"ผีขุนน้ำ" พลังความศรัทธา...
สู่วิถีชีวิตคนลุ่มน้ำแม่ธิ
"ผีขุนน้ำ" พลังความศรัทธา...
สู่วิถีชีวิตคนลุ่มน้ำแม่ธิ
ความเชื่อเรื่อง "ผี" ...ผู้บันดาล "น้ำฟ้า"...หล่อเลี้ยงชีวิตคนลุ่มน้ำ...จึงเกิดเป็นศรัทธาคู่วิถีชุมชน
ในสภาพที่วัฒนธรรมตะวันตกหลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และชุมชนอย่างรวดเร็ว วิถีชีวิตของชาวบ้านอาจปรับเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติของปุถุชนที่จะต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ชุมชนในตำบลบ้านธิ ยังคงวิถีชีวิตเป็นสภาพสังคมทางการเกษตรอยู่ตามเดิม และน้ำก็ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน จึงก่อเกิด “ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำ” มาตั้งแต่บรรพชนสืบทอดสู่คนรุ่นหลังให้ยึดถือปฏิบัติ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้คนในชุมชนเกิดความหวงแหนในจารีตประเพณีและสร้างความรักความสามัคคีในการที่จะร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมให้มากที่สุด
ดังคำที่ว่า “แม้กาลเวลาผ่านไป จารีตคงไว้อยู่คู่ชุมชน”
ศาลเจ้าพ่อขุนน้ำแม่ธิ
ที่รวมศรัทธาคนลุ่มน้ำธิ
เครื่องสังเวยผีขุนน้ำ
จากความร่วมมือชาวบ้าน
ขบวนแห่สามไต ที่ผ่านการตกแต่งตามวัฒนธรรม
ชาวบ้านแย่งเครื่องสังเวยหลังจบพิธีกรรม
ความเป็นมาของประเพณีวัฒนธรรม “ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำ”
“น้ำแม่ธิ...สายน้ำแห่งชีวิต”
น้ำแม่ธิ คือ ลำน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงไร่นาของชาวตำบลบ้าน 20 หมู่บ้าน มีแหล่งกำเนิดจากผืนป่า เทือกเขาสลับซับช้อน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอแม่ทาและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติตต่อกับห้วยลาน อำเภอแม่ออน จุดเริ่มต้นของลำน้ำเกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน ซึ่งได้แก่ ห้วยหก ห้วยปลาดุก แง่ซ้ายห้วยปู ห้วยส้าน ห้วยฟันฟาก ห้วยปูดอก ห้วยปลาก้าง ห้วยแม่มีน และห้วยเลี้ยงผี ซึ่งลำห้วยเหล่านี้ชาวบ้านธิ เรียกว่า “ขุนธิ” หมายถึง แหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญที่เรียกติดปากว่า "น้ำแม่ธิ" โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ในพื้นที่บ้านดอยเวียง ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ในฤดูน้ำหลาก และปล่อยลงสู่ลำน้ำแม่ธิในช่วงที่ฝนไม่ตก ราษฎรต้องการน้ำ เป็นผลทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้คน
พิธีกรรมเลี้ยงผีขุนน้ำ
นายวิเชียร ปัญญาใหญ่ (แก่เหมือง) ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงผีขุนน้ำ ไว้ว่าการเลี้ยงผีขุนน้ำเป็นเรื่องที่น่ายินดี เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาเพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลังได้สืบทอดฮีตฮอยเดิมและยึดถือปฏิบัติท่ามกลางกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพราะถ้าหากพวกเราต้องศึกษาวิเคราะห์ถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่บรรพชนของเราได้กระทำสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานจะเห็นได้ชัดว่า ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำเป็นกุศโลบายที่มุ่งสอนให้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความรัก ความสามัคคี รู้จักแบ่งปัน และที่สำคัญ ให้มีความกตัญญูรู้คุณของแม่นำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนในชุมชน การเลี้ยงผีขุนน้ำหรือต้นน้ำลำธารไหนก็ได้แต่ส่วนมากทำกันที่ต้นน้ำลำธารใหญ่ ๆ และสำคัญที่เป็นเหมือนเส้นสายชีวิตของเกษตรกรในแหล่งนั้น ๆ ส่วนเครื่องสังเวยต่าง ๆ ตลอดถึงวิธีการอาจแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นและความเชื่อถือ
