ชื่อโครงการ
โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) ณ. กศน.ตำบลทั้ง 5 ตำบล อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำวงจรคุณภาพของเดมิ่ง PDCA มาใช้ในการดำเนินงาน 4 ขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นตอนการร่วมกันวางแผน (Plan)
2. ขั้นตอนการร่วมกันปฏิบัติงาน (Do)
3.ขั้นตอนการร่วมกันประเมิน (Check)
4.ขั้นตอนการร่วมกันปรับปรุง (Act)
คน (กลุ่ม) ในชุมชนที่ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ
คณะผู้จัดทำได้ร่วมกันเสนอชื่อโครงการให้กับอำนวยการที่ปรึกษาโครงการ เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาระบบบัญชีครัวเรือน กรณีศึกษา:นักศึกษา กศน. อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 5 ตำบล
ลักษณะเด่นของโครงการ
การทำบัญชีครัวเรือน ถือว่ามีความสาคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางสู่ความพอเพียง ผู้ปฏิบัติจะต้องรู้จักประมาณตนเอง มีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ มีสติในการดำรงชีวิตซึ่งการวางแผนที่ดีนั้นจาเป็นจะต้องมีการจดบันทึกข้อมูลที่ถูกต้องมีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายของครัวเรือน เพื่อจัดทำเป็นบัญชีครัวเรือน และนำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาหาวิธีการเพิ่มรายรับและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เกิดความพอดีหากมีส่วนที่เหลือก็ให้เก็บไว้ออมเพื่อใช้ในอนาคต
บทความนี้ได้อธิบายถึงวิธีการจัดทำบัญชีครัวเรือนว่าส่วนใดที่ถือเป็นรายรับหรือรายจ่ายส่วนใดที่ถือว่าเป็นหนี้สินรวมทั้งวิธีการจดบันทึกที่ถูกต้องพร้อมทั้งยกตัวอย่างอธิบายวิธีการจัดทำอย่างง่ายเพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้สามารถทราบถึงสถานการณ์การใช้จ่ายของครัวเรือนตนเองและสามารถนำไปวางแผนเพื่อให้เกิดความพอเพียงตามกระแสพระราชดำรัสได้ต่อไปสมัยก่อนนี้พอมีพอกิน สมัยนี้ซักจะไม่พอมีพอกินจึงต้องมีนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนมีความพอเพียงได้ให้พอเพียงนี้หมายความว่ามีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรหูหราก็ได้แต่ว่าพอจากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าความพอเพียงหมายความว่าอย่างไรแล้วจะทาอย่างไรจึงจะดำรงชีวิตให้ “พอ” ตามกระแสพระราชดำรัสได้ความพอเพียงคือความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพื่อเตรียมรับผลกระทบต่างๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง หนทางสาคัญที่ทำให้การดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงได้สำเร็จ ประการหนึ่งก็คือ การบริโภคตามความจำเป็นและเหมาะสมของแต่ละครัวเรือน ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการวางแผนและบริหารการเงินอย่างรอบคอบมีเหตุผลและใช้สติในการดำรงชีวิต ดังนั้นการทำบัญชีครัวเรือนจึงถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ทำให้เราสามารถบริหารจัดการด้านการเงินของครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถบรรลุถึงการดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงการทำบัญชีครัวเรือนเป็นการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวันของครัวเรือนดังนั้นการทำบัญชีครัวเรือน จึงมีความสำคัญดังนี้
1.ทำให้ทราบรายรับรายจ่ายและหนี้สินของครัวเรือนรายรับเป็นเงินหรือของมีค่าครัวเรือนได้รับจากการประกอบอาชีพหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนเช่น เงินเดือนดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคารรายได้จากการขายสิ่งของเหลือใช้เป็นต้นหนี้สินเป็นเงินหรือของมีค่าที่ครัวเรือนได้รับจากแหล่งภายนอกโดยมีภาระที่ต้องชดใช้คืนในอนาคตเช่นการกู้ยืมเงินจากธนาคารการกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านการรับเงินช่วยเหลือต่างๆที่ต้องใช้คืนภายในระยะเวลาที่กำหนดการซื้อเงินผ่อนการเช่าซื้อและการซื้อสินทรัพย์เป็นเงินเชื่อเป็นต้นรายจ่ายเป็นเงินหรือของมีค่าที่จ่ายออกไปเพื่อให้ได้สิ่งของหรือบริการเช่นค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟฟ้าค่าอาหารเป็นต้น
