ความอดทน มาจากคำว่าขันติ หมายถึงการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนาหรือไม่ก็ตาม มีความมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดินงานทุกชิ้นในโลกไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ที่สำเร็จมาได้ก็ด้วย คุณธรรมข้อนี้คือ ขันติ
ลักษณะความอดทนที่ถูกต้อง
1. มีความอดกลั้น
2. เป็นผู้ไม่ดุร้าย คือข่มความโกรธไว้ได้
3. ไม่ปลูกน้ำตาให้แก่ใคร คือไม่ก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่นด้วยอำนาจความเกรี้ยวกราดของเรา
4. มีใจเบิกบาน แจ่มใส อยู่เป็นนิจ คือมีปีติอิ่มเอิบใจเสมอๆ ไม่พยาบาท ไม่โทษฟ้า โทษฝน โทษโชคชะตา หรือโทษใครๆลักษณะที่สำคัญยิ่งของขันติ คือตลอดเวลาที่อดทนอยู่นั้นต้องมีใจผ่องใส ไม่เศร้าหมองอดทนถอนตัว หรือหลีกเลี่ยงจากความชั่ว อดทนทำดีต่อไป อดทนรักษาใจไว้ให้ผ่องใส ไม่เศร้าหมอง
ประเภทของความอดทนความอดทนแบ่งตามเหตุที่มากระทบได้เป็น 4 ประเภท คือ
1. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ
2. อดทนต่อทุกขเวทนา
3. อดทนต่อความเจ็บใจ
4. อดทนต่ออำนาจกิเลส เช่น อดทนไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพย์ติด ไม่รับสินบน ไม่คอร์รัปชั่น ไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่เห่อยศ ไม่บ้าอำนาจ ไม่ขี้โอ่ เป็นต้น" เขาด่าไม่โกรธว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้มยากยิ่งกว่า"
อานิสงส์การมีความอดทน
1. ทำให้กุศลธรรมทุกชนิดเจริญขึ้นได้
2. ทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย
3. ทำให้ตัดรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งหลายได้
4. ทำให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกอิริยาบถ
5. ชื่อว่าได้เครื่องประดับอันประเสริฐของนักปราชญ์
6. ทำให้ศีลและสมาธิตั้งมั่น
7. ทำให้ได้พรหมวิหารโดยง่าย
8. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย
เรียบเรียงจาก หนังสือ มงคลชีวิต " ฉบับทางก้าวหน้า " ของชมรมพุทธศาสตร์สากล ในพระอุปถัมภ์สมเด็จ
พระมหารัชมังคลาจารย์ เรียบเรียงโดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D.