1.การวางแผนการตลาด
ระบวนการวางแผนการตลาด (Marketing Planning Process)
ประกอบด้วยขั้นตอน คือ วิเคราะห์สถานการณ์ การพิจารณาวัตถุประสงค์ทางการตลาด การเลือกตลาดเป้าหมายและวัดขนาดความต้องการซื้อของตลาด การออกแบบส่วนประสมทางการตลาดและการจัดเตรียมแผนการตลาดสำหรับปี
การวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis)
หมายถึง การสำรวจโปรแกรมการตลาดในปัจจุบันของบริษัทเพื่อพิจารณาว่าโปรแกรมการตลาดในอนาคตควรจะเป็นอย่างไร รวมทั้งต้องวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมภายใน (ส่วนประสมทางการตลาด หรือปัจจัยทางการตลาด และสิ่งแวดล้อมภายในอื่นนอกเหนือจากปัจจัยทางการตลาด) และสิ่งแวดล้อมภายนอก ( สิ่งแวดล้อมจุลภาคและสิ่งแวดล้อมมหภาค ) ที่มีอิทธิพลต่อโปรแกรมการตลาด (ราละเอียดบทที่ 2)
การพิจารณาวัตถุประสงค์ทางการตลาด ( Determine the Marketing Objective )
เป็นการกำหนดเป้าหมายทางการตลาดซึ่งต้องเป็นจริง มีลักษณะเฉพาะเจาะจงและวัดได้ ตัวอย่างวัตถุประสงค์ทางการตลาดของบริษัทขายน้ำยาปรับผ้านุ่ม ประกอบด้วย ต้องการรายได้จากการขาย 9 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10% ปริมาณการขาย 70,000 หน่วย คิดเป็นส่วนคลองตลาด 5% สามารถขยายการรับรู้ของผู้บริโภคในตรายี่ห้อจาก 15% เพิ่มเป็น 30% สามารถขยายจำนวนร้านค้าปลีกเป็น 10% ฯลฯ
การเลือกตลาดเป้าหมายและวัดความต้องการซื้อของตลาด ( Select and Measure Target Market )
เป็นการวิเคราะห์ตลาดในปัจจุบัน เพื่อหาโอกาสในตลาดที่คาดหวัง ( Potential Market ) แล้วเลือกตลาดที่ธุรกิจมีความสามารถที่จะตอบสนองความพอใจในตลาดนั้นได้
การออกแบบส่วนประสมทางการตลาดและยุทธวิธีการตลาด (Marketing Mix Strategies and Tactics Design) เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับส่วนประสมการตลาด (4'Ps) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ กล่าวคือ สามารถสนองความต้องการของตลาดเป้าหมายให้พึงพอใจและสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายของตลาด โดยมีจุดเริ่มต้นที่การกำหนดและวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย ( Target Market ) แล้วจึงพัฒนาโปรแกรมทางการตลาดและส่วนประสมการตลาดเพื่อสนองความต้องการของตลาดเป้าหมายนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ทางการตลาดคือความพึงพอใจของลูกค้า
การวางแผนการตลาดสำหรับปี ( Annual Marketing Plan )
เป็นแผนรวมกิจกรรมการตลาดของทั้งปีสำหรับธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์หนึ่งอย่าง ในแผนประกอบด้วย การกำหนดวัตถุประสงค์ การกำหนดตลาดเป้าหมาย กลยุทธ์และยุทธวิธีการตลาด ข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้สำหรับกิจกรรมการตลาด
การปฏิบัติการทางการตลาด
การปฏิบัติการทางการตลาด ( Marketing Implementation )
เป็นขั้นตอนที่สองในการบริหารการตลาดมีกิจกรรมที่สำคัญ 3 ประการคือ การจัดองค์กรทางการตลาด การจัดบุคคลเข้าทำงานในองค์กรนั้น และ การปฏิบัติการทางการตลาด โดยมีรายละเอียดดังนี้
การจัดองค์กรทางการตลาด
การจัดองค์กรทางการตลาด ( Marketing Organization )
หมายถึง การกำหนดภาระหน้าที่และโครงสร้างทางการตลาดขององค์กร โดยถือเกณฑ์การตลาด เป็นวิธีการการจัดองค์กรตลาดที่ใช้กันแพร่หลายมาก ตำแหน่งที่สูงสุดด้านการตลาด คือรองประธานด้านการตลาด และกำหนดหน้าที่ให้กับผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ตามหน้าที่ ประกอบด้วย ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการขาย ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการตลาด ผู้จัดการฝ่ายการขาย ผู้จัดการฝ่ายกระจายตัวสินค้า ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมการตลาดอื่นๆ ผู้จัดการแต่ละฝ่ายจะควบคุมงานแต่ละฝ่าย เช่น ผู้จัดการฝ่ายการขายจะควบคุมแต่ละหน่วยงานการขายภาคสนาม เป็นต้น
การจัดองค์กรตลาดตามภูมิศาสตร์ ( Geographical Organization )
