ตัวชี้วัดต้องรู้และตัวชี้วัดควรรู้ คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คลิก
- ตัวชี้วัดสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ คลิก
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา คลิก
ข่าวสารประชาสัมพันธ์
การประชุมเชิงปฏิบัติการ ชี้แจงการใช้งานระบบสำรวจแววความสามารถพิเศษบนฐานพหุปัญญาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ด้านภาษา
ด้านภาษาศาสตร์ (Linguistic Intelligence) หมายถึง ความสามารถสูงในการใช้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นการพูด เช่น นักเล่านิทาน นักพูด กวี นักเขียน นักข่าวฯลฯ รวมไปถึงความสามารถในการจัดกระทำเกี่ยวกับโครงสร้างทางภาษา เสียง ความหมาย และเรื่องเกี่ยวกับภาษา เช่น สามารถใช้ภาษาในการหว่านล้อม อธิบาย และอื่น ๆ มีทักษะในการใช้และเล่นกับคำ สามารถสื่อสารด้วยการฟัง พูด อ่าน เขียน และเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังตระหนักถึงหน้าที่อันหลากหลายของภาษา โดยรู้ถึงอำนาจของภาษาในการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกด้วย
ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์
ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-mathematical Intelligence) หมายถึง ความสามารถสูงในการใช้ตัวเลขอย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น นักคณิตศาสตร์ นักบัญชี นักสถิติ) และเป็นผู้ให้เหตุผลได้ดี (เช่น นักวิทยาศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ นักตรรกศาสตร์) นอกจากนี้ยังรวมถึงความไวในการเห็นความสัมพันธ์แบบแผนตรรกวิทยา การคิดเชิงนามธรรมและการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล (Cause-effect) การคิดคาดการณ์ (If-then) วิธีการที่ใช้ในเชาวน์ปัญญาด้านนี้ ได้แก่ การจำแนกประเภท การจัดหมวดหมู่ การสันนิษฐาน การสรุปอ้างอิง การคิดคำนวณ การคิดเชิงปริมาณ การตั้งสมมติฐาน
ด้านมิติสัมพันธ์
ด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-spatial Intelligence) หมายถึง ความสามารถสูงในการมองเห็นพื้นที่ เช่น นายพราน ลูกเสือ ผู้นำทาง และสามารถคิดวิธีการใช้พื้นที่ได้ดี เช่น มัณฑนา กร สถาปนิก ศิลปิน นักประดิษฐ์ เชาวน์ปัญญาด้านนี้ รวมไปถึงความไวต่อ สี เส้น รูปร่าง เนื้อที่ และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเหล่านี้ มีความสามารถในการมองเห็นภาพ สร้างภาพหรือคิดเป็นภาพสามารถเห็นรายละเอียดและจำลองสิ่งที่เห็นเป็นภาพหรือกราฟหรือตารางได้ มักจะนำเสนอข้อมูลทางด้านมิติให้ออกมาเป็นภาพได้
ด้านธรรมชาติวิทยา
ด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence) หมายถึง ความสามารถการจดจำและแบ่งชั้นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ดอกไม้ สัตว์ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รวมไปถึงความไวต่อลักษณะของธรรมชาติต่าง ๆ เช่น รูปแบบของเมฆ ภูเขา การเจริญเติบโตของสภาพแวดล้อมในถิ่นต่างๆ ความสามารถชื่นชม รู้จักและเข้าใจสิ่งแวดล้อมได้ลึกซึ้ง รวมไปถึงการแยกแยะความแตกต่างและจัดหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น รถ รองเท้า แผ่นซีดี
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily-kinesthetic Intelligence) หมายถึง ความเชี่ยวชาญในการใช้ร่างกายของตนแสดงความคิด ความรู้สึก (เช่น นักแสดง นักแสดงละครใบ้ นักกีฬา นักเต้นรำ นักระบำรำฟ้อน) และความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้นงานและการหยิบจับสิ่งที่เคลื่อนไหวต่าง ๆ (เช่น ช่างปั้น จิตรกร ช่างยนต์ ศัลยแพทย์) เชาวน์ปัญญาด้านนี้รวมถึงความสามารถในการใช้ร่างกาย เช่น ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง ความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น ความประณีต และความสามารถทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
ด้านดนตรี
ด้านดนตรี (Musical Intelligence) หมายถึง ความสามารถสูงในตอบรับการผลิตเสียงตนตรี จังหวะ และความสามารถพิเศษในการเข้าใจและชื่นชมแสดงออกทางดนตรีในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ นักดนตรี นักแต่งเพลง นักเรียนเรียนเสียงประสาน นักวิจารณ์ดนตรี เชาวน์ปัญญาด้านนี้รวมถึง ความไวในเรื่องจังหวะ ทำนองเสียง ตลอดจนความสามารถในการเข้าใจและวิเคราะห์ดนตรี
ด้านมนุษยสัมพันธ์
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Intelligence) หมายถึง ความสามารถสูงในการเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดและเจตนา แรงจูงใจของผู้อื่น รวมถึงความไวต่อการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง ท่าทางของผู้อื่น ทั้งยังสามารถจำแนกลักษณะต่าง ๆ ของสัมพันธภาพของมนุษย์ และสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เช่น สามารถทำให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลปฏิบัติตามได้
ด้านความเข้าใจตนเอง
ด้านการรู้จักและความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence) หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับตนเอง ความสามารถในการประพฤติตนอย่างเหมาะสม จากความรู้นี้ เชาวน์ปัญญาด้านนี้ประกอบด้วย การรู้จักตนเองตามความเป็นจริง รู้ว่าตนมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร มีความรู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความปรารถนาของตนเอง มีความสามารถที่จะฝึกตนเอง (Self-discipline) เข้าใจตนเอง (Self-understanding) และเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-esteem)
