กศน.ตำบลท่าไม้

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอพรานกระต่าย

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดกำแพงเพชร

ประเพณี วัฒนธรรม(งานเทศน์ออกพรรษา)
ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร

ประเพณีการเทศน์มหาชาติจัดเป็นการทำบุญที่สำคัญและมีความหมายมากที่สุดในสังคมไทยเนื่องจากเป็น ประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่ทำสืบเนื่องมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบันเพราะความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์ มหาชาติแล้วจะได้กุศลแรงและหากใครตั้งใจฟังให้จบในวันเดียวจะได้เกิดร่วมและพบพระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์ ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต



การเทศน์มหาชาติ คือ การเทศนามหาเวสสันดรชาดก โดยปกตินิยมให้มีการเทศน์หลัง

ฤดูกาลทอดกฐินผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูหนาว ซึ่งอาจกระทำในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12

หรือวันแรม 8 ค่ำแต่สำหรับชนชาวอีสาน งานนี้จะนิยมกระทำกันในเดือน 4 อันเป็นฤดูกาลของ "งานบุญ

ผะเหวด" เป็นห้วงเวลาของการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง

และในภาคกลางก็นิยมทำในเดือน 5 ทั้งเดือน 4 และ 5 ในปีนี้อยู่คาบเกี่ยวกันระหว่างเดือน

มีนาคม และเดือนเมษายนแต่ว่าไปแล้วการเทศน์มหาชาติจะกระทำเวลาไหนก็ย่อมได้ เพราะเป็นการหาเงินเข้าวัดการเทศน์มหาชาติเป็นเรื่องใหญ่ และมีหลักใหญ่ๆ เป็นระเบียบพิธีที่นิยมกระทำกันดัง

ต่อไปนี้

1. ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่กับธรรมชาติมากที่สุด เป็นป่าเขาลำเนาไพร

อันเป็นสถานที่สำหรับพระภิกษุในสายอรัญวาสี มีการนำเอาต้นกล้วย ต้นอ้อย กิ่งไม้มาผูก

ตามเสา บริเวณรอบธรรมาสน์ประดับด้วย ธงทิว และราวัติ ฉัตร

2. ตั้งขันสาครใหญ่ หรือใช้อ่างใหญ่ ใส่น้ำสะอาดจนเต็ม สำหรับปักเทียนบูชาประจำ

กัณฑ์ระหว่างพระเทศน์ น้ำในภาชนะนี้เมื่อเสร็จพิธีแล้วถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ที่

สำคัญ

3. เตรียมเทียนเล็ก 1,000 เล่ม นับแยกจำนวนเป็นมัด มัดหนึ่งมีจำนวนเท่าคาถาของ

กัณฑ์หนึ่ง พร้อมกับทำเครื่องหมายไว้เพื่อทราบ ว่าสำหรับบูชาคาถากัณฑ์ใด เมื่อ

เทศน์ถึงกัณฑ์นั้นก็จุดเทียนปักโดยรอบภาชนะใส่น้ำ ครบ 13 กัณฑ์ ก็จะเท่ากับ 1,000

เทศน์มหาชาติ ประกอบด้วย 13 กัณฑ์ เป็นเรื่องราวของพระเวสสันดร อันได้ชื่อว่าเป็น

พระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนจะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและ

ออกบวช จนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า13 กัณฑ์ดังกล่าว คือ


กัณฑ์ที่ 1 "ทศพร" ก่อนจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของพระเวสสันดรภาคสวรรค์ เมื่อพระนางผุสดีสิ้นบุญ ท้าวสักกะเทวราชสวามี พาไปประทับยังสวนนันทวันในเทวโลกพร้อมกับให้พร 10 ประการ

