ชุมชนตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ได้มีการสืบทอดประเพณีลากพระ หรือประเพณีชักพระ มาช้านาน
กิจกรรมที่ชุมชนจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกันส่งเสริมความผูกพัน ความรักความสามัคคีให้เกิดกับชุมชนผ่านกิจกรรมนี้
-การทำเรือพระ กิจกรรมการทำเรือพระ จะจัดขึ้น ที่วัดเขาย่า วัดโพรงงู สำนักสงฆ์สันติบรรพต สำนักสงฆ์วิจิตรประชาราม
(โหล๊ะเร็ด) ทุกวัดจะทำเรือพระ ระยะเวลาในการทำเรือพระ จะใช้ระยะเวลานาน เป็นรวมมือระหว่างพระสงฆ์และญาติโยม มาร่วมออกแบบประกอบเรือพระ
-การลากพระ หรือการชักพระ เมื่อถึงเทศบาล จังหวัดพัทลุงจะจัดงานลากพระ โดยการรวมเรือพระทุกตำบลลากจากตำบลไป สถานที่ ทะเลสาบลำปำ เพื่อนำเรือพระออกวัดไปบอกบุญญาติโยม ตลอดแนวทางการลากพระ จะมีญาติโยมออกมาร่วมลากพระ ร่วมทำบุญสร้างเอกลักษณ์ความรักความสามัคคีสืบสานเป็นวัฒนธรรมสืบต่อกันมา
ประเพณีลากพระ หรือประเพณีชักพระ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ประเพณีลากพระในสมัยก่อนนับว่าเป็นประเพณีใหญ่ทั้งชาวบ้านและชาววัด คือ ชาวบ้านต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมข้าวเหนียวทำต้ม เตรียมที่จะช่วยเหลือวัดตามที่ทางวัดต้องการ และทางวัดก็ต้องเตรียมจัดทำเรือพระสำหรับให้ชาวบ้านทำพิธีชักลาก เตรียมการโฆษณาให้ชาวบ้านทราบด้วยการตีโพนประโคมทั้งกลางวันและกลางคืน ประเพณีลากพระนี้นับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ มีเวลาได้พบปะวิสาสะกัน แต่งกายประกวดประชันกัน ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ก่อนการลากพระ ๔ – ๕ วัน หนุ่มสาวจะต้องเตรียมจัดหาเสื้อผ้าใหม่สำหรับแต่งตัวในวันลากพระ
"""""""""""ประวัติเดิมเกี่ยวกับการลากพระนี้ เล่ากันว่าเวลาเข้าพรรษา หรือเรียกว่า พรรษากาลนั้น คือตั้งแต่เดือน ๘ แรม ๑ ค่ำ จนถึงเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ รวมเวลา ๓ เดือน เป็นเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเมื่อถึงเดือน ๑๑ แรม ๑ ค่ำ เป็นวันที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาสู่มนุษยโลก ปะชาชนพลเมืองที่ทราบข่าวต่างก็พากันไปเฝ้าต้อนรับด้วยความยินดีและทำการสักการะบูชา
พระพุทธองค์ นำพระพุทธองค์ไปสู่ที่ประทับในการนำเสด็จพระพุทธองค์ไปสู่ที่ประทับนั้น ได้จัดทำบุษบกสำหรับพระพุทธเจ้าประทับ แล้วนำขบวนแห่กันไปกลายเป็นประเพณีลากพระมาจนบัดนี้
"""""""""""ในการที่ประชาชนพลเมืองไปทำการต้อนรับพระพุทธองค์นั้นต่างก็เตรียมภัตตาหารไปถวายด้วย และเนื่องจากมีประชาชนแห่แหนกันไปมาก จึงเป็นเหตุให้ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายไม่อาจนำภัตตาหาร ที่เตรียมไปนั้นถวายถึงพระพุทธองค์อย่างทั่วถึง ดังนั้นประชาชนที่อยู่ห่างออกไป
จึงนำอาหารของตนห่อด้วยใบไม้แล้วส่งต่อกันไปถวาย ส่วนคนที่อยู่ห่างไกลออกไป มาก ๆ ก็ปาอาหารที่ห่อด้วยใบไม้แล้วไปถวาย การนำอาหารมาห่อด้วยใบไม้เลยกลายเป็นการห่อข้าวต้มด้วยใบกะพ้อที่เรียกว่า “ต้ม” และอาการที่ปาอาหารเข้าไปก็กลายเป็น “การซัดต้ม” สืบต่อมาด้วย
"""""""""""การเตรียมลากพระ วัดที่จะทำการลากพระจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าโดย
"""""""""""๑. การตีโพนประโคมพระ ก่อนวันลากพระประมาณไม่น้อยกว่า ๗ วัน จะมี การประโคมด้วย “การตีตะโพน” หรือ “โพน” หรือเรียกว่า “คุมโพน” ตามที่นิยมเรียกกันทางภาคใต้มี ๒ ใบตีสลับกัน จะมีการประโคมทั้งกลางวันและกลางคืน อันเป็นการเตือนให้ชาวบ้านทราบว่า ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ที่จะถึงนี้ จะมีการลากพระ เพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมตัวจัดหาสิ่งของในการลากพระไว้ให้พร้อม
"""""""""""๒. การทำเรือพระ ก่อนหน้าจะมีการลากพระ ๒ – ๓ วัน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด จะไปช่วยพระสงฆ์ สามเณร เตรียมการทำบุษบกหรือที่เรียกกันว่า “เรือพระ” เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปให้เสร็จทันในวันลากพระ แต่ถ้าวัดใดจะต้องเตรียมการมากเพราะขาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็จะต้องมีการเตรียมล่วงหน้ามากขึ้นตามแต่ความจำเป็น การทำบุษบกเรือพระนี้ถ้าวัดใดอยู่ใกล้แม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเล เมื่อทำแล้วก็นำไปประดิษฐานบนเรือ ซึ่งเรียกกันว่า “ลากพระเรือ” วัดที่จะทำการลากพระทางบกก็ประกอบบุษบกบนโกลน ซึ่งเรียกว่า “นาค” เพื่อทำการลากบนพื้นดิน หรือเรียกว่า “ลากพระบก”
"""""""""""๓. การลากพระ หรือการชักพระ เมื่อถึงวันที่ได้กำหนดในการลากพระ พระสงฆ์จะประทับบนเรือพระ และสามเณร ชาวบ้านญาติโยม รวมกลุ่มกันเพื่อลากเรือพระ จากวัดของตัวเอง ตามถนนเส้นหลัก เพื่อให้ไปถึงจุดที่นัดหมาย จุดนัดหมายประจำจังหวัดพัทลุงคือ ทะเลสาบลำปำ ซึ่งจะมีการจัดงานใหญ่ประจำจังหวัดเพื่อให้แต่ละวัดในจังหวัดพัทลุง นำเรือพระ มาร่วมกิจกรรมประเพณีลากพระ
คำขวัญ ประจำจังหวัด... "เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาปงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน"