Search this site
Embedded Files
Skip to main content
Skip to navigation
ธิติวุฒิ 1/1
หน้าแรก
พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ 9
การเพาะพันธุ์กล้วย
อาหารประจำจังหวัดสุรินทร์
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์
คุณครูที่ปรึกษา
กิจกรรม
ผลงานนักเรียน/การศึกษา
ประวัติส่วนตัว
ธิติวุฒิ 1/1
หน้าแรก
พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ 9
การเพาะพันธุ์กล้วย
อาหารประจำจังหวัดสุรินทร์
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์
คุณครูที่ปรึกษา
กิจกรรม
ผลงานนักเรียน/การศึกษา
ประวัติส่วนตัว
More
หน้าแรก
พระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ 9
การเพาะพันธุ์กล้วย
อาหารประจำจังหวัดสุรินทร์
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์
คุณครูที่ปรึกษา
กิจกรรม
ผลงานนักเรียน/การศึกษา
ประวัติส่วนตัว
อาหารประจำจังหวัดสุรินทร์
อาหารประจำจังหวัดสุรินทร์
อังแกบบอบ
หรือ
ก็องแกบบอบ
(
เขมร
:
កង្កែបបោប
,
กงแกบโบบ
) บ้างเรียก
กบยัดไส้
หรือ
กบยัดอั่ว
[1]
เป็นอาหารที่ทำจากกบย่างยัดไส้ด้วย
สมุนไพร
นิยมรับประทานในช่วงวัน
สารทเขมร
หรือที่เรียกว่าแซนโฎนตา โดยเป็นอาหารพื้นบ้านใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่างหรืออีสานใต้ของ
ประเทศไทย
และยังพบในสำรับอาหาร
ชาวเขมร
ใน
ประเทศกัมพูชา
เรียก
ก็องแกบบก
[2]
โดยชื่ออังแกบบอบเป็น
ภาษาเขมรถิ่นไทย
แปลว่า "กบยัดไส้"
[1]
[3]
[4]
ส่วนประกอบสำหรับการทำอังแกบบอบ ได้แก่
กบนา
,
กระเทียม
,
ข่า
,
ตะไคร้
, ใบ
มะกรูด
,
พริก
,
หอมแดง
,
พริกไทย
, ใบ
กะเพรา
โดยจะแบ่งกบเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งจับไปตัดหัว ขา ควักเครื่องในออก แล้วล้างให้สะอาด ส่วนกบอีกส่วนหนึ่งจะนำมาโรยเกลือและสับให้ละเอียดเพื่อทำเนื้อส่วนนี้มายัดไส้
[1]
(บางแห่งอาจผสม
เนื้อไก่
ลงไปด้วยเล็กน้อย)
[3]
จากนั้นโขลกสมุนไพรทั้งหมดให้ละเอียดแล้วมาผสมคลุกเคล้าเข้ากับเนื้อกบสับเพื่อดับคาว เมื่อเข้ากันดีแล้วก็จะทำการยัดไปในช่องท้องของกบ แล้วนำไปย่างให้สุก
[1]
เมื่อสุกอาจทากะทิที่ผสมเครื่องปรุงรสเพื่อทำให้กลิ่นหอมขึ้น
[4]
และเมื่อย่างไม่ควรใช้ไฟแรง เพราะอาจทำให้ท้องกบแตก ดูไม่น่ารับประทาน
[1]
ส่วน
ก็องแกบบก
ของประเทศกัมพูชา จะมีกรรมวิธีต่างไปบ้าง คือจะลอกหนังกบออก จากนั้นจะนำเนื้อกบมาสับและผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิด ก่อนยัดใส่ในหนังตามเดิม แต่ส่วนผสมนั้นจะไม่ใส่พริกแบบอีสานใต้ของไทย หากแต่ใส่
ถั่วลิสง
ลงไปแทน ก่อนนำไปหนีบไม้ย่างให้สุก
[2]
[5]
ในประเทศไทย อังแกบบอบมีขายทั่วไปริมข้างทางแถบ
ชุมชนเชื้อสายเขมร
ในอีสานใต้ โดยเฉพาะในเขต
จังหวัดสุรินทร์
[3]
และจะขายดีในช่วงเทศกาล
สารทเขมร
หรือที่เรียกว่าแซนโฎนตา เพราะผู้คนจะหวนกลับภูมิลำเนาเพื่อทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ
สลอตราว หรือ แกงเผือก
ซึ่งเป็นเมนูที่นิยมทำในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว
หากเป็นสลอตราวสูตรพื้นบ้านจะใส่เผือกและปูนาเนื่องจากปูนาจะมีมากในช่วงเวลาดังกล่าว หรือเปลี่ยนเป็นใส่ปลาช่อน หรือกบแทนได้ เมนูนี้มีทั้งแบบใส่กะทิและไม่ใส่กะทิ โดยเน้นรสเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียกซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของแกง เคล็ดลับในการปรุงสลอตราวคือ รสชาติที่ชัดเจนของสมุนไพรหลายชนิด และกลิ่นหอมที่ได้จากใบอีออม หรือผักแขยง ชาวเขมรและชาวกูยบางกลุ่ม นิยมปรุงสลอตราวให้มีรสชาติอ่อนลงเพื่อรับประทานเปล่า ๆ เนื่องจากมีเผือกต้มสุกเป็นส่วนผสมที่ใช้แทนข้าวได้ สลอตราวเป็นอาหารจานเด็ดที่ไม่ควรพลาด หารับประทานที่ไหนไม่ได้นอกจากเมืองสุรินทร์เท่านั้น
