ลักษณะของดนตรีพื้นบ้าน คือ ดนตรีที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมในกลุ่มสังคมทุกกลุ่มทั่วโลก เพลงพื้นบ้านมักจะเป็นเพลงที่มีการร้องประกอบกันส่วนมาก จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “เพลงพื้นบ้าน” หรือFolk song โดยปกติดนตรีพื้นบ้านมักจะมีลักษณะดังนี้
1. บทเพลงต่าง ๆตลอดจนวิธีเล่นวิธีร้องมักจะได้รับการถ่ายทอดโดยการสั่งสอนกัน ต่อ ๆมาด้วยวาจา และการเล่นหรือการร้องให้ปัง การบันทึกเป็นโน้ตเพลงไม่ใช่ลักษณะตั้งเดิมของดนตรีพื้นบ้าน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันได้มีการถ่ายทอดดนตรีพื้นบ้านโดยการใช้โน้ตดนตรีกันบ้างแล้วตัวอย่างเพลงพื้นบ้านของไทยที่ถ่ายทอดกันมา เช่น เพลงเรือ เพลงลำตัด จะเห็นได้ว่าเพลงเหล่านี้มีการร้องเล่นกันมาแด,โบราณไม่มีการบันทึกเป็นตัวโน้ตและสอนกันให้ร้องจากตัวโน้ตแด,อย่างใด
2. เพลงพื้นบ้านมักเป็นบทเพลงที่ใช้ในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ มิใช่แต่งขึ้นมาเพื่อให้ปังเฉยๆ หรือเพื่อให้รู้สึกถึงศิลปะของดนตรีเป็นสำคัญ จะเห็นได้ว่าเพลงกล่อมเด็กมีขึ้นมาเพราะต้องการใช้ร้องกล่อมเด็กให้นอน เพลงเกี่ยวข้าวให้ร้องเล่นในเทศกาลเกี่ยวข้าว เนื่องจากเสร็จภารกิจสำคัญแล้วชาวนาจึงต้องการเล่นสนุกสนานกัน หรือเพลงเรือใช้ประกอบการเล่นเรือหน้านี้าหลาก เป็นต้น
3. รูปแบบของเพลงพื้นบ้านไม่ซับซ้อน มักมีทำนองหลัก 2-3 ทำนองร้องเล่นกันไป โดยการเปลี่ยนเนื้อร้อง จังหวะประกอบเพลงมักจะซํ้าซากไปเรื่อย ๆ อาจจะกล่าวได้ว่า ดนตรีหรือเพลงพื้นบ้านเน้นที่เนื้อร้อง หรือการละเล่นประกอบดนตรี เช่นการฟ้อนรำหรือการเต้นรำ
4. ลักษณะของทำนองและจังหวะเป็นไปตามลักษณะของกิจกรรม หรือการละเล่น เช่นเพลงกล่อมเด็กจะมีทำนองเย็น ๆ เรื่อย ๆ จังหวะช้า ๆ เพราะจุดมุ่งหมายของเพลงกล่อมเด็กต้องการให้เด็กผ่อนคลายและหลับกันในที่สุด ตรงกันข้ามกับเพลงรำวงจะมีทำนองและจังหวะสนุกสนานเร็วเร้าใจเพราะต้องการให้ทุกคนออกมารายรำเพื่อความครึกครื้น
5. ลีลาการร้องเพลงพื้นบ้านมักเป็นไปตามธรรมชาติ การร้องไม่ได้เน้นในด้านคุณภาพของเสียงสักเท่าใด ลีลาการร้องไม่ได้ใช้เทคนิคเท่าใดนัก โดยปกติเสียงที่ใช้ในการร้องเพลงพื้นบ้านไม่วาชาติใดภาษาใด มักจะเป็นเสียงที่ออกมาจากลำคอมิได้เป็นเสียงที่ออกมาจากท้องหรือศีรษะ ซึ่งเป็นลีลาการร้องเพลงของพวกเพลงศิลปะ
6. เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงพื้นบ้านมีลักษณะเฉพาะเป็นของท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ทำให้เราได้ทราบว่า ดนตรีพื้นบ้านที่ได้ยินได้ชมเป็นดนตรีของท้องถิ่นใด หรือของชนเผ่าใด ภาษาใด ตัวอย่างเช่นดนตรีพื้นบ้านของชาวอีสานมักจะมีแคน โปงลางทางภาคเหนือจะมีซึง สะล้อ เป็นต้นเพลงพื้นบ้านจะพบได้ในทุกประเทศทั่วโลก เป็นเพลงที่มีผู้ศึกษาเก็บรวบรวมไว้ เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของชาติ เช่น ประเทศฮังการี นักดนตรีศึกษา คือโคดายและบาร์ต่อด ได้รวบรวมเพลง
ดนตรีเป็นสิ่งที่สอนให้เกิดขี้นไม่ได้เพราะเป็นความรู้สึกที่เกิดขี้นในจิตใจของแต่ละคน การสอนเป็น
เพียงการแนะแนวในการปงเพลง โดยมีการศึกษาเนื้อหาสาระดนตรีไปด้วยเพื่อให้ผู้นั้นเกิดความรู้สึกเมื่อได้ปงเพลงโดยตัวของตัวเอง ดังนั้นความซาบซึ้งในดนตรีจึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยดนตรีพื้นบ้านเป็นเสียงดนตรีที่ส่ายทอดกันมาด้วยวาจา ซึ่งเรียนรู้ผ่านการปงมากกว่าการอ่านและเป็นสิ่งที่พูดต่อกันมาแบบปากต่อปาก โดยไม่มีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรจึงเป็นลักษณะการสืบทอดทางวัฒนธรรมของชาวบ้านตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นกิจกรรมการดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานและช่วยสร้างสรรค์ความรื่นเริงบันเทิงเป็นหมู,คณะและชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความรักสามัคคีกันในท้องถิ่นและปฏิบัติสืบทอดต่อมายังรุ่นลูกรุ่นหลานจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ทางพื้นบ้านของท้องถิ่นนั้น ๆ สืบต่อไป