ปัจจุบันการศึกษาของประเทศไทยที่ผ่านมานั้น ต้องเผชิญกับวิกฤตทางการศึกษาหลายอย่าง ซึ่งไม่สอดคล้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษที่ 21มีจำนวนนักเรียนจำนวนมากที่ตกหล่นจากระบบการศึกษา ไม่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้จากที่เรียนมาได้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากระบบการศึกษาของโรงเรียนยังคงยึดติดกับวิธีการสอนแบบเดิม ๆ ทำให้ผู้เรียนถูกปลูกฝังด้วยการเรียนรู้แบบท่องจำเพื่อนำไปสอบ มากกว่าที่จะเรียนรู้เพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ และมุ่งสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถนำความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ตนเรียนรู้มาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองและสังคมได้ ทำให้เกิดปัญหาความด้อยคุณภาพของผู้เรียนเมื่อเทียบกับการจัดการศึกษาของประเทศชั้นนำอื่น ๆ
จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้ทางภาครัฐจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนรู้หม่ โดยเปลี่ยนจุดเน้นจากที่เคยเป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหา (content - based) คือเน้นเนื้อหาวิชา และมีมาตรฐานและตัวชี้วัดจำนวนมาก ไปเป็นหลักสูตรที่เป็นฐานสมรรถนะ (competency-based) คือมุ่งไปยังพฤติกรรมที่ผู้เรียนโดยตรง ยึดความสามารถที่ผู้เรียนพึงปฏิบัติได้เป็นหลัก เพื่อเป็นหลักประกันว่า เมื่อผ่านการเรียนรู้ไปแล้ว ผู้เรียนจะมีทักษะและความสามารถในด้านต่าง ๆ สำหรับการทำงาน การแก้ปัญหา และการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม
หลักสูตรฐานสมรรถนะ จะกำหนดมาตรฐานสมรรถนะ (Competency Standards) ขึ้นเป็นสมรรถนะเบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยทั่วไปมี 2 ลักษณะ คือ
1. สมรรถนะหลัก (Core Competency) มีลักษณะเป็นสมรรถนะข้ามวิชาหรือคร่อมวิชา คือเป็นสมรรถนะที่สามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียนได้ในสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่หลากหลาย หรือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้สาระต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
โดย (ร่าง) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานหลักสูตรสมรรถนะ กำหนดสมรรถนะหลัก (Core Competency) ไว้ 5 ประการ เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถที่จำเป็นของผู้เรียนต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ 1. สมรรถนะการจัดการตนเอง 2. สมรรถนะการสื่อสาร 3. สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม 4. สมรรถนะการคิดขั้นสูง และ 5. สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
2. สมรรถนะเฉพาะ (Specific Competency) เป็นสมรรถนะเฉพาะวิชา / สาขาวิชาที่จำเป็นสำหรับวิชานั้น ๆ
ซึ่งสมรรถนะทั้ง 2 ประเภทนั้น ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะหลัก หรือสมรรถนะเฉพาะ ต่างก็มีระดับตั้งแต่ง่ายไปยาก ซึ่งหลักสูตรจะกำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบไต่ระดับ ไปตามระดับความสามารถของตน
ฐานคิดของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (หลักสูตรฐานสมรรถนะ)
1. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคล (Personalization) การเป็นเจ้าของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
2. พัฒนาให้ผู้เรียนเกิดสุขภาวะ (Well-being) ทั้งในด้านสุขภาพ ความฉลาดรู้ สังคมและอารมณ์อย่างสมดุล รอบด้านและเป็นองค์รวม โดยยึดหลักความเสมอภาค
3. พัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต การแก้ปัญหา ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และการสร้างประโยชน์ต่อสังคม
4. พัฒนาผู้เรียนให้รู้เท่าทันและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและความก้าวหน้าทางวิทยาการ
หลักสูตรฐานสมรรถนะ นับเป็นหลักสูตรที่ถูกปรับขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับโลกในยุคสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วละมีการแข่งขันกันสูงขึ้น ซึ่งถ้าหลักสูตรได้ถูกประยุกต์และนำมาใช้ในระบบการศึกษาได้อย่างเหมาะสม จะทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตัวเองให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมต่อการพัฒนาตัวเองและประเทศชาติได้ต่อไป
เรียบเรียงโดย : ศน.นิภารัตน์ เชื้อชาย
แหล่งข้อมูล
รายการผลงาน สื่อ สิ่งพิมพ์ ประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่กรอบสมรรถนะผู้เรียน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
21st CE Learning Process กระบวนการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21
โดย กศส. EEF thailand
การสอนประวัติศาสตร์ด้วยรูปแบบการสอนห้องเรียนกลับด้าน โดยครูปานทิพย์ ดอนขันไพร
เรียนรู้เกมภูมิศาสตร์ โดยครูปานทิพย์ ดอนขันไพร
เรียนรู้ภาษาอังกฤษ จากครูโรงเรียนประถมฐานบินกำแพงแสน
เครือข่ายคลังความรู้ "ห้องนิเทศหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและกระบวนการเรียนรู้"
เครือข่ายคลังความรู้ ห้องนิเทศ "Active Learning"
เครือข่ายคลังความรู้ "หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา" สพป.นครปฐม เขต 1
กลุ่มงานพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและกระบวนการเรียนรู้ได้ที่
e-mail : curriculumbasic1@esanpt1.go.th หรือ sv.niparat@gmail.com
Tel. : 034254373 , 0822454447