กัณฑ์ที่ 2 "หิมพานต์" เป็นกัณฑ์ที่ว่าด้วย เมื่อพระนางเทพผุสดีจุติลงมาเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ามัททราช ครั้นเจริญพระชนม์ได้ 16 พรรษา ได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสญชัย ต่อมาได้ประสูติพระโอรสชื่อ พระเวสสันดร วันประสูติได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกสีขาวบริสุทธิ์ จึงได้นำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่พระบารมีให้นามว่า "ปัจจัยนาค"ต่อมาเมื่อพระเวสสันดรเจริญพระชนม์ชีพ 16 พรรษา พระราชบิดาได้ยกราชสมบัติและทรงอภิเษกสมรสกับพระนางมัทรี มีพระโอรส 1 องค์นาม ชาลี และพระธิดา 1 องค์ชื่อ กัณหาพระองค์ได้สร้างโรงทานขึ้น เพื่อบริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ พระนามของพระเวสสันดรในเรื่องของทานบริจาคระบือไกล จนถึงพระเจ้ากาลิงคะได้สดับ ก็มาขอพระราชทานช้าง "ปัจจัยนาค" ได้ทรงพระราชทานแก่พระเจ้ากาลิงคะตามที่กราบบังคมทูลขอชาวกรุงสญชัย พากันขับไล่พระเวสสันดรออกนอกพระนครนับแต่นั้น

กัณฑ์ที่ 3 "ทานกันณฑ์" พระเวสสันดรทรงแจกมหาสัตสตกทาน คือ การแจกทานครั้งยิ่งใหญ่ ก่อนที่พระเวสสันดรพร้อมด้วยพระนางมัทรี ชาลี และกัณหา ออกจากพระนคร การบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่นี้ประกอบด้วย ช้าง ม้า โคนม นารี ทาสี ทาสาสรรพวัตถาภรณ์ต่างๆ รวมทั้งสุราบานอย่างละ 700

กัณฑ์ที่ 4 "วนประเวศ" กล่าวถึงการเดินดงสู่เขาวงกตของสี่กษัตริย์ เมื่อถึงนครเจตราชได้ทรงประทับพักหน้าศาลาพระนคร กษัตริย์ผู้ครองนครเจตราชทราบข่าว ได้เสด็จมาทูลเสด็จครองเมือง แต่พระเวสสันดรทรงปฏิเสธครั้นเดินทางถึงเขาวงกตก็ได้พบศาลาอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมได้เนรมิตขึ้นตามพระบัญชาของท้าวสักกะเทวราช และกษัตริย์ทั้งสี่ได้ทรงผนวชเป็นฤาษีพำนักในอาศรมนั้น

กัณฑ์ที่ 5 "ชูชก" ในแคว้นกาลิงคะนั้น ยังมีพราหมณ์แก่คนหนึ่งชื่อว่าชูชก มีอาชีพเป็นขอทาน ครั้นได้เงินมาก็นำไปฝากไว้กับพราหมณ์ผัวเมียคู่หนึ่ง ครั้นมาทวงคืนไม่มีเงินคืนให้จึงยกนางอมิตดาให้เป็นภรรยา

นางอมิตดาทำหน้าที่ของภรรยาอย่างสมบูรณ์ จนเป็นขี้ปากชายทั้งหลายว่ากล่าวกับภรรยาของตนให้ดูนางอมิตดาเป็นเยี่ยงอย่าง บรรดาเมียทั้งหลายจึงพากันทุบตีนางอมิตดาชูชกจึงไปเฝ้าพระเวสสันดรที่เขาวงกต เพื่อทูลขอพระโอรสและพระธิดามาเป็นทาส

กัณฑ์ที่ 6 "จุลพน" เมื่อชูชกเดินทางมาถึงเขาวงกต ได้รับการขัดขวางจากพรานเจตบุตรผู้รักษาประตูป่า ชูชกได้ชูกลัดพริกขิงแก่พรานและอ้างว่าเป็นพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสญชัย พรานจึงพาไปที่อาศรมฤาษี

กัณฑ์ที่ 7 "มหาพน" เมื่อชูชกมาถึงอาศรมฤาษี ได้พบกับอจุตฤาษี ได้ใช้คารมหลอกล่อจนอจุตฤาษีหลงเชื่อ ยินยอมให้ชูชกพักแรมที่อาศรม 1 คืน ก่อนจะชี้ทางไปยังอาศรมของพระเวสสันดร

กัณฑ์ที่ 8 "กัณฑ์กุมาร" คืนนั้นพระนางมัทรีฝันร้าย เช้าขึ้นมาก็ออกป่าหาอาหารชูชกมาถึงเช้าเฝ้าทูลขอสองกุมาร สองกุมารหลบหนีลงไปซ่อนตัวอยู่ในสระบัวพระเวสสันดรลงเสด็จติดตาม และมอบสองกุมารให้กับชูชก

