วัดเวียง Wat Wiang
สร้างขึ้นภายในเวียงเถินโบราณ
จากพงศาวดารเมืองเถินว่า
พระสังฆทิตย์ สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2192
เวียงเถินโบราณ คือ ตัวเมืองเถิน ที่มีวัดเวียงเป็นศูนย์กลาง
แต่ร่องรอยคูน้ำและคันดินสูญหายหมดสิ้น
อาจเนื่องจากแม่น้ำวังเซาะและการขยายถิ่นที่อยู่อาศัยของชุมชน
ตํานานวัดเวียง
เมื่อก่อนพุทธกาลครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระโคอุสุภราช
ได้มาประสูติยังบริเวณที่ตั้งพระธาตุวัดเวียงในปัจจุบัน
ครั้งหนึ่งแม่โคได้พาลูกน้อยออกไปหากิน และเกิดพลัดหลงกัน
ลูกน้อยยังได้ร้องเรียกหาแม่ว่า "อุลอ...อุลอ" ต่อมาเพี้ยนเป็น อุมลอง
ส่วนแม่โคนั้นได้รอลูกน้อยอยู่ที่บริเวณ
ที่ภายหลังตั้งพระธาตุวัดอุมลอง ( พระธาตุกระดูกด้ามพร้า )
และลูกน้อยก็ได้ตามหาแม่จนพบที่นั้นจึงเรียนบริเวณนั้น
ต่อมาแม่โคก็ได้พาลูกน้อยไปหากินยังเนินเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ได้พักนอนอยู่บริเวณ ที่เรียกว่าม่อนงัวนอน ปัจจุบันคือ วัดดอยป่าตาล
(พระธาตุลิ้นไก่ )
จากถนนสายเอเชีย เลี้ยวเข้าเถิน ข้ามสะพาน
แม่น้ำวังที่เถิน
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์ได้จุติ และ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้ระลึกชาติแต่หนหลัง
จึงทรงตรัสให้สาวกนำเอาพระบรมอัฐิ
ไปบรรจุไว้สถานที่สำคัญ ๆ
หลังจากที่พระพุทธองค์ดับขันธปรินิพพานไป 250 ปี
พระเจ้าอโศกราชได้ให้ทูตนําพระบรมอัฐิไปบรรจุ
ตามคําสั่งของพระพุทธเจ้า
ทูตได้นําพระอัฐิมายังจวนเจ้าเมือง บริเวณวัดเวียง
เจ้าเมืองว่าจะนําพระบรมอัฐิไปประดิษฐานยังวัดดอยดอก(วัดศิลาวารี)
แต่พระบรมอัฐิในผอบแก้วรวงลงสู่พื้นดิน
แผ่นดินก็สลูป (ยุบตัวลง)
เจ้าเมืองจึงย้ายจวนออกจากที่เดิมแล้วสร้างเจดีย์ครอบพระบรมอัฐิธาตุ
... พระธาตุเล็บมือ ไว้
พระยาเจ้าเมืองมีมเหสีชื่อ พระนางนารา มี่นางป้อมนางเป็งเป็นบริวาร
นางเป็งนั้นได้สร้างบ้านเรือนอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเวียง เรียกว่า หนองสาง
และนางป้อมก็ได้สร้างบ้านเรือนอยู่ที่ หนองผ้าอ้อม ซึ่งอยู่ถัดออกไปอีก
ต่อมาแม่น้ำวังได้เซาะฝั่งเข้ามาใกล้ตัวเมือง(วัดเวียงในปัจจุบัน)
อยู่ในเขตอันตราย
ผู้คนได้อพยพไปอยู่หนองสางหรือหนองผ้าอ้อม
หรือเมืองของนางป้อมนางเป็ง ... เรียกเวียงป้อม เวียงเป็ง
นางทั้งสองได้มาตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์พระธาตุเจ้า
อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้แม่น้ำวังเปลี่ยนทิศไปทางทิศ ตะวันออก
เมื่ออธิษฐานเสร็จไม่นานแม่น้ำวังก็เปลี่ยนทิศไปทางทิศตะวันออก
ทำให้บริเวณกลางเมืองหรือวัดเวียงปลอดภัย
ผู้คนจึงอพยพมาบูรณะบ้านเมืองเช่นเดิม
เมื่อพม่าได้ยกทัพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือได้
พม่าได้มาบูรณะวัดเวียง
โดยเกณฑ์พวกญวนมาเป็นช่างสร้างวิหารให้ใหญ่กว่าเดิมรวมทั้งอุโบสถ
และซุ้มประตู
สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ยกทัพมาตีพม่าถอยกลับไป
วัดเวียง จึงเป็นวัดร้างอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อบ้านเมืองก็เกิดศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่า