เป็นการกำหนดภาระหน้าที่และโครงสร้างขององค์กรการตลาดตามอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ ตำแหน่งสูงสุดคือ ผู้บริหารการตลาดระดับสูง จะควบคุมผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ซึ่งมีการแบ่งองค์กรการตลาดตามหน้าที่ก่อน ในส่วนที่เป็นฝ่ายการขายทั่วไป จะแยกงานความรับผิดชอบตามเขตภูมิศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการภาคเหนือ ผู้จัดการภาคใต้ ผู้จัดการภาคตะวันออก ผู้จัดการภาคตะวันตก ผู้จัดการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้จัดการภาคก็จะควบคุมดูแลพนักงานขายประจำภาคของตน
การจัดองค์กรการตลาดตามผลิตภัณฑ์หรือตรายี่ห้อ (Product or Brand Organization )
เป็นการกำหนดภาระหน้าที่และโครงสร้างขององค์กรการตลาด โดยแยกประเภทตามลักษณะผลิตภัณฑ์หรือตรายี่ห้อ ถือว่ามีการจัดโครงสร้างองค์กรตามผลิตภัณฑ์ กล่าวคือ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ก ข ค อยู่ภายใต้ผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไป หรือแยกเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นตรงต่อผู้บริหารการตลาดระดับสูงก็ได้
การจัดองค์กรการตลาดตามประเภทลูกค้า ( Customer Organization )
เป็นการกำหนดภาระหน้าที่และโครงสร้างขององค์กรการตลาด โดยแยกตามกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ตัวอย่างผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไปสำหรับรถกระบะจะแยกภาระความรับผิดชอบตามประเภทลูกค้า เช่น ผู้จัดการขายสำหรับผู้บริโภค ผู้จัดการขายสำหรับกลุ่มเกษตรกร ผู้จัดการขายสำหรับกลุ่มธุรกิจ ผู้จัดการขายสำหรับกลุ่มข้าราชการ เป็นต้น
การจัดโครงสร้างการตลาดโดยอาศัยหลักเกณฑ์หลายวิธีร่วมกัน (CombinationOrganization Bases)
มักจะใช้ในธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ โครงสร้างขององค์กรการตลาดซึ่งแยกตามหน้าที่ร่วมกับผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
การจัดหาบุคคลเข้าทำงาน
การจัดหาบุคคลเข้าทำงาน ( Staff ) ประกอบด้วย การสรรหา ( Recruitment ) และคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน ( Selection) ในองค์กร ในกระบวนการคัดเลือกบุคคลเป็นสิ่งสำคัญมากโดยเฉพาะหน่วยงานขายเพราะหน่วยนี้เป็นหน่วยที่สร้างรายได้และกำไร โดยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีโปรแกรมการคัดเลือกหน่วยงานขายที่ดีเนื่องจากพนักงานที่ดียากที่จะสรรหาและทำให้เกิดความลำบากในการคัดเลือกด้วยการที่ได้พนักงานที่ไม่มีคุณภาพเมื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการก็จะกลายเป็นผู้จัดการไม่มีคุณภาพการคัดเลือกที่ดีจะทำให้งานการบริหารง่ายขึ้น พนักงานที่ได้รับการคัดเลือกที่ดีจะง่ายต่อการฝึกอบรม ควบคุมและจูงใจการคัดเลือกที่ดี โดยทั่วไปจะลดอัตราการออกจากงานและลดต้นทุนในการสรรหา การคัดเลือก และฝึกอบรมด้วย และพนักงานขายที่ได้รับการฝึกอบรมที่ดีจะสามารถทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้
การปฏิบัติการทางการตลาด
การปฏิบัติการทางการตลาด (Marketing Operating)
ในขั้นนี้จะเกี่ยวข้องกับการสั่งการและการปฏิบัติการทางการตลาดตามโปรแกรมที่วางไว้ งานที่เกี่ยวข้องในขั้นนี้จะประกอบด้วย การมอบหมายงาน การประสานงาน การจูงใจและติดต่อสื่อสาร ดังนี้
การมอบหมายงาน (Delegation)
ในขั้นนี้ผู้บริหารจะมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ความสามารถของผู้บริหารอาจจะวัดจาความสามารถของตัวเขา หรือวัดจากความสามารถในการมอบหมายงานก็ได้
การประสานงาน (Coordination)
หมายถึงการจัดให้กลุ่มบุคคลระหว่างฝ่ายต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้โดยบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
การจูงใจ (Motivation)
หมายถึงการชักนำ หรือโน้มน้าวคนให้มีทัศนคติและพฤติกรรมไปในทางที่ผู้จูงใจต้องการ การที่จะจูงใจพนักงานได้สำเร็จนั้นต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้บริหารที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ผู้จูงใจของพนักงานให้เป็นไปในทิศทางขององค์กร
การติดต่อสื่อสาร (Communication)
หมายถึง "การถ่ายทอดข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ โดยที่ผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสารต่างก็มีความเข้าใจในข่าวสารนั้น" การติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการปฏิบัติการทางการตลาด เพราะทำให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
การประเมินผลการทำงานทางการตลาด
การประเมินผลการทำงานทางการตลาด (Performance Evaluation) หมายถึง การตรวจสอบหรือวัดผลการปฏิบัติงานทางการตลาดและแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ผ่านมา เพื่อให้งานเป็นไปตามแผนการตลาดที่วางไว้ การประเมินผลเป็นงานขั้นสุดท้าย ในการบริหารการตลาด
กระบวนการประเมินผลการทำงานทางการตลาดมีดังนี้
การเปรียบเทียบผลการทำงานกับแผนการตลาด เพื่อดูว่าผลการทำงานเป็นอย่างไร (What happened?) เสร็จแล้วก็นำผลการทำงานนั้นไปเปรียบเทียบกับเป้าหมาย กลยุทธ์หรือยุทธวิธีหรือโปรแกรมการตลาดที่กำหนดไว้ ในขั้นนี้คือการวางแผนการตลาด เช่น วัดผลยอดขายจริงได้ 8 ล้านบาทจะนำไปเปรียบเทียบกับยอดขายที่กำหนดไว้ 10 ล้านบาท
วิเคราะห์สาเหตุที่เกิดผลในการทำงานนั้น (Why? it happened?) เป็นการค้นหาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นจากผลการทำงานที่แตกต่างจากแผนที่กำหนดไว้ เช่นวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย อาจเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ล้าสมัย
การแก้ไขปรับปรุง เป็นการพิจารณาว่าจะทำอะไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น (What to do?) แนวทางการแก้ไขปรับปรุงจะนำมาใช้ในการวางแผนการตลาดต่อไปในอนาคต เช่น ถ้าทราบว่าสาเหตุที่ยอดขายลดเนื่องจากผลิตภัณฑ์ล้าสมัย บริษัทจะต้องค้นหาความต้องการของลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งวางแผนโปรแกรมการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป
รูปแบบของการประเมินผลการทำงานทางการตลาด
รูปแบบของการประเมินผลการทำงานทางการตลาดที่ใช้กันมาก คือการวิเคราะห์ยอดขาย การวิเคราะห์ส่วนครองตลาด โดยมีรายละเอียดดังนี้
การวิเคราะห์ยอดขาย (Analysis of Sales Volume)
หมายถึง การเปรียบเทียบระหว่างยอดขายจริงกับยอดขายตามเป้าหมายในรูปแบบของจำนวนหน่วย หรือจำนวนเงิน (รายได้จากการขาย) การวิเคราะห์ยอดขายอาจจะถือเกณฑ์วิเคราะห์ยอดขายรวม ยอดขายสำหรับสายผลิตภัณฑ์หรือแต่ละผลิตภัณฑ์หรือแต่ละตรายี่ห้อ ยอดขายตามอาณาเขตต่างๆ และยอดขายตามกลุ่มลูกค้า เมื่อวัดยอดขายจริงได้แล้วจะนำมาเปรียบเทียบกับยอดขายตามเป้าหมายแล้ววิเคราะห์ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นและสาเหตุของปัญหารวมทั้งเสนอแนะวิธีแก้ไขปรับปรุงปัญหานั้นต่อไป
การวิเคราะห์ส่วนครองตลาด (Market share Analysis)
คำว่าส่วนครองตลาดหมายถึงอัตรายอดขายของบริษัทต่อยอดขายทั้งสิ้นของอุตสาหกรรม หรือยอดขายของคู่แข่งขัน ในการวิเคราะห์ส่วนครองตลาดบริษัทจะหาส่วนครองตลาดที่เกิดขึ้นแล้วนำไปเปรียบเทียบกับอัตราส่วนครองตลาดที่ได้กำหนดไว้ แล้ววิเคราะห์ถึงผลต่างที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุอะไรแล้วจึงหาวิธีแก้ไขปรับปรุงต่อไป
4. เรื่อง การค้าออนไลน์
1. ผลิตภัณฑ์และผู้รับบริการ
ผลิตภัณฑ์/บริการ (Product/Service)
ผู้ประกอบการชุมชนจะต้องพิจารณาผลิตภัณฑ์/บริการ ที่ตนเองนั้นมีอยู่ว่าเป็นสินค้าประเภทใด เหมาะสมกับผู้ซื้อกลุ่มใด บรรจุภัณฑ์มีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อสามารถกำหนดแนวทางการขายของตนเองได้ อีกทั้งสิ่งสำคัญของผลิตภัณฑ์/บริการ คือ การตั้งราคาที่เหมาะสมกับสินค้าและผู้ซื้อ เพื่อสร้างโอกาสทางการขายให้มากยิ่งขึ้นได้
รูปแบบสินค้า
