วัสดุที่นำมาทำสิ่งของเครื่องใช้ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง มีสมบัติที่นำไปใช้งานที่แตกต่างกัน
ไม้(Wood) คือ วัสดุธรรมชาติที่ได้มาจากลำต้นของต้นไม้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น ไม้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเพราะมีความแข็งแรง ทนทานไม่นำไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม มีรูปร่างคงตัว มีผิวเรียบ มีกลิ่นและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้าได้รับความชื้นเป็นเวลานานอาจบวมผิดรูปได้
โลหะ(Metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่างๆ โลหะที่นำมาใช้งานส่วนใหญ่ จะผ่านการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีขึ้นก่อนนำมาใช้งาน โลหะเป็นวัสดุที่นำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เช่น เป็นตัวนำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี มีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อน มีความสวยงาม ผิวของโลหะสามารถขัดให้เป็นเงาวาว สามารถตีเป็นแผ่นบางและดึงเป็นเส้นลวดได้
พลาสติก(Plastics) คือ วัสดุสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ปัจจุบันพลาสติกนำมาใช้สร้างสิ่งของเครื่องใช้มากมายและมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ยาง(Plastics) คือ วัสดุที่มีความยืดหยุ่น เมื่อออกแรงดึงหรือกดยางจะยืดหรือยุบและกลับสู่สภาพเดิมได้เมื่อปล่อยยางเป็นอิสระ ยางถูกนำไปแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างสิ่งของเครื่องใช้หลายชนิด
เครื่องมือช่างพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างชิ้นงาน การรู้จักเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับงาน
ใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัยจึงมีความสำคัญต่อผู้ปฏิบัติงานและความสำเร็จของงาน เครื่องมือที่ใช้
ในงานช่างพื้นฐาน แบ่งตามประเภทการใช้งานดังนี้
1) เครื่องมือวัด เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดเพื่อบอกระยะหรือขนาดในการกำหนดตำแหน่งตรวจสอบระยะหรือขนาดความกว้าง ความยาว ความสูงหรือความหนาของวัสดุชิ้นงาน เช่น ไม้บรรทัด ตลับเมตร
เวอร์เนียคาลิเปอร์ ไม้โพรแทรกเตอร์
2) เครื่องมือตัด เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดชิ้นงานให้แยกออกจากกัน เช่น คัตเตอร์ กรรไกร
เลื่อยมือ คีมตัด
3) เครื่องมือสำหรับยึด เป็นเครื่องมือที่ใช้ยึดติดอุปกรณ์ เช่น กาว สกรู ปืนกาว ไขควง
4) เครื่องมือสำหรับเจาะ เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเจาะชิ้นงานที่เป็นโลหะหรือไม้ เพื่อให้ได้รู
ตามที่ต้องการ เช่น สว่านไฟฟ้า ที่เจาะกระดาษ