คุณครูวิเชียร ปัญญาใหญ่ ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงผีขุนน้ำ กล่าวไว้ว่า “ผีขุนน้ำ” หรือ “เทวดารักษาน้ำ” เป็นลัทธิความเชื่อที่ถ่ายทอดจากบรรพชน หลายชั่วอายุคน การเลี้ยงผีขุนน้ำ ของชาวบ้านในสมัยโบราณ ผูกติดกับความเชื่อที่ว่า ผีขุนน้ำ สามารถที่จะบันดาลความผาสุก ความร่มเย็น ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ตลอดจนดูแลป้องกันให้คนในชุมชนอยู่รอดปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ และโรคภัยไข้เจ็บทั้งมวล ทุกปีจึงให้มีการบวงสรวง จัดหาเครื่องเซ่นไหว้บูชาเลี้ยงผีขุนน้ำ ณ ฝายเลี้ยงผีขุนน้ำแม่ธิ หมู่ที่ 9 บ้านดอยเวียง ทุกวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 กำหนดวันที่นี้ห้ามเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของชาวบ้านธิในอดีตว่า วันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี คือ เป็นวันเลี้ยงผีขุนน้ำ หากปีใดมี การเลี้ยงผีขุนน้ำ ไม่ตรงกับวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 จะก่อให้เกิดโทษมากกว่าคุณ เช่น ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามถดูกาล พืชสวนไร่นาเสียหาย เกิดโรคระบาดไปทั่ว จึงมักจะไม่มีการฝ่าฝืนจารีตดังกล่าว แก่ฝายหรือหัวหน้าเหมืองฝาย ต้องรับผิดชอบประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำ ก่อนจะถึงวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 หัวหน้าเหมืองฝายจะเป็นผู้แจ้งข่าวให้สมาชิกของแต่ละฝ่ายทราบเพื่อร่วมกันเตรียมการจัดพิธี โดยจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบเป็นฝ่าย ๆ ฝ่ายจัดการสถานที่ หัวหน้าเหมืองฝายที่ได้รับมอบหมายจะต้องนำสมาชิกเข้าป่าเพื่อจัดเตรียมสถานที่ที่จะประกอบพิธีก่อนวันเลี้ยงผี 1 วัน โดยทำการแผ้วถางจุดที่ทำพิธี ทำแคร่ยกพื้นสูงด้วยไม้ไผ่ สำหรับวางเครื่องบวงสรวง ส่วนเครื่องบวงสรวง จะประกอบด้วย เนื้อสัตว์ สุรา ดอกไม้ธูปเทียน ให้พร้อมก่อนรุ่งเช้าวันประกอบพิธี ฝ่ายพิธีการ ผู้รับผิดชอบจะต้องนำกรวยดอกไม้ธูปเทียน ไปบอกกล่าวให้ผู้ที่จะประกอบพิธีบวงสรวงหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ปู่จ๋าน" ทราบก่อนกำหนดวันประกอบพิธีพอเช้าตรู่ วันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 แก่ฝายพร้อมด้วยสมาชิกที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำเครื่องบวงสรวง จะต้องไปถึงจุดนัดหมายก่อนเพื่อจัดการฆ่าสัตว์ที่จะนำไปเซ่นไหว้ หลังจากชำแหละแล้วก็จะช่วยกันปรุงอาหาร ทำเป็น 4 ประเภท คือ ทำแกงหนึ่งอย่าง ชาวบ้านเรียกว่า “แกงอ่อม” และทำลาบดิบอีกหนึ่งอย่าง ส่วนที่เหลือก็จะเซ่นไหว้เป็นเนื้อสดทำเหมือนกันทั้ง 3 ชนิด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
เครื่องสำหรับสังเวยบูชา
มีเทียน 4 เล่ม ดอกไม้ 4 สวย (กรวย) พลู 4 สวย หมาก ขดหรือก้อม 4 ก้อม (1 ขดเอามาตัดครึ่งเท่ากับ 1 เมตร ) ช่อขาว (ธง) 4 ผืน มะพร้าว 2 แขนง กล้วย 2 หวี อ้อย 2 ลำ หม้อใหม่ 1 ใบ แกงส้ม แกงหวาน หัวหมู ไก่ต้ม สุรา และโภชนาการ 7 อย่าง รวมทั้งเมี่ยงและบุหรี่