สินค้าสะดวกซื้อ หมายถึง สินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคจะต้องซื้อบ่อยครั้ง โดยเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน เช่น ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ โดยมีความถี่ของการซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากต่อวัน และระดับราคาที่ขายได้อยู่ในระดับราคา ต่ำ-ปานกลาง
สินค้าเลือกซื้อ หมายถึง สินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคต้องมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติด้านต่าง ๆ จากผู้ขายหลายรายก่อนซื้อ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย ฯลฯ โดยมีความถี่ของการซื้อสินค้าระดับปานกลาง และระดับราคาที่ขายได้อยู่ในระดับราคา ปานกลาง-สูง
สินค้าเจาะจงซื้อ เป็นสินค้าหรือบริการที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ หรือมีตราที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ซื้อเต็มใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์นั้น เช่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สินค้าแบรนด์เนม สินค้าประจำตำบล เครื่องนุ่งห่มที่มีเอกลักษณ์ โดยมีความถี่ของการซื้อสินค้าระดับปานกลาง และระดับราคาที่ขายได้อยู่ในระดับราคา ปานกลาง-สูง
สินค้าไม่แสวงซื้อ เป็นสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคอาจรู้จักหรือไม่รู้จักก็ได้ แต่ไม่เคยคิดที่จะซื้อ มีลักษณะ 2 ประการคือ
1.เป็นสินค้าใหม่ที่ผู้บริโภคยังไม่รู้จัก
2.สินค้าซึ่งผู้บริโภคไม่มีความต้องการ โดยสินค้าประเภทนี้จะมีลักษณะเฉพาะ โดยมีความถี่ของการซื้อสินค้าระดับต่ำและระดับราคาที่ขายได้อยู่ในระดับราคาเฉพาะตัว เช่น ประกันชีวิต
หลักการพิจารณาสินค้าจับต้องไม่ได้ (บริการ)
สินค้าจับต้องไม่ได้โดยเป็นรูปแบบการให้บริการ ถือเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่สามารถขายให้กับผู้บริโภคได้ โดยให้บริการในรูปแบบต่างๆ เช่น โฮมสเตย์ ล่องเรือ ท่องเที่ยววิถีไทย และนวดแผนไทย ฯลฯ
บรรจุภัณฑ์ (Packaging)
บรรจุภัณฑ์ หมายถึง หน่วยรูปแบบของวัตถุภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง หรือห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ภายในไม่ให้เกิดความเสียหาย สะดวกในการขนส่งและบรรจุภัณฑ์นั้นจะต้องปกป้องตัวสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ดีจากแหล่งผลิตจนถึงมือลูกค้าโดยไม่ให้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้บรรจุภัณฑ์นั้น ๆ จะต้องมีต้นทุนของการผลิตที่ไม่สูงจนเกินไป
ประเภทของบรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ห่อหุ้มและสัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรง โดยทำหน้าที่ปกป้องสินค้าและความชื้นจากอากาศ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เสียคุณภาพ โดยมีรูปลักษณ์เป็นลักษณะต่างๆ เช่น ขวด กระป๋อง หลอด ถุง กล่อง เป็นต้น
บรรจุภัณฑ์ชั้นใน เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้มสินค้าหน่วยเล็กที่สุดไม่ให้ได้รับแรงกระแทกหรือความชื้นจากภายนอก บรรจุภัณฑ์ชั้นที่สองมีหน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ชั้นแรกไว้ด้วยกัน หรือเป็นชุดในการจำหน่ายรวมตั้งแต่ 2 – 24 ชิ้นขึ้นไป
บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวมขนาดใหญ่ ทำหน้าที่ในการป้องกันผลิตภัณฑ์ การขนถ่ายสินค้าให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วในระหว่างการขนส่ง ลักษณะของบรรจุภัณฑ์นี้ เช่น หีบ ไม้ลัง กล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุสินค้าไว้ภายใน
การตั้งราคา
ราคา (Price) หมายถึง จำนวนเงินที่บุคคลจ่ายขึ้นเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งแสดงเป็นมูลค่าที่ผู้บริโภคจ่ายเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากสินค้าหรือบริการ
ลักษณะของราคา คือ
1. ราคาเป็นมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
2. ราคาเป็นจำนวนเงินและสิ่งอื่นที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าและบริการ
การตั้งราคา
