต่อวัน ค่าเบี้ยเลี้ยงได้วันละ 300 บาท หัก 1/3 คือ มื้อละ 100 บาท
คำถาม : ค่าที่พักในการเดินทางไปปฏิบัติงาน จะต้องพักอย่างไร
คำตอบ : หากเดินทางคนเดียว จะเลือกเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะจ่ายจริงหรือเหมาจ่ายก็ได้ แต่หากเดินทางเป็นหมู่คณะฯ กำหนดให้พักรวมกันสองคนขึ้นไปต่อหนึ่งห้อง ให้เบิกค่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินอัตราค่าเช่าห้องพักคู่ เว้นแต่กรณีไม่เหมาะสมหรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรงโดยมีใบรับรองแพทย์ให้เบิกเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินอัตราค่าเช่าห้องพักคนเดียว สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งระดับเชี่ยวชาญขึ้นไปรวมทั้งบุคคลภายนอกที่คณบดีเห็นสมควรจะเบิกในอัตราค่าเช่าห้องพักคนเดียวหรือห้องพักคู่ก็ได้
คำถาม : การจ่ายเงินล่วงหน้ารวมท้งค่ายกเลิกตั๋วเดินทาง หรือค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง เบิกได้หรือไม่
คำตอบ : ได้ ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ในกรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานเป็นเหตุ กรณีเกิดสถานการณ์ไม่ปกติ ภัยธรรมชาติ หรือกรณีเจ็บป่วยที่ไม่สามารถเดินทางได้โดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบการเบิกจ่าย
คำถาม : ค่าเบี้ยเลี้ยงได้อัตราวันละเท่าไหร่
คำตอบ : ทุกประเภท/ตำแหน่งเบิกในลักษณะเหมาจ่าย ได้ในอัตราวันละ 300บาท/วัน
คำถาม : การนับเวลาเดินทางไปปฏิบัติงานเพื่อคำนวณเบี้ยเลี้ยงเดินทาง นับอย่างไร
คำตอบ : ให้นับตั้งแต่เวลาออกจากสถานที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติงานตามปกติจนกลับถึงสถานที่อยุ่หรือสถานที่ปฏิบัติงานตามปกติแล้วแต่กรณีดังนี้
1. กรณีที่มีการพักแรมให้นับ 24 ชม. เป็น 1 วัน ถ้าไม่ถึง 24 ชม. หรือเกิน 24 ชม. และส่วนที่ไม่ถึงหรือเกิน 24 ชม. นั้นนับได้เกิน 12 ชม.
ให้ถือเป็น 1 วัน
2. กรณีมิได้มีการพักแรม หากนับได้ไม่ถึง 24 ชม. และส่วนที่ไม่ถึงนับได้เกิน 12 ชม. ให้ถือเป็น 1 วัน หากนับได้ไม่เกิน 12 ชม. แต่เกิน
6 ชม. ให้ถือเป็นครึ่งวัน
คำถาม : ค่าเช่าที่พัก หากเดินทางไปปฏิบัติงานในท้องที่ที่มีค่าครองชีพสูง แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องจ่ายค่าที่พักสูงกว่าอัตราที่กำหนดเบิกได้หรือไม่และเบิกอย่างไร
คำตอบ : ได้ โดยผู้เดินทางต้องชี้แจงเหตุผลประกอบนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติโดยให้อยู่ในดุลพินิจ ซึ่งจะสามารถเบิกค่าเช่าที่พักเพิ่มได้อีกไม่เกินร้อยละ 25 ของอัตราค่าที่พักที่กำหนด
คำถาม : การเดินทางโดยยานพาหนะประจำทาง เป็นอย่างไร และ เบิกอย่างไร
คำตอบ : 1. โดยปกติให้เดินทางโดยยานพาหนะประจำทางและเบิกได้โดยประหยัด
2. เดินทางโดยรถไฟและรถทัวร์ เบิกเท่าที่จ่ายจริงโดยแนบหลักฐานการจ่ายประกอบ
3. เดินทางโดยเครื่องบิน ระดับคณบดี ให้โดยสารชั้นธุรกิจ สำหรับผู้ปฏิบัติงานตำแหน่งอื่น ๆ ให้โดยสารชั้นประหยัด หากจำเป็นต้อง
