โครงการพระราชดำริ บ้านทุ่งจี้

อาจกล่าวได้ว่าลำปางคือจังหวัดเซรามิกของประเทศไทย ทุกทั่วหัวระแหงเราจะพบโรงงานเซรามิกอยู่กลาดเกลื่อน แม้วันนี้จะมีล้มหายตายจากไปก็มากจากพิษวิกฤตเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ โรงงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในเมือง ดำเนินธุรกิจเพื่อให้อยู่รอด ทั้งการหาตลาด การผลิตเพื่อให้ต้นทุนต่ำ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอยู่เสมอ แต่มีโรงงานเซรามิกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่าเขา ท่ามกลางบรรยากาศที่สดชื่น จุดประสงค์หลักของโรงงานเซรามิกแห่งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแต่ผลกำไรแต่เป็นการช่วยเหลือผู้คนในถิ่นนั้นให้มีรายได้ เพื่อจะได้ไม่ไปตัดไม้ทำลายป่าหรือไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โรงงานนี้คือโครงการพระราชดำริฯ บ้านทุ่งจี้ ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตเซรามิกที่สวยงามและมีคุณภาพอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง

ประวัติความเป็นมาของโครงการพระราชดำริบ้านทุ่งจี้


เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2539 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรบ้านใหม่พัฒนา อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง และได้มีราษฎรบ้านทุ่งจี้ ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน กราบบังคมทูลเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่รอยต่อของ อำเภอเมือง อำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และขอพระราชทานการส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎรเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับราษฎร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์กับแม่ทัพภาคที่ 3 ( พล.ท.ถนอม วัชรพุทธ ) และผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ( นายสหัส พินทุเสนีย์ ) ให้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นรอยต่อฯ 3 อำเภอดังกล่าวดังนั้น กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับจังหวัดลำปาง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหา โดยดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นนั้นได้จัดตั้งจุดตรวจ , จุดสกัด , การลาดตระเวนป้องปราม , การเฝ้าตรวจตราดูแล เป็นผลให้การตัดไม้ในพื้นที่หยุดชะงักลงชั่วคราว สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้นได้มีการจัดตั้ง โครงการพัฒนาพื้นที่รอยต่อ อำเภอเมือง อำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความต่อเนื่องเป็นรูปธรรม นอกจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเงินให้ทางจังหวัดลำปาง จำนวน 500,000 บาท รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างโรงทอผ้าศิลปาชีพขึ้น ในพื้นที่อำเภอเมืองปาน จำนวน 5 แห่ง คือ


1. โรงทอผ้าบ้านทุ่งจี้ - หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง

2. โรงทอผ้าบ้านไร่มูเซอร์ - หมู่ที่ 4 ตำบลหัวเมือง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง

3. โรงทอผ้าบ้านกล้วย - หมู่ที่ 2 ตำบลหัวเมือง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง

4. โรงทอผ้าบ้านศรีดอนมูล - หมู่ที่ 2 ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง

5. โรงทอผ้าบ้านป่าคาสันติสุข - หมู่ที่ 1 ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง


ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2540 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ เยี่ยมเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของโครงการฯ เป็นครั้งแรก และมีพระราชดำริฯ กับผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางให้จัดตั้งโรงงานเครื่องปั้นดินเผาขึ้น เพื่อผลิตของที่ระลึกประจำพื้นที่

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทางทุ่งจี้ได้ทำการผลิตอยู่นั้นก็มีทั้งงานหล่อแบบรูปสัตว์ต่างๆทั้งช้าง ม้า วัว ควาย และสัตว์ที่ขายดีมากๆของทุ่งจี้คือปูตัวขนาดใหญ่สีสันสดใสที่เป็นที่ชื่นชอบของคนที่มาซื้อ สำหรับงานแป้นหมุนนั้นก็มีทั้งการใช้ดินแดงพื้นบ้านปั้นแล้วเผาเตาฟืนเคลือบด้วยเคลือบออกไซด์และเคลือบขี้เถ้า งานแป้นหมุนแบบใช้ดินสโตนแวร์เนื้อขาวที่เอามาทำสีสวยๆได้รวมทั้งนำไปเขียนลวดลายที่สวยงามได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสมาชิกที่บ้านทุ่งจี้นี้มีความตั้งใจในการเรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆดีมากไม่ว่าจะเป็นงานที่ทางอาจารย์ทั้งสองมอบหมาย งานจากอาจารย์ของทางกรมวิทย์ งานจากอาจารย์ของทางวว. สมาชิกทุกคนก็พร้อมที่จะร่วมมือกันทำเป็นอย่างดีเป็นที่ชื่นใจแก่อาจารย์ที่มาให้ความรู้ และด้วยความที่บ้านทุ่งจี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยเป็นทางผ่านสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกแจ้ซ้อน ทำให้ตลอดปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของโครงการฯเป็นอย่างมากดังนั้นถ้ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของตลาด ต้นทุนการผลิตต่ำ และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการฯที่ดี ก็จะทำให้โครงการพระราชดำริแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนไทยและต่างชาติได้ไม่ยาก ซึ่งปัจจุบันนี้ราษฎรก็มีสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก มีงานมีรายได้เสริมให้กับครอบครัว กล่าวคือก่อนจัดตั้งโครงการฯ ราษฎรมีรายได้เฉลี่ยครอบครัว 10,000 – 15,000 บาท/ปี ปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยครอบครัวละ 30,000 – 35,000 บาท/ปี อีกทั้งยังสามารถช่วยรักษาผืนป่าไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตวป่าได้อย่างยั่งยืน จากเดิมในพื้นที่มีการลักลอบตัดไม้ แผ้วถางทำไร่เลื่อนลอย ทำให้พื้นที่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม สัตว์ป่าถูกล่าจำนวนมาก และมีปริมาณลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสภาพป่ามีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ขึ้น จำนวนต้นไม้มากขึ้น สัตว์ป่าเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น รวมทั้งปริมาณน้ำฝน และน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้น สามารถกักเก็บน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดทั้งปี