มูลค่า (Value) หมายถึง การรับรู้จากลูกค้าจากการเปรียบเทียบระหว่างคุณภาพของสินค้าหรือบริการกับราคาสินค้านั้น โดยเป็นการวัดในเชิงปริมาณของมูลค่าผลิตภัณฑ์เพื่อจูงใจให้ผลิตภัณฑ์เกิดการแลกเปลี่ยน
อรรถประโยชน์ (Utility) หมายถึง คุณสมบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถสนองความต้องการของมนุษย์ให้เกิดความพึงพอใจ
การตั้งราคาจะเกิดจาก 3 วัตถุประสงค์ คือ
1. การตั้งราคาโดยมุ่งกำไร
2. การตั้งราคาโดยมุ่งยอดขาย
3. การตั้งราคาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
การตั้งราคาโดยมุ่งกำไร
ราคาขาย = ต้นทุน + ค่าใช้จ่าย + ค่าโฆษณา + กำไรที่ประสงค์
การตั้งราคาโดยมุ่งยอดขาย
รายได้จากการขาย = ราคา x ปริมาณการขาย
การตั้งราคาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
การตั้งราคาของธุรกิจที่มีเป้าหมายอื่น ประกอบด้วย 2 กรณี คือ การตั้งราคาเพื่อเผชิญการแข่งขัน และการตั้งราคาเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งราคา
1.ต้นทุน (Cost)
2.ลักษณะความต้องการซื้อในปัจจุบัน (Demand for the Product)
3.เป้าหมายส่วนครองตลาดที่ต้องการ (Target share of the market)
4.การแข่งขันในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต (Present and potential competition)
5.ส่วนประสมทางการตลาดอื่นๆ (Other part of the marketing mix)
หลักการออกแบบตราสินค้า
ตราสินค้า หมายถึง ชื่อ คำ สัญลักษณ์ การออกแบบ หรือส่วนประสมของสิ่งดังกล่าวเพื่อระบุถึงสินค้าและบริการของผู้ขายรายใดรายหนึ่ง หรือกลุ่มของผู้ขายเพื่อแสดงถึงลักษณะที่แตกต่างจากคู่แข่งขันและสร้างการจดจำผลิตภัณฑ์/บริการ จากตราสินค้าได้ โดยลักษณะที่ดีของตราสินค้าจะต้องสะท้อนบุคลิกของสินค้า หรือลักษณะของสินค้า
2 การบรรจุและจัดส่งสินค้า
การบรรจุและจัดส่งสินค้า (Packing & Shipping)
การบรรจุสินค้า
การบรรจุสินค้าที่เหมาะสมจะช่วยให้การจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อ ส่งถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ผู้ประกอบการชุมชนจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ ได้แก่
ประเภทสินค้าที่ขนส่ง
ขนาดของกล่อง
บรรจุสินค้า
น้ำหนักรวมทั้งหมดของสินค้า
การห่อสินค้า
การปิดผนึกกล่อง
การติดฉลาก
ข้อจำกัดของสินค้า
1. พิจารณาขนาดบรรจุภัณฑ์และน้ำหนักของสินค้า
ขนาดบรรจุภัณฑ์และน้ำหนักของสินค้า จะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ประเภทบริการขนส่งนั้น เช่น ขนส่งด้วยมอเตอร์ไซด์ ขนส่งด้วยรถกระบะ ขนส่งด้วยรถตู้ ขนส่งด้วยรถบรรทุก ขนส่งด้วยเรือ ขนส่งด้วยรถไฟ ขนส่งด้วยเครื่องบิน และเงื่อนไขของบริษัทขนส่งที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ แต่ละรูปแบบการขนส่ง และบริษัทขนส่งจะมีข้อกำหนดและข้อกำจัดในเรื่องของขนาดและน้ำหนักที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องเลือกบรรจุภัณฑ์สินค้าให้มีขนาดและน้ำหนักเหมาะสมสำหรับการขนส่ง
2. บรรจุสินค้า
การบรรจุสินค้า เมื่อผู้ประกอบการเลือกรูปแบบการขนส่งแล้ว จะทำการบรรจุสินค้าให้มีความเหมาะสมกับกระบวนการจัดส่ง
การเลือกรูปแบบการขนส่งสินค้า
สิ่งที่ผู้ประกอบการชุมชนจำเป็นต้องคำนึงถึง ได้แก่
สินค้าส่งถึงปลอดภัยไม่เสียหาย
เหมาะสมกับมูลค่าสินค้า
จัดส่งสินค้ารวดเร็ว
ค่าใช้จ่ายน้อย
การรับประกันสินค้าระหว่างจัดส่ง
รูปแบบการขนส่งสินค้า
1. ไลน์แมน (LINE MAN)
เป็นบริการพนักงานส่งสินค้า ที่สามารถเรียกใช้ผ่านในแอพพลิเคชั่น LINE MAN บนโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ประกอบการสามารถใช้บริการพนักงานส่งสินค้าของไลน์แมน เพื่อจัดส่งพัสดุ เอกสาร อาหาร อื่นๆ ที่มีขนาดไม่ใหญ่ ระยะเวลาในการจัดส่งรวดเร็วภายใน 1 วัน หรือตามระยะทาง
2. ดีริเวอร์รี่ (Deliveree)
เป็นบริการรูปแบบใหม่ที่ให้บริการขนส่งสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเป็นการบริการขนส่งสินค้าจากต้นทางไปถึงปลายทางในปริมาณมาก โดยให้การให้บริการผ่าน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ หลายรูปแบบ เหมาะสมกับการส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก (Lot)