นั่งสูงกว่าสิทธิเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและส่วนงานให้ชี้แจงเหตุผลให้อยู่ในดุลพินิจผู้มีอำนาจอนุมัติ
คำถาม : การเดินทางโดยพาหนะรับจ้างเบิกได้กรณีใดบ้าง
คำตอบ : 1. เดินทางไปกลับระหว่างที่พักกับสถานที่ปฏิบัติงานหรือสถานียานพาหนะประจำทาง ภายในเขตจังหวัดเดียวกัน
2. เดินทางไปกลับระหว่างที่พักกับสถานที่ปฏิบัติงานภายในเขตจังหวัดเดียวกันวันละสองเที่ยว
3. เดินทางไปปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพฯ
4. ไปในพื้นที่ไม่มียานพาหนะประจำหรือมีแต่ต้องการความรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย หรือนำสิ่งของทางที่จำเป็นต้องเอา
เดินทางไปด้วยทำให้ไม่สะดวก จึงจำเป็นต้องนั่งรถรับจ้าง ให้ผู้เดินทางชี้แจงเหตุผลประกอบ
คำถาม : ค่ารถรับจ้างข้ามเขตจังหวัดเบิกได้หรือไม่และเบิกได้เท่าไหร่
คำตอบ : เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินอัตรา 600 บาทต่อเที่ยว
คำถาม : ค่าพาหนะส่วนตัวไปปฏิบัติงานเบิกได้หรือไม่และจะเบิกได้ในอัตราเท่าไหร่
คำตอบ : ได้ โดยให้แนบเส้นทางของกรมทางหลวงในทางสั้นและตรง หรือระยะทางของหน่วยงานอื่นที่ตัดผ่าน หากไม่มีผู้เดินทางเป็นผู้รับรองระยะทาง หลักฐานที่ใช้ประกอบคือใบรับรองแทนใบเสร็จ โดยผู้เดินทางเขียนรายละเอียดการเดินทางจากจุดใดไปจุดใด ระยะทางเท่าไหร่ โดยมีอัตราเงินชดเชยค่าพาหนะรถส่วนบุคคลดังนี้
1) รถยนต์ กิโลเมตรละ 4 บาท
2) รถจักรยานยนต์ กิโลเมตรละ 2 บาท
คำถาม : ค่าเครื่องบินเบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง และ มีค่าใช้จ่ายอะไรที่เบิกไม่ได้
คำตอบ : ให้เบิกค่าใช้จ่ายได้เฉพาะ ค่าพาหนะ รวมถึงค่าสัมภาระและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ยกเว้น ค่าบริการเลือกที่นั่ง ค่าบริการอาหารและเครื่องดื่ม
ค่าประกันชีวิตหรือค่าประกัยภาคสมัครใจ จะเบิกไม่ได้
คำถาม : หลักฐานการเบิกค่าเช่าที่พัก แนบอย่างไร
คำตอบ : แนบใบเสร็จรับเงินหรือใบแจ้งรายการค่าเช่าที่พัก ซึ่งต้องมีรายละเอียดวันที่เข้า-ออก จากที่พัก อัตราค่าห้องพัก
16.คำถาม : กรณีเบิกค่าเช่าที่พักโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย ต้องทำอย่างไร
คำตอบ : แนบใบเสร็จรับเงินของตัวแทนจำหน่ายเป็นหลักฐานประกอบการเบิกค่าเช่าที่พักได้
17. คำถาม : การยืมเงินและการส่งใช้เงินยืมค่าเดินทางไปปฏิบัติงาน ทำอย่างไร
คำตอบ : ก่อนเดินทาง ให้ผู้เดินทางส่งหนังสือขออนุมัติเดินทางล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ หากมีความจำเป็นต้องจ่ายค่าลงทะเบียนก่อนเนื่องจากจะได้รับ
ส่วนลดสามารถระบุในใบยืมเพื่อขอให้โอนเงินยืมก่อนได้
หลังเดินทาง ให้เร่งส่งรายงานการเดินทางและหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายภายใน 15 วัน นับจากเดินทางเสร็จสิ้น พร้อมคืนเงินเหลือจ่าย
(ถ้ามี)
18. คำถาม : แบบฟอร์มที่ใช้ในการเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางมีแบบฟอร์มอะไรบ้าง
คำตอบ : เดินทางไปปฏิบัติงานคนเดียว แนบ ใบเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน และหลักฐานการจ่าย