ได้กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไป
ต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนมองไม่ออกว่า มีพระธาตุอยู่
จนครูบาอาทิตย์ได้ธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่เมืองร้าง ( วัดเวียง )
ได้นำญาติ บ้านเดียวกับท่านคือ บ้านปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
มาตั้งบ้านเรือนใกล้ๆวัด ช่วยกันบูรณะดูเป็นวัดขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2192
วัดเวียง จึง มีลักษณะคล้ายวัด
พระธาตุลำปางหลวง วัดปงยางคก และวัดไหล่หิน
และเมื่อครูบาอินทร์จันทร์ ศิษย์ของท่าน
ออกไปหายาสมุนไพรตามรากไม้ในบริเวณป่าบริเวณม่อนเขา
ไปขุดหลุมพบแผ่นหนึ่งจารึกเป็นภาษาขอม
ครูบาอาทิตย์ (พระสังฆทิตย์) อ่านดูจึงรู้ว่ามีพระธาตุสามแห่งดัง
จึงช่วยกันบูรณะซ่อมแซมจนรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง
เมืองนี้มีชื่อว่า " เมืองสังฆะเติ๋น" ... เติ๋น แปลว่า เตือน
แผลงเป็น เถิน
บริเวณวัดเวียงก็คือใจกลางเมืองเถิน
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้โปรดบูรณะซ่อมแซม วัดวาอารามทั่วประเทศ
ที่ วัดเพาะหนองสาง บ้านเก่าของนางป้อมและนางเป็ง
ปูหลวงแสนคำ เจ้าอาวาส
ได้มาบูรณะซ่อมแซมและย้ายมาประจำอยู่ที่วัดเวียง
ซุ้มประตูโขง บูรณะในสมัยรัชกาลที่ 5
ยกเก็จย่อมุม
ขอบซุ้มประตูเป็นลายพันธุ์พฤกษา สองข้างเป็นหงส์ ด้านบนเป็นนาคพัน
เหนือกรอบประตู
วิหาร
ด้านล่างวิหารเปิดโล่ง
เหมือนวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดไหล่หิน และวัดปงยางคก
หน้าบัน
ลิงมีหางเป็นปลา ... มัจฉานุ
ปู่หลวงแสนคำได้พบสิ่งปฏิหารในวัดเวียงคือ
เสาวิหารต้นหนึ่งมีนางไม้ออกไป เล่นน้ำที่หนองถ่วมห่างวัดไปราว 2 กิโลเมตร
ตอนเช้าจะมีจอกแหน สาหร่าย หรือแม้แต่หอย ติดอยู่ปลายเสา
หลวงปูคำแสนจึงสะกดเสาต้นนี้และเอาโซ่เหล็กมาผูกไว้ที่โคนเสา
จากนั้นก็มีผึ้งมาทำรังในโพรงเสา จึงมีหมีมา ควักกินผึ้งทำให้เสาหลักแตก
หลวงปู่แสนคำจึงให้เอาเสานั้นออกแล้วก่ออิฐฉาบปูนขึ้นแทนเสาต้นเดิม
ซุ้มพระเจ้า
เหมือนวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดไหล่หิน และวัดปงยางคก
จิตรกรรมฝาผนัง ... เรื่องอะไร ช่วยเล่าด้วย
ขวามือซุ้มพระเจ้าออกมา
พระมหาชนก
ด้านหลังวิหาร
องค์พระธาตุ
ต้นขนุนนางจามเทวี
มีผลดกมากแม้แต่รากก็ยังมีผล ... รากต้นขนุนโผล่เข้าไปในบ่อน้ำ
คนที่หน้าวัดเล่าว่าเคยเห็นลูกขนุนอยู่ในบ่อน้ำข้างต้นขนุน
พระอุโบสถเก่า
ใหม่
วัดทั้งสามนี้เป็นวัดคู่บ้านคู่บ้านคู่เมือง
ตามโบราณกล่าวไว้ว่า
" จึงมีจารีตประเพณีสรงน้ำพระธาตุเจ้าแต่ก่อนดังนี้
เดือนห้าเป็ง (เพ็ญ) เหนือ ให้สรงน้ำพระธาตุเจ้าวัดเวียง
เดือนเจ็ดปีใหม่พญาวันให้พากันไป สรงน้ำพระธาตุวัดอุมลอง
พอถึงเดือนแปดเป็ง (เพ็ญ) ให้พากันไปสรงน้ำพระธาตุเจ้าวัดดอยป่าตาล
และให้พากันบำรุงรักษากราบไหว้ทั้งสามวัด
บ้านเมืองจัดรุ่งเรืองตลอดทั้งฝนก็จะตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าจักงอกงาม
หากพากันเพิกเฉยเสียบ้านเมืองจะแห้งแล้งข้าวกล้าในนาจะ เหยียวแห้ง
ฟ้าฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล "
ปิดท้ายด้วย ... อยากให้เหมือนเดิม
อ้างอิงจากBlogGang.com