1.ลาล่ามูฟ (Lalamove)
บริการส่งของ ที่ส่งเสริมทางเลือกสำหรับบุคคลทั่วไป และธุรกิจ หรือผู้ประกอบการชุมชนขนาดเล็กที่ประกอบธุรกิจ เช่น ทำข้าวกล่องขาย ก็สามารถส่งข่าวกล่องได้ โดยมีจุดเด่น ในการส่งสินค้าในกรุงเทพ ถึงมือผู้รับภายใน 1-2 ชั่วโมง โดยเรียกพนักงานส่งสินค้าผ่านแอพลิเคชั่น แล้วมีพนักงานจะมารับสินค้า ไปส่งที่ปลายทางให้กับลูกค้า
2.สกู๊ตตาร์ (Skootar)
เป็นบริการรับส่งสินค้าผ่านแอพลิเคชั่น โดยเรียกพนักงานส่งสินค้า ในรูปแบบออนไลน์ โดยมีบริการรับส่งเอกสาร เก็บเช็ควางบิล ส่งของด่วนภายในวันเดียว ครอบคลุม กทม-ปริมณฑล ผู้ประกอบการชุมชนสามารถให้ พนักงานส่งสินค้า ช่วยรับส่งเอกสาร เก็บเช็ค วางบิล จ่ายเงิน เดินเรื่อง ตามที่ทำได้โดยมอบอำนาจ และเจ้าตัวไม่ต้องดำเนินการเอง แล้วก็ส่งพัสดุ อาหาร เก็บเงินปลายทาง และต้องไม่ผิดกฎหมาย โดยชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิต การธนาคารออนไลน์ หรือช่องทางอื่นๆได้
การจัดส่งแบบทั่วไป
1. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (Thailand Post)
ไปรษณีย์ด่วนพิเศษในประเทศ (EMS)
ไปรษณีย์ลงทะเบียนในประเทศ (Registerd)
โลจิสโพสต์
ไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ
พัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
2. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express)
เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) ให้บริการธุรกิจ ส่งของไปยังสาขาต่างๆ โดยมีรูปแบบการให้บริการทั้งแบบวันเดียว (Same Day) และบริการส่งวันถัดไป (Next Business Day) โดยมีจุดให้บริการกระจายทั่วประเทศ มีการบริการโทรแจ้งผู้รับสินค้า ก่อนเข้าจัดส่งสินค้า
3. นิ่มเอ็กซ์เพรส (Nim Express)
บริษัทนิ่มเอ็กซ์เพรส ให้บริการส่งสินค้าถึงสถานที่ปลายทางตามที่ลูกค้าต้องการ และ รับฝากสินค้าในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถมารับได้ มีบริการบรรจุสินค้า ณ จุดรับ - ส่งสินค้า ผู้ประกอบการชุมชนสามารถซื้อกล่องสำหรับบรรจุได้ที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมดำเนินการจัดส่ง
4. บริษัท เอ็นทีซี เอ็กซ์เพรส (NTC Express)
บริษัท เอ็นทีซี รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ด่วน มีความชำนาญด้านการขนส่ง โดยเน้นการให้บริการขนส่งที่รวดเร็ว นำสินค้าถึงมือผู้รับภายในวันเดียว พร้อมรับประกันความเสียหายเต็มมูลค้าสินค้าขนส่งสินค้า ผู้ประกอบการชุมชนที่จัดส่งสินค้าเป็นจำนวนมากสามารถใช้บริการได้
5. บริษัท เอ็น เอ็ม แอล จำกัด (NML LOGISTIC SOLUTION)
บริษัท เอ็น เอ็ม แอล จำกัด ให้บริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศสามารถจัดรถตามประเภทที่ลูกค้าต้องการรับสินค้าที่โรงงานของผู้ประกอบการชุมชน จัดส่งไปยังลูกค้าปลายทางหรือนำไปเก็บที่คลังสินค้าด้วยระบบการทำงานขนส่งที่ทันสมัยและรวดเร็ว ด้วยต้นทุนการขนส่งที่ต่ำโดยมีการจำแนกโซนการขนส่งเพื่อระบุราคา และระยะเวลาการจัดส่งสินค้า
การจัดส่งแบบฝาก
1.บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รับ – ส่งพัสดุภัณฑ์ด่วนทั่วไทย ส่งสินค้ารับได้ในวันถึงมือผู้รับปลายทางด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย โดยให้บริการแบบ การจัดส่งพัสดุ 1 ชิ้นส่งได้โดยไม่ต้องรอรวมปริมาณมากจัดส่งไปพร้อมกับรถโดยสารและรถรับส่งพัสดุภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่มีสถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ
2.บริษัท สมบัติทัวร์
บริษัทสมบัติทัวร์ให้บริการ รับ - ส่ง พัสดุภัณฑ์ด่วน ไปกับรถโดยสารในเส้นทางที่รถวิ่งผ่านจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เป็นประจำทุกวัน จึงสามารถจัดส่งพัสดุถึงปลายทางในเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วสมบัติทัวร์ที่เปิดให้บริการ
3.บริษัท นครชัยแอร์