เดินทางไปปฏิบัติงานเป็นหมู่คณะฯ หลักฐานการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ส่วนที่ 2 ประกอบเพิ่มเติม
19. คำถาม : ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องจ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติคืออะไร
คำตอบ : ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานเช่น ค่าผ่านทางด่วน หรือค่าปะยาง ให้เฉพาะรถราชการ ค่าผ่านทางด่วน เป็นต้น
20. คำถาม : เดินทางไปฝึกอบรม ทางผู้จัดการฝึกอบรมได้เก็บเงินค่าลงทะเบียนโดยทางหลักสูตรจัดที่พักห้องพักเดี่ยวและค่าอาหารทุกมื้อรวมอาหารเย็นตลอดการฝึกอบรม ผู้เดินทางจะเบิกจ่ายได้อย่างไร
คำตอบ : เบิกจากใบเสร็จค่าลงทะเบียน สำหรับค่าอาหารที่ผู้จัดเลี้ยงให้หักจากค่าเบี้ยเลี้ยง
21 คำถาม : บุคลากรได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงาน วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 07.00-19.15 ได้ทำการขออนุมัติเดินทางระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคม 2567 ต่อมาประสงค์อยู่ต่อในวันที่ 19-20 ตุลาคม 2567 (เสาร์-อาทิตย์) โดยอ้างสิทธิ์ ดังนี้
1. วันที่ 18 ตุลาคม 2567 มีประชุมกรรมการคณะแบบออนไลน์ เวลา 13.30-16.30
2. กำหนดการะบุงานเลี้ยงรับรองเริ่ม 18-19.15 น. หากกลับในคืนนั้น ค่าตั๋วเครื่องบินรวมจะแพงมาก เนื่องจากได้รับมอบหมายกระชั้นชิด ไม่สามารถหาเที่ยวบินที่เหมาะสมได้ จึงได้จองที่พักไว้ นอกจากนี้ กำหนดการประชุมในตอนกลางวันขยับเลื่อนออกมาจนถึง 23.00 น.
คำตอบ : จากข้ออ้างข้อที่ 1 อ้างไม่ได้ เสร็จภาระกิจก็สามารถกลับทันเพื่อมาประชุมหรือไม่ทันประชุมก็ถือเป็นการเดินทางต้องตามประกาศการเดินทางไปปฏิบัติงาน
จากข้ออ้างข้อที่ 2 ตามประกาศการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ข้อ 15 (4) และ ข้อ 18 ให้ถือว่าสิทธิในการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พักสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสุดเวลาการปฏิบัติราชการ
คำถาม : หากจะจัดฝึกอบรมจะต้องทำอย่างไรบ้าง
คำตอบ : ต้องดำเนินการดังนี้
1. ศึกษาประกาศของมหาวิทยาลัย เรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. 2564
2. เขียนโครงการจัดสัมมนา และนำเสนอโครงการให้ผู้มีอำนาจอนุมัติ สำหรับคณะวิศวฯ ได้มอบอำนาจให้รองคณบดีฝ่ายพัฒนาบุคลากร
3. ขออนุมัติใช้เงินพร้อมยืมเงิน เพื่อนำไปจัดโครงการ ให้ส่งมาล่วงหน้า 2 สัปดาห์ และค่าใช้จ่ายใดที่จำเป็นต้องขอยืมเงินก่อนสามารถทำได้โดยเข้าระบบใบยืมและเขียนวันที่ ที่จำเป็นต้องใช้เงิน โดยคณะจะโอนเงินตามวันที่แจ้ง
4. จัดงานตามโครงการ
5. หลังงานเสร์จ เก็บหลักฐานการจ่ายเพื่อนำมาจัดทำเอกสารเบิกจ่าย ให้เป็นไปตามโครงการที่ขอประมาณการไว้ หากจำเป็นต้องเบิกเกินให้ชี้แจงเหตุผลที่ขอเพิ่มเติม
คำถาม : โครงการฝึกอบรมที่จัดให้กับนักศึกษา เบิกอย่างไร
คำตอบ : เบิกให้เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย เพียงแต่โครงการจัดฝึกอบรมจะต้องนำเสนอคณบดีอนุมัติโครงการและเบิกค่าใช้จ่ายเนื่องจากประกาศ ฉบับดังกล่าวเป็นการฝึกอบรมให้เฉพาะบุคลากรโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะไม่มีการให้ปริญญา ทั้งนี้โครงการฝึกอบรมที่จัดให้กับนักศึกษาปลายทางเมื่อนักศึกษาจบการศึกษาไปจะได้รับปริญญา ดังนั้นการอนุมัติจึงเป็นอำนาจของคณบดี
ถาม : ค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรม มีอะไรบ้าง
คำตอบ : 1)ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวการใช้และการตกแต่งสถานที่ฯ 2) ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิด-ปิด การฝึกอบรม 3)ค่าวัสดุ เครื่องเขียนและอุปกรณ์ 4) ค่าประกาศนียบัตร 5) ค่าถ่ายเอกสาร ค่าพิมพ์เอกสารและสิ่งพิมพ์ 6) ค่าหนังสือสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม 7) ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร 8)ค่าเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ 9) ค่าธรรมเนียมธนาคาร 10) ค่าเลี้ยงรับรอง 11) ค่าล่วงเวลา/เงินช่วยเหลือฯ 12) ค่ากระเป๋า 13) ค่าของที่ระลึก 14) ค่าตอบแทนวิทยากร 15) ค่าอาหาร 16)ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 17)ค่าเช่าที่พัก 18)ค่ายานพาหนะ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายตาม 1-9 เบิกตามจ่ายจริง จำเป็น เหมาะสม และประหยัด 14-18 เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด
ถาม : ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจัดหาวัสดุ ต้องดำเนินการอย่างไร
คำตอบ : ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ถาม : บุคคลใดบ้างที่จะเบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
คำตอบ : 1)ประธานในพิธีเปิด - ปิด แขกผู้มีเกียรติและผู้ติดตาม 2) เจ้าหน้าที่ 3)วิทยากร 4) ผู้เข้ารับการฝึกอบรม 5) ผู้สังเกตการณ์ ทั้งนี้ ในใบปะหน้า
ของเอกสารเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ให้ระบุให้ชัดเจน เช่น จำนวนเจ้าหน้าที่ ...คน ผู้เข้าร่วมฝึกอบรม...คน
ถาม : ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับวิทยากร จะเบิกอย่างไร
คำตอบ : ในโครงการให้ระบุสถานภาพของบุคคลให้ชัดเจน เช่น ชื่อ สถานที่ทำงาน สถานภาพเป็นบุคลากร หรือเป็นบุคคลภายนอก และกรณีจำเป็น
ต้องจ่ายค่าตอบแทนวิทยากรสูงกว่าอัตราที่กำหนดข้างต้นให้ผู้จัดชี้แจงเหตุผลความจำเป็น เช่น วิทยากรมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์
เป็นพิเศษ
ถาม : การจัดประชุม มีเวลาการประชุม 9.00 น. - 12.00 น. จะเลี้ยงอาหารกลางวันได้หรือไม่่
คำตอบ :ไม่ได้ การเบิกค่าอาหารในการประชุมจะเบิกได้ถ้ามีช่วงระยะเวลาการประชุมคาบเกี่ยวในมื้ออาหารนั้น ดังนั้น หากมีการประชุมถึงเวลาประมาณ 13.30 น. ก็สามารถเบิกอาหารกลางวันได้
ถาม : ค่าใช้จ่ายในการประชุมราชการ และ ค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมต่างกันอย่างไร
คำตอบ :ไม่ได้ การเบิกค่าอาหารในการประชุมจะเบิกได้ถ้ามีช่วงระยะเวลาการประชุมคาบเกี่ยวในมื้ออาหารนั้น ดังนั้น หากมีการประชุมถึงเวลาประมาณ 13.30 น. ก็สามารถเบิกอาหารกลางวันได้
ถาม : ค่าอาหารในการจัดฝึกอบรมเบิกได้อย่างไร
คำตอบ : ตามประกาศ ม. กม.008/2565 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ได้แบ่งการจัดอาหารสำหรับสถานที่จัดฝึกอบรม และ อาหารว่าง ไว้ดังนี้
แบ่งการจัดเป็น 2 สถานที่ ได้แก่ 1) จัดอาหารในสถานที่ราชการ : จัดครบทุกมื้อ 800 บาท จัดไม่ครบทุกมื้อ 600 บาท
2) จัดอาหารในสถานที่เอกชน : จัดครบทุกมื้อ 1,200 บาท จัดไม่ครบทุกมื้อ 900 บาท
3) ค่าอาหารว่าง
ในสถานที่ราชการ : 50 บาท/มื้อ/คน สถานที่เอกชน 100 บาท/มื้อ/คน
ถาม : ค่าอาหารในการจัดประชุมเบิกได้เท่าไหร่
คำตอบ : ค่าอาหารในการประชุมเบิกได้ไม่เกิน 120 บาท/มื้อ/คน
ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสถานที่ราชการเบิกได้ไม่เกิน 35/มื้อ/คน
ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสถานที่เอกชนเบิกได้ไม่เกิน 50/มื้อ/คน
ถาม : การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง กรณีเดินทางมาเข้าอบรมนับเวลาเดินทางก่อนอบรมและหลังอบรมอย่างไร
คำตอบ : การนับเวลาเดินทางเพื่อเข้ารับการอบรมให้นับตั้งแต่เวลาออกจากบ้านพัก จนกลับถึงบ้านพักและหักด้วยมื้ออาหารระหว่างการฝึกอบรมที่
ทางโครงการจัดให้
ถาม : เชิญข้าราชการบำนาญมาเป็นวิทยากร จ่ายค่าวิทยากรได้ในอัตราเท่าใด
คำตอบ : ข้าราชการบำนาญ ถือว่ามิใช่บุคลากรภาครัฐ หากเชิญมาเป็นวิทยากรให้ถือเป็นบุคคลภายนอก ให้ใช้อัตราค่าสมนาคุณวิทยากรที่เป็น
บุคคลภายนอก
ถาม : การประชุมคณะกรรมการ เวลา 15.00-16.30 น. ผู้จัดประชุมขออนุมัติเลี้ยงอาหารว่างและเครื่องดื่มได้หรือไม่เนื่องจาก
มีเวลาประชุมเพียง 1.30 ชม.
คำตอบ : ได้ เนื่องจากระเบียบไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาในการจัดประชุม
ถาม : เจ้าหน้าที่ของคณะเป็นวิทยากรในโครงการที่คณะฯ จัดจะเบิกค่าวิทยากรได้หรือไม่ อย่างไร
คำตอบ : ได้ เบิกค่าตอบแทนรายชั่วโมงได้ไม่เกินชั่วโมงละ 300 บาท หรือ ให้ของที่ระลึก
ถาม : ค่าพาหนะวิทยากร เบิกเหมาจ่ายได้หรือไม่
คำตอบ : กรณีส่วนราชการไม่ได้จัดพาหนะ แต่จ่ายค่าพาหนะ ให้ปฏิบัติตามประกาศมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่องการเบิกค่าใช้จ่าย
ในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ประกาศ ณ วันที่ 23 กันยายน 2563
ถาม : สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลทันตกรรมสามารถเบิกค่าอะไรได้บ้าง
ตอบ : ตนเอง เบิกค่าบริการและค่าใช้จ่ายทางทันตกรรมเพื่อการรักษาพยาบาลได้ทุกประเภท
ญาติสายตรง เบิกค่าบริการและค่าใช้จ่ายทางทันตกรรมได้เฉพาะ อุดฟัน, ขูดหินปูน, ถอนฟัน, ผ่าฟันคุด, รักษารากฟัน
ถาม : สิทธิสวัสดิการปีงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาท เบิกไม่หมดในปีเงินไปไหน
ตอบ : เบิกจ่ายไม่หมดในปีงบประมาณ สามารถสะสมได้จำนวนร้อยละ 40 ของเงินที่เหลือ สะสมได้ไม่เกิน 250,000 บาท เพื่อนำมาใช้หลังเกษียณอายุงาน สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับตนเองและญาติสายตรงได้ไม่เกินวงเงินสะสมและสวัสดิการแบบยืดหยุ่นสำหรับตนเอง
