เมื่อเลยตัวเมืองอุดรฯ แล้ว(สุดทางเลี่ยงเมือง) ก็จะเป็นทางหลักสายเดิม มิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 2 จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 8 กิโล ถ้าจำไม่ แต่ยังไงไม่น่าเกิน 10 กิโล ให้สังเกตแยกแรกที่เจอเลยเป็นสามแยก เราจะเลี้ยวซ้ายไปแยกบ้านผือตามทางหลวงหมายเลข 2021........
ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งเรียนรู้ กศน. เมื่อ วันที 9 เมษายน 2563
เป็นแหล่งเรียนรู้หมวด โบราณสถานโบราณวัถุ
ประวัติความเป็นมา
เจ้าอาวาส องค์ปัจจุบัน เข้ามาอยู่วัดป่าแห่งนี้เมื่อ ปี 2544 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 9 แรม 1 เดือนกุมภาพันธ์เพราะได้รับการนิมนต์จากญาติโยมที่เขารู้จักมักคุ้นกันอยู่แล้วโยมคนนี้ป็นคนในตัวเมืองอุดรธานีกับชาวบ้านเห็นดีด้วยจึงไปรับตัวท่านที่สกลนคร ตอนนั้นอาศัยกับกับครูบาอาจารย์ที่นั้น..มีโยมไปรับประมาณ 3 คันรถร่วมสามสิบคนในวันนัดหมาย และครูบาอาจารย์ก็อนุญาตให้มาได้จึงออกจากวัด ครูบาอาจารย์ในวันที่กล่าวมาแล้ว ในวันนั้นมีครูบาอาจารย์ร่วมเดินทางมาส่งอีก 4 รูป ในวันที่เข้ามาอยู่ใหม่มีพระที่ติดตามมาอยู่ด้วย 2 รูปรวมกับท่านเป็นสามรูปพอดี
แรกๆวัดแห่งนี้มี หญ้ารกมาก ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา อาศัยบ่อบาดาล ที่ชาวบ้านเขาเจาะเอาไว้ให้ พระที่เคยมาอยู่ก่อนก็อาศัยน้ำบ่อนี้เป็นที่อาบน้ำสงฆ์ เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านเขาไม่เรียกวัดป่าโนนวิเวก แต่เขาเรียกว่า " โนนบ้านเก่า "เพราะคนแก่เล่าให้ฟังว่า สถานที่ตรงนี้ (วัด)เป็นที่อยู่ของชาวบ้านเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่อยู่กันไม่ได้ เกิดการล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงย้ายเข้าไปในหมู่บ้าน (บ้านเทื่อม) ถามคนแก่อายุแปดสิบปีว่าโบสถ์นี้เมื่อก่อนเป็นอย่างไรสมบูรณ์ดีกว่านี้หรือไม่คนแก่เล่าว่าเกิดมาจากท้องแม่พอรู้ความก็เห็นเป็นแบบนี้เลยหลังจากนั้นเจ้าอาวาสจึงมาเปลี่ยนเป็น " วัดป่าโนนวิเวก "
ในปัจจุบันที่ใช้ชื่อนี้เพราะว่าตอนนั้นไฟฟ้าก็ไม่มีเสียงอะไรก็ไม่มีรบกวน ตอนกลางคืน ก็เงียบมาก เพราะคนแถวนั้นกลัว..วัดนี้กัน