2.ทำให้ทราบว่าครัวเรือนมีเงินคงเหลือเท่าใดในแต่ละวัน
3.นำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการเงินจัดลำดับความสำคัญของรายจ่ายและวางแผนการใช้จ่ายว่ารายจ่ายใดมีความจำเป็นรายจ่ายใดไม่มีความจำเป็นสามารถตัดออกได้บัญชีครัวเรือนสามารถจัดทำได้หลายรูปแบบแต่อย่างน้อยต้องมีการบันทึกข้อมูลรายรับและรายจ่ายปกติเป็นตาราง 6 ช่องประกอบด้วย ช่องแรกวันเดือนปีเพื่อบันทึกวันที่เกิดรายการนั้น ช่องที่สอง รายการเพื่อบันทึกเหตุการณ์ ช่องที่สาม รายรับเพื่อบันทึกจำนวนเงินที่ได้รับ ช่องที่สี่ รายจ่ายเพื่อบันทึกจำนวนเงินที่จ่ายออกไป ช่องที่ห้า ยอดคงเหลือเป็นช่องสรุปยอดเงินคงเหลือ และช่องสุดท้ายคือช่องการออมในแต่ละวันที่มีมาจากยอดคงเหลือที่เหลือจากค่าใช้จ่ายต่างๆ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย-เดชมีผู้ให้ความหมายของคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ไว้ดังนี้ดร.สุเมธตันติเวชกุล (2550, หน้า 45) ได้กล่าวสรุปความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริไว้ว่าหมายถึงเศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง (self-sufficiency) อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนซึ่งต้องสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตัวเองให้ดีเสียก่อนคือให้ตนเองสามารถอยู่ได้อย่างพอกินพอใช้มิได้มุ่งหวังที่จะสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจให้เจริญอย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียวศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศวะสี (2550, หน้า 5-6) กล่าวว่าเศรษฐกิจพอเพียงหมายถึงพอเพียงในอย่างน้อย 7 ประการด้วยกันคือ
1. พอเพียงสำหรับทุกคนทุกครอบครัวไม่ใช่เศรษฐกิจแบบทอดทิ้งกัน
2. จิตใจพอเพียงทำให้รักและเอื้ออาทรคนอื่นได้คนที่ไม่พอจะรักคนอื่นไม่เป็นและทำสิ่งแวดล้อมพอเพียงการอนุรักษ์และเพิ่มพูนสิ่งแวดล้อมทำให้ยังชีพและทำมาหากินได้เช่นการทำเกษตรผสมผสานซึ่งได้ทั้งอาหารได้ทั้งสิ่งแวดล้อมและได้ทั้งเงิน
3. ชุมชนเข้มแข็งพอเพียงการรวมตัวกันเป็นชุมชนเข้มแข็งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้เช่นปัญหาสังคมปัญหาความยากจนหรือปัญหาสิ่งแวดล้อม
4. ปัญญาพอเพียงมีการเรียนรู้ร่วมกันในทางปฏิบัติและปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง
5. อยู่บนพื้นฐานวัฒนธรรมพอเพียงวัฒนธรรมหมายถึงวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่สัมพันธ์อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายดังนั้นเศรษฐกิจจึงควรสัมพันธ์และเติบโตขึ้นจากพื้นฐานทางวัฒนธรรมจึงจะมั่นคงเช่นเศรษฐกิจขณะนี้กระทบกระเทือนจาก โรคโควิด – 19 ระบาดมีคนตกงานเพราะอยู่บนพื้นฐานของสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เอื้อต่อการระวังโรค
6.มีความมั่นคงพอเพียงไม่ใช่วูบวาบเดี๋ยวจนเดี๋ยวรวยแบบกะทันหันเดี๋ยวตกงานไม่มีกินไม่มีใช้ถ้าเป็นแบบนั้นประสาทมนุษย์คงทนไม่ไหวต่อความผันผวนที่เร็วเกินจนสุขภาพจิตเสียเครียดเพี้ยนรุนแรงฆ่าตัวตายติดยาเศรษฐกิจพอเพียงที่มั่นคงจึงทำให้สุขภาพจิตดี สรุปได้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงหมายถึงเศรษฐกิจที่สามารถทำให้เกิดความพอเพียงหรือพอประมาณกับตนเองอยู่ได้อย่างพอกินพอใช้ไม่เดือดร้อนเป็นการยึดทางสายกลางเมื่อทำอะไรก็ตามให้พอเหมาะพอควรมีเหตุมีผลและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองโดยอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน
๗.องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียง รงค์ ประพันธ์พงศ์ (2550, หน้า 34) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นทางสายกลางหรือแบบมัชฌิมาปฏิปทาตามหลักพุทธศาสนาค่านิยามเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วย 3 คุณลักษณะที่เป็นห่วงสอดร้อยประสานกันเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้แก่
1.ความพอประมาณหมายถึงความพอดีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