ถาม : ตรวจสอบสิทธิคงเหลือได้อย่างไร
ตอบ : https://fund.psu.ac.th/Login.aspx?ReturnUrl=%2fHistoryStaff.aspx ลงชื่อเข้าใช้ PSU Passport
ถาม : กรณีใดที่ไม่ต้องแนบใบรับรองแพทย์
ตอบ : ต้องรักษาที่ โรงพยาบาลของรัฐ ยกเว้นรักษาคลินิคผิวหนังและใบเสร็จเวชสำอางค์
ถาม : กรณีใดที่สามารถนำมาเบิกจ่ายจากกองทุนได้
ตอบ : ค่าตรวจสุขภาพของตนเอง ค่าฉีดวัคซีนทุกประเภท ค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการตรวจและรักษา ทันตกรรม ค่ารักษาเฉพาะตนเองกรณีผู้ป่วยนอก
ถาม : ข้าราชการเปลี่ยนสถานภาพเบิกค่านวดแพทย์แผนไทยจากกองทุนพนักงานต้องเบิกยังไง
ตอบ : 1.ใช้ใบเสร็จรับเงินพร้อมใบรับรองแพทย์เบิกจากสิทธิ์ข้าราชการก่อน ได้ตามสิทธิที่กรมบัญชีกลางกำหนด
2. นำส่วนต่างมาเบิกจากกองทุนพนักงาน แนบสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมใบรับรองแพทย์ รับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุในสำเนาใบเสร็จรับเงินว่า"ต้นฉบับใช้เบิกจ่ายจากงบกลาง จำนวนกี่บาท"
ถาม : กรณีที่มีการโทรสอบถามเกี่ยวกับเบิกค่ารักษาพยาบาลว่าเบิกได้ไหม
ตอบ : ต้องดูใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ประกอบถึงจะสามารถบอกได้ว่าเบิกได้ไหม
ถาม : ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอกเบิกอะไรได้บ้าง
ตอบ : เบิกกรณีรักษาผู้ป่วยนอก เบิกค่าตรวจสุขภาพ ที่มีแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ ได้ไม่เกิน 20 ครั้งต่อปีงบประมาณ
ถาม : ใบเสร็จรับเงินอายุ1ปีนับได้อย่างไร
ตอบ : ดูจากวันที่ในใบเสร็จรับเงินนับไป 1 ปี
ถาม : สวัสดิการด้านยืดหยุ่นเบิกจากวงเงินไหน
ตอบ : เบิกได้จากวงเงินสะสมที่ตนเองมี ไม่เกิน 3000 บาท/ปี
ถาม : สวัสดิการด้านยืดหยุ่นที่มีรายละเอียดในใบเสร็จไม่ชัดเจนต้องทำยังไง
ตอบ : ต้องแนบรายละเอียดคุณสมบัติของสินค้าและบริการควบคู่การเบิกจ่ายทุกครั้ง
ถาม : ใบเสร็จรับเงินที่ใช้เบิกสวัสดิการด้านยืดหยุ่นต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอบ : ชื่อ สถานที่ผู้ขาย/ให้บริการ วันเดือนปี รายการสินค้าหรือบริการ จำนวนเงินตัวเลขตัวหนังสือ ลายมือชื่อผู้รับเงิน ชื่อของพนักงานมหาวิทยาลัย
ถาม : เบิกสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตรได้เท่าไหร
ตอบ : เช็คได้จาก https://drive.google.com/file/d/1gs-V4TCIkh6Z97_b3aqRS52LoxP2vEQG/view
ถาม : เบิกสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตรใช้เอกสารใดประกอบบ้าง
ตอบ : 1. ใบเสร็จรับเงิน 2. ประกาศค่าธรรมเนียมการศึกษา
ก่อน 2565
ถาม : เงินหลักสูตรพิเศษเบิกจ่ายได้เมื่อไหร่
ตอบ : เมื่อคณะฯได้รับเอกสารใบโอนจากกองคลัง และปลดล็อคระบบจัดสรรในระบบ SIS
ถาม : คณะฯจะได้รับจัดสรรเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาเมื่อไหร่
ตอบ : ไม่มีระยะเวลากำหนด ขึ้นกับทางกองคลังจะจัดสรรและแจ้งให้คณะฯทราบ
ถาม : เบิกค่าธรรมเนียมการวิจัยได้เมื่อไหร่
ตอบ : เมื่อคณะฯได้รับจัดสรรค่าธรรมเนียมและปลดล็อคระบบจัดสรรในระบบ SIS