ขั้นตอนการประกอบพิธี
พ่อหนานคำจันทร์ สายปั่น (ปู่จ๋าน) จะขึ้นเท้าทั้งสี่ หรือภาษาพื้นบ้านที่ชาวบ้านเรียกว่า “เต๊าตังสี่” คำอธิบาย เต๊าตังสี่ ให้กระทำ ดังนี้
ประกอบด้วย สะตวง จำนวน 6 อัน สะตวงทำด้วยกาบกล้วย ตัดยาวประมาณ 4 นิ้ว ทำเสาปักตรงกลาง สูงพอประมาณ สามารถที่จะวางกระทง เย็บเหลี่ยม ทำด้วยใบตองกล้วย แล้วปักลงพื้นดิน ข้าวในกระทง ใส่แกงส้มแกงหวาน มะเฟือง มะแวง ข้าวปลา อาหาร ปักจ้อ (ธงเล็ก) สีขาวทั้ง 4 อัน หมูหรือไก่ สะตวงสุดท้าย เรียกว่า หอพระอินทร์ มีสัญลักษณ์คือ ปักด้วยฉัตรทรงกลมสีเขียวในกระทงใส่ข้าวเหนียวปั้นเป็นลูกกลม ๆ พร้อมด้วยกล้วยสุก 1 ลูก
สะตวงสำหรับอัญเชิญเทพทั้งสี่ คือ เทวดาที่รักษาน้ำ รักษาป่า รักษาดินแดนและอากาศ ให้มารับรู้ถึงการประกอบพิธีของชาวบ้าน เมื่อทำพิธีเท้าทั้งสี่แล้ว ปู่จ๋านก็จะให้แก่ฝายนำเครื่องเซ่นไหว้ ประกอบด้วย เนื้อสัตว์ทั้งสุกและดิบ สุรา 2 ขวด ขึ้นไปวางไว้บนแคร่ที่จัดทำไว้ ปู่จ๋านจะจุดเทียน 2 เล่ม ซ้าย-ขวา จุดธูปหนึ่งกำมือ แจกจ่ายให้ผู้ร่วมพิธีนำมาปักไว้ตรงกลางระหว่างเทียนทั้งสองเล่ม การปักเทียน ธูปทั้ง 3 จุดนี้มี ความหมายถึง ให้เคารพและระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อจุดเทียนธูปแล้ว ปู่จ๋านจะกล่าวคำอัญเชิญเทวดาเพื่อให้มาชุมนุมรับเครื่องเซ่นไหว้ของชาวบ้าน เมื่อจบแล้วจะกล่าวคำแผ่เมตตาเป็นการเสร็จพิธีกรรม
ผลิตสื่อ โดย กศน.อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
วัฒนธรรมการเลี้ยงผีขุนน้ำความเชื่อ ความศรัทธา อันนำมาสู่วิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำธิ ให้อยู่ดีกินดี แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ จนเกิดเป็นประเพณีอันทรงคุณค่า สืบทอดไปยังอนุชนรุ่นต่อไป...
“เหมืองฝาย” จุดเริ่มต้นของประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำ
“เหมืองฝาย” ภูมิปัญญาชาวบ้านจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงผีขุนน้ำ เมื่อ 40-50 ปีก่อนชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนจะประกอบอาชีพหลักคือ ทำนา พื้นที่ปลูกข้าวมักจะปลูกกันที่ราบลุ่ม มีน้ำอุดมสมบูรณ์ อาศัยน้ำฝนในการทำการเกษตรซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “น้ำฟ้า” หากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรไปด้วย ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านทุกหมู่บ้านจึงต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการช่วยกันทำนบกั้นน้ำ หรือที่เรียกว่า “เหมืองฝาย” เพื่อกั้นน้ำเอาไว้ในลำน้ำแม่ ให้ไหลไปตามร่องหรือเหมืองในทิศทางที่ต้องการ ดังนั้น บรรดาชาวบ้านทั้งหลายจึงมีการประชุมเลือกหัวหน้าเหมืองฝายขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำในการสร้างฝาย ตลอดสายของลำน้ำแม่ธิจึงมีการสร้างฝายขึ้นเป็นจุด ๆ
เมื่อใกล้ฤดูฝน หัวหน้าเหมืองฝายจะนัดหมายให้เจ้าของนา ที่มีส่วนในการได้รับแบ่งปันน้ำของแต่ละฝ่าย จะต้องตัดไม้หลักมาคนละมัดใหญ่ ๆ ไม้ที่ใช้เป็นไม้ไผ่ชนิดที่ข้างในต้นไม่มีรูกลวง ขนาดสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ตัดปลายให้แหลมแล้วนำมาปักเรียงขวางตามลำน้ำ ใช้ไม้ท่อนตอกระหว่างหลักวางก้อนหินใหญ่แทรกลงไป หรือบางทีก็สานเป็นตะกร้าใส่ก้อนหินลงไปในลำน้ำเอาไม้หลักตอกกั้นไว้ ไม่ได้ใช้ไม้เสาท่อนใหญ่ หรือคอนกรีตขวางทางน้ำ ไม่มีประตู ปิด-เปิด เวลาฝนตกหนัก น้ำไหลแรงบางส่วนจะไหลเข้าเมือง ส่วนที่เหลือก็จะไหลล้นฝาย ไหลไปตามลำน้ำแม่ธิไปพบกับฝายถัดไป เวลาน้ำแรงจัดก็ทำลายฝายกั้นน้ำพังทลายลงไปทั้งแถบ ฉะนั้นจึงมีการซ่อมแชมกันทุกปี ปีละหลาย ๆ ครั้ง เวลาเหมืองฝายชำรุด หัวหน้าเหมืองฝายจะทำหน้าที่ประชุมชาวบ้านที่เป็นสมาชิก พากันไปตัดต้นไม้เพื่อช่อมแชม ในการทำงานทุกคนจะต้องร่วมกัน ถ้าไม่มาช่วยกันจะถูกปรับไหมเป็นเงิน เป็นข้าว หรือจะไม่ได้รับแบ่งปันน้ำจากเหมืองฝาย การแบ่งน้ำจะถูกกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด จากหัวหน้าเหมืองฝาย หรือที่เรียกว่า “แก่ฝาย” จึงไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะวิวาทแย่งชิงน้ำกัน ระบบเหมืองฝายของชาวบ้าน จึงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความรัก ความสามัคคี ของคนในชุมชน ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำได้ถูกกำหนดขึ้นพร้อม ๆ กับระบบเหมืองฝายของชาวบ้าน ยิ่งทำให้มองเห็นถึงความฉลาดของคนในสมัยโบราณ ที่สามารถนำเอาลัทธิความเชื่อ จารีตประเพณีของบรรพชนมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดพลังศรัทธาในการประกอบอาชีพ เป็นผลให้เกิดความสันติสุขขึ้นในสังคม
จุดมุ่งหมายในการเลี้ยงผีขุนน้ำ
เพื่อให้เกิดความสามัคคีซึ่งกันและกัน เช่น มีการประชุมตกลงกันก่อนจึงจะมีพิธีการเลี้ยง และเป็นการแสดงออกซึ่งความเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของส่วนรวม เช่น มีการเรี่ยไรเงินทองกันคนละนิดละหน่อย รวมถึงเพื่อแสดงความกตัญญูต่อสิ่งที่ให้คุณและให้ประโยชน์แก่ตนเอง เช่น การเลี้ยงผีขุนน้ำ ก็เพื่อต้องการแสดงความกตัญญูต่อธรรมชาติที่อำนวยความอุดมสมบูรณ์ให้กับมนุษย์และมองเห็นความสำคัญของธรรมชาติที่มีต่อมนุษย์
ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำเป็นกุศโลบายที่มุ่งสอนให้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมีความรัก ความสามัคคี รู้จักแบ่งปัน และที่สำคัญ ให้มีความกตัญญูรู้คุณของแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนในชุมชน ชี้ให้เห็นว่าพิธีกรรมของชาวไตลื้อบ้านธิ ที่สืบทอดมาจากบรรพชนของคนไทยกลุ่มหนึ่งในแผ่นดินสิบสองปันนา ได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานหลายศตวรรษเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ที่แสดงออกถึงจารีตประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เกี่ยวข้องระหว่างคนกับน้ำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรามักจะพบเห็นพิธีกรรมดังกล่าวในหลายชุมชนของคนล้านนาเฉกเช่นเดียวกับ ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ำของชาวตำบลบ้านธิ ที่บ้านดอยเวียง ถึงแม้ว่าการประกอบพิธีกรรมอาจจะผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็เชื่อได้แน่ว่าจุดประสงค์หรือเป้าหมายน่าจะอยู่บนพื้นฐานความเชื่อเดียวกัน
ข้อมูลการติดต่อ : นายวิเชียร ปัญญาใหญ่ ตำแหน่ง ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านธิ
ที่ทำการ : บ้านเลขที่ ๒๗/๑ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
หมายเลขโทรศัพท์ : ๐๘๑-๒๘๗๐๖๐๔
ข้อมูลเนื้อหา โดย นายวิเชียร ปัญญาใหญ่
เรียบเรียงเนื้อหา โดย นางวิไลวรรณ อุ๋ยสกุล
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวกานต์ชนก แก้วทิพย์