บริษัท นครชัยแอร์ ให้บริการส่งพัสดุด่วนภายใน 24 ชม. สามารถใช้บริการส่งพัสดุด่วน ผ่านบริการที่สถานีขนส่งที่นครชัยแอร์ ทุกสาขา โดยพัสดุสามารถส่งไปยังเส้นทางต่างๆ ที่รถโดยสารนครชัยแอร์วิ่งผ่านหรือมีปลายทางไปถึง การส่งพัสดุของนครชัยแอร์ โดยมีการลงทะเบียนสินค้าที่ส่งผ่านระบบด้วยการทำงานออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์ทำให้อัตราค่าบริการเป็นมาตรฐานเท่ากันทุกสาขา
4.รถตู้โดยสารประจำทาง
การส่งของโดยฝากรถตู้โดยสารนั้นสามารถส่งได้ทุกที่ๆ รถตู้สายนั้นๆวิ่งผ่าน โดยผู้ส่งสามารถติดต่อได้โดยตรงได้ที่คนขับรถหรือที่จำหน่ายตั๋ว โดยแสดงความต้องการจะส่งของชิ้นนี้ไปที่นี้ ถ้ารถตู้ผ่านและมีการให้บริการก็จะรับส่งสินค้า
การตรวจสอบการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้ซื้อ
ระบบติดตามการขนส่ง (e-Tracking) หลังจากที่จัดส่งสินค้าเข้าสู่ระบบขนส่งเรียบร้อยแล้ว พัสดุที่ส่งไป ตราบใดที่สินค้ายังส่งไม่ถึงมือลูกค้า สินค้านั้นยังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ ซึ่งในการส่งสินค้าบางรูปแบบสามารถตรวจสอบสถานะการขนส่งได้ว่า ณ ตอนนี้ การขนส่งดำเนินไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าของร้านค้าออนไลน์ได้
3. การเปิดร้านค้าออนไลน์
เครื่องมือการทำตลาดออนไลน์
แบบขั้นต้น (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
เครื่องมือการทำการตลาดดิจิทัลขั้นต้น แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เหมาะสมกับผู้ประกอบการชุมชนเพื่อจัดทำช่องทางการตลาดดิจิทัลให้รองรับกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้า โดยผู้ประกอบการจะต้องมีบัญชีอีเมล์และบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งสามารถเปิดช่องทางในการประชาสัมพันธ์ได้ด้วยการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์แบบขั้นต้น แบบไม่มีค่าใช้จ่ายที่มีความนิยม คือ การเปิดเพจร้านค้าบนเฟซบุ๊ก
และการเปิดบัญชีไลน์แอด โดยทั้งระบบทั้งสองจะมีคุณสมบัติในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการพูดคุยโต้ตอบ รวมทั้งการทำโปรโมชั่นสินค้า
เฟซบุ๊กเพจ (Facebook Fanpage)
เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้การมีตัวตนของร้านค้า โดยผู้ประกอบการชุมชนสามารถสร้างเรื่องราว (Story) ของร้านค้าเพื่อบอกเล่าให้ผู้ที่เข้ามาได้รับทราบเรื่องราวของร้านค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการชุมชนกำลังจำหน่าย การเปิดใช้เฟซบุ๊กเพจไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ แต่ถ้าหากต้องการจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กได้เห็นร้านค้าหรือเห็นโปรโมชั่นร้านค้า จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือการทำการตลาดดิจิทัลแบบขั้นสูง (มีค่าใช้จ่าย)
ไลน์แอด (Line@)
เป็นบัญชีทางการรูปแบบใหม่ (Official Account) สำหรับการเปิดเป็นช่องทางสำหรับการติดต่อกับลูกค้า ที่ตอบสนองผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อใช้เป็นช่องทางหลักที่มีคุณสมบัติ การติดตามได้ไม่จำกัด มีผู้ดูแลได้มากถึง 100 คน มีฟังก์ชั่นการกระจายข้อความข้อความ และการโต้ตอบอัตโนมัติและระบบอื่นๆที่รองรับ โดยสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งบนโทรศัพท์ได้ โดยค้นหาคำว่า Line@ จาก Google Play Store และ AppStore โดยใช้บัญชีอีเมล์เป็นข้อมูลสำหรับการสมัครใช้งาน
แบบขั้นสูง (มีค่าใช้จ่าย)
เครื่องมือการทำการตลาดดิจิทัลขั้นสูง แบบมีค่าใช้จ่าย เหมาะสมกับผู้ประกอบการชุมชนที่มีศักยภาพต้องการสร้างรายได้และการแข่งขันทางการตลาด เพื่อทำการส่งเสริมช่องทางการตลาดดิจิทัลให้กลุ่มเป้าหมายของสินค้า ได้รับรู้และเห็นร้านค้าและสินค้า โดยใช้เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ในการนำเสนอข้อมูลให้กับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเทคนิคการทำการตลาด วิธีต่างๆ โดยมีค่าใช้จ่ายตามเป้าหมายที่ต้องการให้รับทราบเนื้อหา โดยมีการนิยมใช้งานทั้ง เฟซบุ๊ก และการเปิดบัญชีไลน์แอด โดยระบบทั้งสองจะมีคุณสมบัติในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการพูดคุยโต้ตอบ รวมทั้งการทำโปรโมชั่นสินค้า โดยเครื่องมือแต่ละตัวมีคุณสมบัติพิเศษดังต่อไปนี้