ถาม : ค่าธรรมเนียมการศึกษาหลักสูตรพิเศษ มหาวิทยาลัยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารคณะหรือไม่
ตอบ : ไม่ ค่าธรรมเนียมการศึกษาจะรับโดยระบบทะเบียนฯ เงินที่นักศึกษาจ่ายค่าเทอมจะเข้าบัญชีของมหาวิทยาลัย ซึ่งกองคลังดูแล แล้วกองคลังจะจัดสรรให้คณะรับทราบเพียงตัวเลขทางเอกสารเพื่อให้รับทราบและบันทึกเท่านั้น
ถาม : ค่าธรรมเนียม 3/2563 จะได้เมื่อไหร่
ตอบ : 3/63 ครั้งที่ 1 กองคลังจัดสรรและส่งเอกสารมาให้คณะฯวันที่ 30 พ.ค.65 คณะฯ ตรวจสอบกับกับระบบSIS แล้ว ข้อมูลยังไม่ถูกต้อง แจ้งทางกองคลังแล้ว (คุณรัตติยา 2142 ) แจ้งว่าได้ส่งเอกสารทดแทนฉบับวันที่ 30 พ.ค.65 มายังคณะวันที่ 28 มิ.ย.65 ตอนนี้เอกสารกำลังอยู่ระหว่างทาง ถ้าเจ้าหน้าที่การเงินได้รับเอกสารแล้วจะส่ง E-mail แจ้งเมื่อตรวจสอบเอกสารแล้วข้อมูลตรงกับในระบบ SIS ดังนั้น หากระบบยังไม่เปิดให้ตรวจสอบข้อมูล (เจ้าหน้าที่กองคลังเป็นผู้เปิดให้ดูรายงานในระบบ SIS)
2565 เป็นต้นไป
ถาม : ค่าธรรมเนียม 1/2565 จัดสรรเมื่อไหร่
ตอบ : เดิมกองคลังส่งเอกสารใบโอนมายังงานการเงิน แต่นับแต่ ปีการศึกษา 1/2565 เป็นต้นไป กองคลังยกเลิกส่งเอกสารใบโอนและให้ผู้ดูแลระบบ MAS เป็นผู้ดูแลข้อมูลรายงานค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยส่วนงานสามารถดึงข้อมูลรายงานค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านทางระบบ MAS และตรวจสอบยอดเงินจากระบบ MAS ได้ ซึ่งระบบ MAS สามารถดึงรายงานค่าธรรมเนียมการศึกษา 1/2565 ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566
ถาม : คณะฯจะได้รับจัดสรรเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาเมื่อไหร่
ตอบ : ส่วนงานสามารถดึงข้อมูลรายงานค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านทางระบบ MAS และตรวจสอบยอดเงินจากระบบ MAS ได้ ซึ่งระบบ MAS สามารถดึงรายงานค่าธรรมเนียมการศึกษา 1/2565 ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม2566 แต่เป็นยอดเงินที่ยังรับรู้รายได้ไม่ครบจำนวน
ถาม : ทำไมถึงมีการรับรู้รายได้ไม่ครบจำนวน และรับรู้รายได้ครบจำนวนเมื่อไหร่
ตอบ : จากการสอบถามกองคลังและผู้ดูแลระบบMASได้ความว่า ผู้สอบบัญชีทักท้วงการรับรู้รายได้ซึ่งต้องมีการทยอยรับรู้ ดังนั้นจึงมีการตัดยอดการรับรู้เป็นวัน ส่วนที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้จะเป็นรายได้รอการรับรู้ ซึ่งเป็นเงินรับฝากที่มหาวิทยาลัย และจะตัดการรับรู้เมื่อถึงวันปิดเทอม ได้แก่ 1/2565 เปิดเทอม 27 มิ.ย.65 - 28 ต.ค.65 ดังนั้นระบบจะเริ่มตัดเป็นรายได้วันที่ 27 มิ.ย.65 และรับรู้รายได้ครบจำนวนวันที่ 28 ต.ค.65
ซึ่ง 1/2565 ระบบ MAS ปรับระบบตามคำทักท้วงของผู้สอบ จึงเพิ่งทำระบบเสร็จให้คณะดึงได้วันที่ 13 มีนาคม 2566 และเพิ่งปรับยอดรับรู้เต็มจำนวน 17 เม.ย.66
ถาม : เมื่อดึงรายงานอย่างไรและแนบอะไรประกอบการเบิกจ่าย
ตอบ : PSU MAS > ส่วนงาน > รายงาน > SR01 การจัดสรรค่าธรรมเนียมรับล่วงหน้าตามสังกัดของผู้รับเงิน
