กินต๋าน...งานป๋าเวณีสลากย้อม
กินต๋าน...งานป๋าเวณีสลากย้อม
ประเพณีการทานสลากย้อม
การทานสลากย้อม ภาคเหนือนิยมเรียกว่า "การทานก๋วยสลาก” คือการทานสลากภัตต์ในวันเพ็ญเดือนสิบสำหรับจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ทำเป็นประเพณีทุกปี (ปัจจุบันการทานสลากย้อมยังมีอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากสลากย้อมเป็นสลากที่มีขนาดใหญ่และต้องใช้เวลามากในการจัดเตรียมข้าวของและจัดทำสลากดังกล่าวนี้) โดยเฉพาะในตำบลริมปิง ประตูป่า หนองช้างคืน และตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน ในการทานสลากของเขามีการทานสลากย้อมด้วย การทานสลากย้อมนี้ โดยในอดีตเชื่อกันว่าเป็นหน้าที่ของหญิงสาวที่จะพึงทานโดยเฉพาะ ฉะนั้น เมื่อหญิงสาวคนใดอายุขัยอยู่ในวัยการเป็นสาว มีความสามารถพอที่จะทำงานได้ พ่อแม่ก็จะแนะนำให้ลูกทราบถึงหน้าที่ที่หญิงสาวพึงปฏิบัติเป็นเบื้องแรก คือการเก็บหอมรอมริบเงินทองที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เพื่อรักษาไว้ทานสลากย้อม โบราณกล่าวว่าหญิงใดยังไม่ได้ทานสลากย้อมหญิงนั้นไม่สมควรจะแต่งงาน ถ้าหญิงใดทานสลากย้อมแล้วเขาถือว่าแต่งงานเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีได้
เพราะประเพณีทำให้เกิดผลดี คือเป็นการสอนให้รู้จักการเก็บหอมรอมริบ รู้จักมัธยัสถ์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการเก็บเงินเพื่อทำสลากย้อมประมาณ ๔-๕ ปี เกิดนิสัยมัธยัสถ์ขึ้นได้ เมื่อหญิงสาวมีเงินพอที่จะทานสลากย้อมแล้ว เขาจะเริ่มซื้อของตระเตรียมไว้ทีละเล็กละน้อยตั้งแต่สร้อยคอท้องคำ เข็มขัดเงิน และเครื่องเรือนครบทุกชิ้น นอกนั้นเป็นส้มสุกลูกไม้ โดยเฉพาะกล้วยใส่ทั้งเครือ มะพร้าวใส่ทั้งทะลาย และยังมีขนมนมเนยทุกอย่างใส่อีกด้วย ต้นสลากย้อมนิยมทำสูงประมาณ ๕-๖ วา ที่สุดยอดของต้นสลากย้อมนี้ เขามักปักร่มกางกั้นไว้ ตามกลอนและเชิงชายของร่ม
จะห้อยย้อยไปด้วยสร้อยคอและเข็มขัดตลับเงินและเงินเหรียญประดับประดาอย่างสวยงาม ลำต้นของสลากย้อมใช้ฟางมัดล้อมรอบเพื่อง่ายแก่การปักไม้สำหรับแขวนผลไม้และสิ่งของต่างๆ กระดาษสีที่นำมาประดับนับเป็นร้อยแผ่น ที่จะเรียกว่าย้อมสมบูรณ์นั้น จะต้องมีประวัติของเจ้าของสลากอ่านให้คนทั้งหลายฟังด้วย การเขียนประวัติเจ้าของสลากย้อมนี้ จะต้องไปจ้างผู้ที่มีความชำนาญในการแต่งกลอนพื้นเมือง เป็นผู้แต่ง เขาเรียกว่า”ครรโลง” ผู้แต่งจะบรรยายด้วยลีลากลอนอันไพเราะ เล่าถึงชีวประวัติของเจ้าของสลากย้อม นับตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ในบทกลอนคือ "ค่าว” หรือ "ครรโลง” นี้ ผู้แต่งจะสอดแทรกคติธรรม ตลกขบขัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังและเจ้าของสลากย้อม ตามจังหวะที่เหมาะสม ตอนท้ายเป็นคำแผ่บุญและปรารถนาที่เจ้าของสลากย้อมได้ตั้งไว้ จบลงด้วยครรโลงธรรม ขณะแต่งดาสลากย้อมในเวลากลางคืน”ครรโลง”นี้จะช่วยกล่อมบรรยากาศในการแต่งดานั้น ครึกครื้นขึ้น
ปัจจุบันมีเพียงบางหมู่บ้านเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลือประเพณีดังกล่าวอยู่ เช่นที่ตำบลริมปิงตำบลต้นธง ตำบลประตูป่า ตำบลหนองช้างคืน ตำบลอุโมงค์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน.( 3 สิงหาคม 2559 ).ประเพณีการทานสลากย้อม.https://www2.m-culture.go.th/lamphun/ewt_news.php?nid=518&filename=index
แหล่งข้อมูลภาพ
นางสาวศุภิสรา กมลคุรุสกุล