ซันลอเจก เป็นสัญลักษณ์ของการตัดเยื่อใยหรือความห่วงหาระหว่างผู้ที่เสียชีวิตกับญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อจะได้ไปสู่ความสงบสุขที่แท้จริง การทำซันลอเจกนั้น จะเริ่มจากการโขลกพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หัวหอม กระเทียม และเกลือรวมกันให้ละเอียดเป็นพริกแกง และมีหัวใจหลักของแกง คือ กล้วยดิบที่ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ นำไปแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำเกลือ เพื่อไม่ให้กล้วยที่ปอกแล้วกลายเป็นสีดำ จากนั้นจึงนำหัวกะทิเคี่ยวให้แตกมัน ใส่พริกแกงลงผัดให้หอมเติมหางกะทิ รอให้เดือดแล้วใส่ไก่ลงไปผัด พร้อมเติมน้ำกะทิที่เหลือ เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วย และปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาร้า ใส่ใบมะกรูด ใบแมงลัก ใบชะอม แล้วยกลงเสิร์ฟ โดยเมนูนี้มีเอกลักษณ์อยู่ที่สีสันรสชาติที่เผ็ดจัดจ้านและมีความหอม มัน และกลมกล่อมด้วยเครื่องปรุง
"
เบาะโดง
" เมนูท้องถิ่น จ.สุรินทร์ ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม คัดเลือกเป็นส่วนหนึ่งของการตามหารสชาติที่หายไป TheLostTaste โดยร่วมกับ สนง.วัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "หนึ่งจังหวัดหนึ่งเมนูเชิดชูอาหารถิ่น"
เบาะโดง มาจากภาษาถิ่น (เขมร) เบาะโดง มาจากคำ 2 คำคือ เบาะ =ตำ,ป่น และ โดง = มะพร้าว มีต้นกำเนิดมาจากบ้านทนมีย์ ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า แต่เดิมเป็นพื้นที่ ที่มีต้นมะพร้าวจำนวนมาก จึงนำมาแปรรูปเป็นอาหาร เบาะโดงจึงเป็นน้ำพริกประจำถิ่น ที่ใช้เนื้อมะพร้าวแก่ขูดแล้วคั่วให้สุก หอมได้ที่ก็นำมาตำให้ละเอียดกับเครื่องปรุงน้ำพริกอื่นๆ เช่น กระเทียม พริก ปลาร้า ปลาทู ทานกับข้าวสวย พร้อมผักพื้นบ้านในท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามเมนูเบาะโดง เป็นเมนูโบราณของพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์ ที่ถูกลืมเลือน หรือลืมรสชาติไปบ้างแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีการปรับสูตรที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน และหารับประทานได้ยาก แต่สามารถทำตามที่บ้านได้ง่ายๆ หากท่านที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านเทนมีย์ ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ส่วนผสม ข้าวต้มมัด สูตรโบราณ
กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี
ข้าวเหนียว 500 กรัม
หัวกะทิ 400 กรัม
ถั่วดำ 50 กรัม
น้ำตาลทราย 175 กรัม
เกลือ 9 กรัม (1 2/3 ช้อนชา)
วิธีทำ ข้าวต้มมัด สูตรโบราณ
นำข้าวเหนียวล้างทำความสะอาด แช่น้ำอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ส่วนถั่วดำนำแช่น้ำข้ามคืน
นำถั่วดำมาสะเด็ดน้ำจากนั้นต้มในน้ำเดือดจนถั่วดำสุกนิ่มตามต้องการ นำมาพักไว้
นำข้าวเหนียวมาสะเด็ดน้ำพักไว้ ตามด้วยหัวกระทิ เกลือ นำไปผัดด้วยไฟกลาง จนกระทิงวดแห้งและเคลือบข้าวเหนียวดี
4.จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไป ผัดจนน้ำตาลทรายละลาย และข้าวเหนียวใสด้านนอกและยังเป็นไตด้านใน พักรอให้คลายร้อนเตรียมกล้วย จากนั้นนำไปห่อ (วิธีห่อดูได้ในคลิป)
6.ตั้งน้ำให้เดือดจัดได้ที่ นำข้าวต้มมัดลงไปต้ม พยายามจัดให้ข้าวต้มมัดเป็นแนวตั้งไว้
ใช้เวลาต้มประมาณ 1.30 ชั่วโมง ด้วยไฟแรงตลอด เมื่อครบเวลาแล้วนำขึ้นมาพักให้เย็น เป็นอันเสร็จ
Report abuse
Page details
Page updated
Report abuse