ทำบันทึกข้อความเบิกจ่าย แนบ รายงานSR01 การจัดสรรค่าธรรมเนียมรับล่วงหน้าตามสังกัดของผู้รับเงิน
ถาม : ค่าตอบแทนนักเรียน นักศึกษาช่วยปฏิบัติงานราชการเบิกจ่ายตามระเบียบหรือประกาศอะไร
ตอบ : เบิกจ่ายตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0406.4/ว 30 ลงวันที่ 3 เมษายน 2558 เรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน นักเรียน นักศึกษาที่ช่วยปฏิบัติงานราชการ
ถาม : นักเรียน หรือ นักศึกษาช่วยปฏิบัติงานราชการ เบิกค่าตอบแทน ได้เท่าไหร่
ตอบ : อัตราค่าตอบแทน จ่ายดังนี้ - ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน โดยไม่รวมเวลาหยุดพัก ได้ค่าตอบแทนไม่เกินวันละ 300 บาทต่อคน และหากปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน ได้ค่าตอบแทน ไม่เกิน 150 บาทต่อคน ทั้งนี้ การเบิกจ่ายต้องปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน จึงจะเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนตามประกาศได้ สำหรับ การปฏิบัติงานหลายช่วงในเวลาเดียวกัน ไม่ให้นับเวลาเวลาปฏิบัติงานทุกช่วงเวลารวมกัน เพื่อเบิกเงินค่าตอบแทนในวันนั้น
ถาม : นักศึกษาจะได้รับเงินค่าตอบแทนช่องทางใด
ตอบ : คณะจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนักศึกษา โดยใช้หลักฐานการโอนเงินดังกล่าวเป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน
ถาม : ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างไร
ตอบ : ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) หมายความว่า ใบเสร็จรับเงินที่ได้จัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้ลงลายมือชื่อดิจิทัล
โดยมี องค์ประกอบใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
1. ระบุใบเสร็จรับเงิน/ใบสำกับภาษีในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน เช่นบนหัวกระดาษ
2. จะต้องแสดง “ชื่อ” “ที่อยู่” รวมไปถึง “เลขประจำตัวของผู้เสียภาษี” ของผู้ประกอบการ (ซึ่งได้จดทะเบียนที่ออกใบกับภาษี)
3. รายละเอียด “ชื่อ” “ที่อยู่” ของผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ
4. หมายเลขของใบกำกับภาษีและเล่มใบกำกับภาษี (ถ้ามี
5. รายการสินค้าที่ประกอบไปด้วย “ชื่อ” “ชนิด””ประเภท””ประมาณ” และ “มูลค่าสินค้าและบริการ” โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการให้ชัดเจ้ง
6. ข้อมูลรายการ "จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มคำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าส่วนของสินค้าหรือบริการให้ชัดแจ้ง
7. แสดง “วัน เดือน ปี” ที่ได้ออกเอกสารใบกำกับภาษี
8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด
8.1 ระบุ “สำนักงานใหญ่” หรือ “สาขาที่....” ของผู้ประกอบการ
8.2 เลขประจำตัวภาษีอากรของผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ
8.3 ระบุ “สำนักงานใหญ่” หรือ “สาขาที่ ...” ของผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ
9. ลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature)
อ้างอิง เขียนโดย ศุภลักษณ์ สิงห์จารย์)