2.ความมีเหตุผลหมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการทำนั้นๆอย่างรอบคอบ
3.การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวหมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล นอกจากคุณลักษณะ 3 ห่วงดังกล่าวแล้วสิ่งสาคัญอีกอย่างหนึ่งคือการกาหนดเงื่อนไขไว้ 2 ประการเพื่อการตัดสินใจและดาเนินกิจกรรมต่างๆให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานนั่นคือเงื่อนไขต่อไปนี้
เงื่อนไขความรู้ประกอบด้วยความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทนมีความเพียรใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตอาจกล่าวได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือทางสายกลางที่ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นที่มาของนิยาม "3ห่วง2เงื่อนไข" ที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำมาใช้ในการรณรงค์เผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ อยู่ในปัจจุบันซึ่งประกอบด้วยความ "พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน"บนเงื่อนไข"ความรู้"และ"คุณธรรม"ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง อธิบายถึงการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาทโดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนการใช้ความรู้ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผนการตัดสินใจและการกระทำต่างๆ
ผลการดำเนินงานตามโครงการ
เพื่อให้ทราบถึงความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้มากิจกรรม ได้มีการจัดทำแบบประเมินสอบถามความคิดเห็นผู้รับบริการ เพื่อจะได้นำข้อมูลดังกล่าวจากผู้ตอบแบบสอบถาม มาศึกษาประมวลผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมในโอกาสต่อไป พอสรุปได้ดังนี้
วิธีดำเนินการประเมิน
วิธีดำเนินการประเมินในด้านผู้ให้ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 มีดังนี้
ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามการวิเคราะห์ข้อมูล
แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมจัดกิจกรรม และการวิเคราะห์ข้อมูล
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
1.1 เพศของผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) จำนวน 200 คน แบ่งเป็นเพศได้ดังนี้
หญิง จำนวน 92 คน
ชาย จำนวน 138 คน
1.2 อายุของผู้ตอบแบบสอบถามความคิดเห็นต่อการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) จำนวน 200 คน แบ่งเป็นช่วงอายุได้ดังนี้
- ระหว่าง 15-25 ปี จำนวน 52 คน
- ระหว่าง 26-35 ปี จำนวน 73 คน
- ระหว่าง 36-45 ปีชึ้นไป จำนวน 75 คน
๑.๓ ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) จำนวน 200 คน แบ่งเป็นระดับได้ดังนี้
- ประถมศึกษา จำนวน 30 คน
- มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 54 คน
- มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 65 คน
1.4 อาชีพของผู้ตอบแบบสอบถารความพึงพอใจต่อการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) จำนวน 200 คน เป็นอาชีพได้ดังนี้
- เกษตรกรรม จำนวน 108 คน
- ค้าขาย จำนวน 42 คน
- รับจ้างทั่วไป จำนวน 33 คน
- อื่น....... จำนวน 17 คน
ตอนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นต่อการจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน)
การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1) ตรวจให้คะแนนแบบสอบถามตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ของแบบสอบถามที่สมบูรณ์
หาค่าเฉลี่ยร้อยละ โดยรวมและในรายข้อทุกข้อ
วิเคราะห์เนื้อหา และเรียงลำดับความถี่สำหรับคำถามปลายเปิด
พิจารณาตามเกณฑ์การแปลผลที่ตั้งไว้
เกณฑ์ในการให้คะแนนแบบสอบถามให้คะแนนดังนี้
ระดับดีมาก ให้คะแนน 5 คะแนน
ระดับดี ให้คะแนน 4 คะแนน
ระดับพอใช้ ให้คะแนน 3 คะแนน
ระดับปรับปรุง ให้คะแนน 2 คะแนน
ระดับปรับปรุงเร่งด่วน ให้คะแนน 1 คะแนน
ผู้ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมจัดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (การทำบัญชีครัวเรือน) จำนวน 200 คน ได้นำมาศึกษาวิเคราะห์ และได้ผลการศึกษา