กัณฑ์ที่ 9 "กัณฑ์มัทรี" ถึงเวลาเย็นพระนางมัทรีกลับจากป่า มีเทวดาแปลงกายเป็นเสือนอนขวางทางจนตกเวลาค่ำเดินทางถึงอาศรม พระเวสสันดรกล่าวหาว่านางนอกใจ พระนางมัทรีเดินตามหาลูกทั้งสองจนเหนื่อยอ่อน กลับมาสิ้นสติต่อเบื้องพระพักตร ทรงตกพระทัยจนลืมว่าเป็นดาบส ตรงเข้าอุ้มพระนางมัทรีและทรงกันแสงเมื่อพระนางมัทรีฟื้นก็ทราบความจริงทุกอย่าง จึงทรงอนุโมทนา

กัณฑ์ที่ 10 "สักกบรรพ" ท้าวสักกะเทวราชแปลงเป็นพราหมณ์ เข้ามาทูลขอพระนางมัทรีพระเวสสันดรก็พระราชทานให้ เพื่อเป็นการร่วมทานบารมีให้สำเร็จ พระนางมัทรีก็ทรงอนุโมทนา เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวสะท้านจนท้าวสักกะในร่างพราหมณ์ยังมิยอมรับพระนางมัทรีไป พร้อมกับตรัสบอกความจริงแก่พระเวสสันดร และถวายพระนางมัทรีคืนพร้อมกับถวายพระพร 8 ประการ

กัณฑ์ที่ 11 "มหาราช" กล่าวถึงชูชกพาสองกุมารมาถึงป่าใหญ่ ผูกสองกุมารไว้โคนไม้ส่วนตนเองขึ้นไปนอนบนต้นไม้ เหล่าเทวดาแปลงร่างลงมาปกป้องสองกุมารชูชกพาสองกุมารเดินทางถึงกรุงสิพี พระเจ้ากรุงสิพีได้นิมิตฝันที่ดีมาก ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นสองกุมาร และทรงทราบความจริงจึงได้ทรงพระราชทานค่าไถ่


ต่อมาชูชกก็สิ้นชีพเพราะเดโชธาตุไม่ย่อย ชาลีได้ทูลขอให้ไปรับพระบิดาพระมารดานิวัตสู่พระนคร ขณะเดียวกัน พระเจ้ากาลิงคะก็ได้คืนช้างปัจจัยนาคแก่นครสิพีด้วย

กัณฑ์ที่ 12 "ฉกษัตริย์" พระเจ้ากรุงสญชัยเดินทางถึงเขาวงกต พร้อมด้วยกำลังทหารและเสียงโห่ร้อง ทำให้พระเวสสันดรคิดว่าเป็นข้าศึกก็แอบดูกับพระนางมัทรีอยู่บนยอดเขา พระนางมัทรีเห็นเป็นพระราชบิดาก็ทูลพระเวสสันดรทรงทราบหกกษัตริย์ทรงกันแสงเมื่อพบพระพักตรกันอีกครั้งหนึ่ง ป่าใหญ่ทั้งป่าก็ครืนครืน

ด้วยฝน

กัณฑ์ที่ 13 "นครกัณฑ์" เมื่อพระเจ้ากรุงสญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันก็ทรงออกผนวชพร้อมด้วยพระนางมัทรี เสด็จกลับสิพีนคร ท้าวโกสีห์ทรงบันดาลให้มีฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาท่วมเมืองสิพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรประกาศให้ประชาชนมาขนของเอาไปตามความปรารถนา ที่เหลือก็ขนเข้าพระคลังหลวง และทรงขึ้นครองสิพีนครด้วยความร่มเย็น

เทศน์มหาชาติกัณฑ์ว่าด้วยสองกุมารถูกชูชกขอไปเป็นทาส และกัณฑ์ที่พระนางมัทรี

ตามหาสองกุมารนั้น เป็นเรื่องราวที่กินใจประกอบกับท่วงทำนองในการเทศน์ ชวน

ให้เศร้าโศกจนผู้สดับหลายรายถึงกับน้ำตาไหล