เฟซบุ๊กเพจ (Facebook Fanpage)
เฟซบุ๊กเพจ มีคุณสมบัติทางการตลาดดิจิทัล โดยมีความสามารถจัดทำการโปรโมทเพจ โปรโมทโพสที่ตนเองสร้างขึ้นบนเฟซบุ๊กให้กลุ่มเป้าหมายที่ใช้งานเฟซบุ๊กได้เห็นได้ โดยจะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้สอดคล้องกับสินค้าได้เพื่อให้การประชาสัมพันธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีการคำนวนค่าใช้จ่าย และประมาณการผู้ที่จะเห็นข้อมูลข่าวสาร โดยผู้ประกอบการชุมชนจะต้องระบุและตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายของตนเองให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จำหน่าย
ไลน์แอด (Line@)
ไลน์แอด สำหรับผู้ประกอบการชุมชนนั้น หากใช้ฟังก์ชั่นที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายแล้วต้องการประกาศให้ผู้ติดตามทราบโปรโมชั่นมากยิ่งขึ้น กว่า 1,000 ข้อความต่อเดือน หรือ 4 โพสบน Timeline จะมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการไลน์แอด โดยผู้ประกอบการชุมชนสามารถเลือกใช้บริการได้ตามกลุ่มเป้าหมาย โดยชำระเป็นค่าบริการรายเดือนสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้บริการได้ โดยคุณสมบัติของการกระจายข้อความ (Broadcast) ให้ผู้ติดตามทุกคนรับทราบนั้น จะช่วยสร้างการรับรู้โปรโมชั่นของลูกค้าได้
4. ส่งเสริมบริหารการขาย
บริหารการขาย (Shop Management)
การจัดเตรียมสินค้า
การจัดเตรียมสินค้าเพื่อรองรับการสั่งซื้อของผู้บริโภคนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และพร้อมที่จะจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้โดยไว ดังนั้นจะต้องเตรียมการสินค้าให้พร้อม โดยจะต้องปริมาณความต้องการของลูกค้า (Demand) และการสนับสนุนสินค้า (Supply) ไว้อย่างเหมาะสม
การตรวจสอบรายการคำสั่งซื้อ
หากร้านค้าออนไลน์ ไม่มีสินค้าใหม่ ไม่มีการปรับปรุงโปรโมชั่น ไม่มีการตรวจสอบรายการคำสั่งซื้อ ก็จะทำให้ร้านค้าออนไลน์ขาดการเคลื่อนไหวไม่มีการอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ไม่มีการสื่อสารกับผู้เข้าชมก็จะเกิดผลเสียต่อร้านค้าออนไลน์ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีทักษะในการใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเข้าใจระบบร้านค้าออนไลน์รวมไปถึงเทคนิคทางการตลาด
การรับคำสั่งซื้อจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network Chat)
เช่น การทำโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) แล้วมีลูกค้าสนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถดำเนินการส่งลิงค์สำหรับการสั่งซื้อสินค้า หรือให้บริการผ่านแชทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น คุณยายอนงค์เปิด Facebook Page : ยายอนงค์ผลไม้ดอง มีลูกค้าสนใจซื้อโดยสั่งผ่านข้อความ ดังนั้นคุณยายอนงค์จะต้องบริหารจัดการรับรายการสั่งซื้อผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถใช้โปรแกรมโต้ตอบอัตโนมัติช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าได้ โดยสามารถใช้คุณสมบัติตัวช่วยการโต้ตอบ ในการส่งการตอบกลับด่วนถึงคนที่ส่งข้อความหาเพจของคุณยายอนงค์ เพื่อให้คุณยายมารับรายการสั่งสินค้า หรือตอบคำถาม เพื่อให้สามารถปิดการขายได้
การตรวจสอบการชำระเงิน
เมื่อมีการตรวจสอบรายการคำสั่งซื้อแล้ว ขั้นตอนต่อมาควรทำการตรวจสอบการชำระเงินจากลูกค้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจและจะได้ทำการส่งสินค้าไปยังลูกค้าเป็นลำดับต่อไป โดยการตรวจสอบการชำระเงินนั้นสามารถทำได้ ดังนี้
ปรับรายการสมุดเงินฝากอัตโนมัติ (Update Passbook)
สมัครข้อความแจ้งเตือน (SMS Alert)
ใช้บริการธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking