อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ภรรยาของประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี.
สตรีที่มีใจเที่ยงธรรมและยึดหลักการ เห็นแก่ความถูกต้องมากกว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างช่วงเวลาที่เธอดำรงตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่ง (ค.ศ.1933-1945) เธอเป็นผู้นำในการเรียกร้องสิทธิให้กับพลเมือง สิทธิสตรี และคนยากจน โดยแสดงออกอย่างชัดเจนในการเรียกร้องสิทธิที่คนเหล่านี้พึงมีพึงได้ แม้ต้องเกิดความขัดแย้งกับพรรคการเมืองที่สามีของเธอสังกัดอยู่ในการต่อต้านการออกกฎหมายที่มิได้ให้สิทธิคนผิวสีอย่างเท่าเทียม แสดงให้เห็นว่าแม้เธอจะอยู่ในฐานะหรือตำแหน่งที่สูงกว่าประชาชนคนอื่นๆก็ไม่ทำให้เธอละทิ้งอุดมการณ์ของตนเองที่ว่า ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน เธอแสดงจุดยืนของตนเพื่อสิทธิมนุษยชนของทุกคน เป็นผู้ที่กล้าหาญที่จะปกป้องสิทธิมนุษยชนไว้
เธอเป็นสตรีที่มีความกล้าหาญอย่างมาก เธอไม่เพียงแต่เป็นสตรีที่ปฏิเสธความกลัว แต่ยังเป็นผู้สร้างพลังบันดาลใจผลักดันให้ผู้อื่นหลุดพ้นจากความกลัว และกล้าหาญในการยืนหยัดเรียกร้องสิทธิของตนด้วย หลังจากที่ประธานาธิบดี รูสเวลต์ สามีองเธอเสียชีวิตลง เธอได้เข้าร่วมเป็นกรรมการในองค์การสหประชาชาติ และมีส่วนร่วมร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (the Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่านใดที่จะสามารถมีอิทธิพลต่อสหรัฐอเมริกา และต่อโลกได้เท่ากับอิลินอร์ รูสเวลต์เลย นับเป็นสตรีที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลังในการเคารพซึ่งสิทธิมนุษยชนของกันและกันในสังคม
อ้างอิงจาก http://www.kriengsak.com/node/232
บนโลกใบนี้ เราทุกคนล้วนเติบโตมาบนพื้นฐานของความแตกต่างหลากหลาย ทั้งเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม เราอาจมีแนวความคิด ความเชื่อ ฐานะ รูปลักษณ์ ร่างกายที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ สิ่งที่ผิดปกติ ไม่ใช่ความน่ากลัวที่เราจะต้องแบ่งแยก กีดกั้น แบ่งพรรคแบ่งพวก หากแต่เป็นธรรมชาติของ ความหลากหลาย ซึ่งเราทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข หากเรายึดมั่นในคุณค่าของ “สิทธิมนุษยชน” อันเป็นคุณธรรมสากล ซึ่งประกอบด้วย หลักการพื้นฐานอันมุ่งหวังให้เพื่อนมนุษย์พึงกระทําต่อกัน 4 ประการได้แก่
1. การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
2. การเชื่อมั่นในความเท่าเทียมของบุคคล โดยปราศจากการแบ่งแยก
3. การศรัทธาในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
4. การปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกัน
หลักการสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน 4 ประการดังกล่าว ยังถือเป็นหลักการสําคัญในปฏิญญาสากลว่าด้วย สิทธิมนุษยชนซึ่งถือกําเนิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และเข้าใจร่วมกันในหลักการสิทธิมนุษยชนจนนําไปสู่การยอมรับและเกิดเป็นวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนขึ้นในที่สุด และเป็นหัวใจสําคัญยิ่งที่เราทุกคนควรจะ ได้ตระหนักและนํามาปรับใช้ในบริบทของตนเอง โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสําคัญยิ่งต่อการ ก่อร่างสร้างฐานอันมั่นคงให้แก่สังคมโดยการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของ สิทธิมนุษยชนผ่านการประยุกต์ใช้ในบทเรียน กิจกรรมการเรียนการสอน และวิถีชีวิตประจําวัน และเนื่องด้วยความสําคัญในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตามหลักการสากล รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงได้บัญญัติให้มีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีหน้าที่และอํานาจสําคัญประการหนึ่งตามมาตรา 247 (5) ในการสร้างเสริม ทุกภาคส่วนของสังคมให้ตระหนักถึงความสําคัญของสิทธิมนุษยชน มีหน้าที่และอํานาจตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 (1) (2) และ (3) ในการส่งเสริม สนับสนุน ให้ความร่วมมือแก่บุคคล หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ในการ ศึกษา วิจัย เผยแพร่ความรู้และพัฒนาความเข้มแข็งด้านสิทธิมนุษยชน ส่งเสริม เผยแพร่ให้เด็ก เยาวชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนของแต่ละบุคคลที่ทัดเทียมกัน และการเคารพใน สิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่น ซึ่งอาจแตกต่างกันในทางวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และศาสนา
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะสถาบันด้านสิทธิมนุษยชนระดับชาติ จึงได้จัดทําบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อร่วมกันพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนจากความมุ่งหมายดังกล่าว ทําให้เกิดการร่วมมือกันของภาคีเครือข่ายอันประกอบด้วย คณะทํางาน ด้านส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน ผู้ชํานาญการตลอดทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิมนุษยชนศึกษา ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ อาจารย์จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และบุคลากรจาก มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ประเทศไทย ร่วมกันดําเนินการจัดทําคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษา ได้ใช้เป็นแนวทาง ในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านสิทธิมนุษยชน โดยยึดโยงกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในระดับ ประถมศึกษาตอนปลาย ไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย รวมถึงการปลูกฝังเกี่ยวกับ สิทธิมนุษยชนแทรกไปในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 โดย กระบวนการจัดทําประกอบด้วยการประชุมร่วมกันเพื่อระดมความคิดเห็น การจัดทํา ตลอดจนการนําเสนอ มีการนําไปปรับปรุงและแก้ไขในภายหลัง อีกทั้งยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ต่อร่างเอกสารดังกล่าว จากคณะครู อาจารย์ ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อให้เอกสารผ่านการ มีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและเกิดความสมบูรณ์มากที่สุด โดยหวังว่าจะทําให้เด็ก เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตและพลังที่จะขับเคลื่อนประเทศในภายภาคหน้า ได้เกิดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนอย่างมีส่วนร่วม มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักว่าหลักการสิทธิมนุษยชน ทั้งการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การเชื่อมั่นในความเท่าเทียมของบุคคล โดยปราศจากการแบ่งแยก การศรัทธาในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และการปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกัน โดยยืนอยู่บนธรรมชาติของความแตกต่างหลากหลายนั้นแท้จริงไม่ใช่แนวคิดตะวันตกที่ไกลตัว หากแต่ หลักการต่าง ๆ ที่ปรากฏในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ล้วนแต่สอดคล้องกับค่านิยมอันดีงามของ สังคมไทย อาทิ ความเมตตา กรุณา ความมีน้ําใจ การแบ่งปัน ความปรองดอง เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เรา พบเจอในวิถีชีวิตประจําวันทั้งสิ้น
อ้างอิงจาก คู่มือสิทธิมนุษยชนศึกษา
คู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 - ม.3)จัดทําขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ครูผู้สอนและผู้ออกแบบการเรียนรู้แก่ผู้เรียนในลักษณะอื่น ๆ อาทิ การศึกษาทางเลือก การศีกษาตามอัธยาศัย รวมถึงการจัดกิจกรรมค่ายการเรียนรู้ นําไปประยุกต์การจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสําคัญของสิทธิมนุษยชน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในบริบทต่าง ๆ รวมถึงแนวทาง การนําความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้ในชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม
หน่วยที่ 1 ความหมายและหลักการสําคัญของสิทธิมนุษยชน
หน่วยที่ 2 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับพลเมือง
หน่วยที่ 3 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง
หน่วยที่ 4 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
หน่วยที่ 5 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับสังคมและวัฒนธรรม
หน่วยที่ 6 สรุปประเด็นและอภิปรายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดําาเนินชีวิตในสังคม
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี ดํารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.2 เกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน
คู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 - ม.6) จัดทําขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางให้ครูผู้สอนและผู้ออกแบบการเรียนรู้แก่ผู้เรียนในลักษณะอื่น ๆ อาทิ การศึกษาทางเลือก การศึกษาตามอัธยาศัย รวมถึงการจัดกิจกรรมค่ายการเรียนรู้ นําไปประยุกต์การจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสําคัญของสิทธิมนุษยชน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในบริบทต่าง ๆ รวมถึงแนวทาง การนําความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้ในชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม
หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
หน่วยที่ 2 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับพลเมือง
หน่วยที่ 3 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง
หน่วยที่ 4 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
หน่วยที่ 5 สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับสังคมและวัฒนธรรม
หน่วยที่ 6 สรุปประเด็นและอภิปรายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดําเนินชีวิตในสังคม
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี ดํารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.2 เกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เกี่ยวกับการจัดการและการใช้ทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.2 เกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษยชาติและการวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง
การบรรยายความรู้พื้นฐานสิทธิมนุษยชน โดย ผศ.ดร.นภารัตน์ กรรณรัตนสูตร
หลักการพื้นฐานสิทธิมนุษยชน โดย ผศ.ดร.นภารัตน์ กรรณรัตนสูตร
หลักสูตรฐานสมรรถนะกับการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชน โดย อ.ณัฐเมธร์ ดุลคนิต ศึกษานิเทศน์ สพม ๑
ตัวอย่างกิจกรรมสิทธิมนุษยชน ระดับมัธยมศึกษา