ที่เที่ยวสุรินทร์ ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน อีสานใต้ ที่ต้องไปเที่ยวชม ด้วยความงดงามของทั้งโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย รวมไปถึงธรรมชาติ ไม่ว่าใครที่ได้เห็น ต่างก็ต้องอยากมาเยือนอีกหลายๆ ครั้งแน่นอน เลยรวม 16 ที่เที่ยวสุรินทร์ เอาไว้ให้ทุกคนตามไปเที่ยวกัน
ทะเลสาบทุ่งกุลา หนึ่งในโครงการแก้มลิง เป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เอาไว้ใช้กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร เมื่อก่อนนั้นบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ จะเป็นบริเวณแห้งแล้งมาก แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ มีน้ำใสสีฟ้า เหมือนน้ำทะเลเลย ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนกับแหล่งพักผ่อนริมชายหาดของ สุรินทร์ เลยค่ะ
อีกแหล่งที่เที่ยวของ สุรินทร์ ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น ทะเลสุรินทร์ ก็คือ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง นี้นั่นเองค่ะ เป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมมา เล่นน้ำกัน และนั่งรับประทานอาหารชิลๆ กันค่ะ อีกทั้งยังมีพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย ที่เที่ยวใจกลางเมือง พักผ่อนชิลแบบนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้วนะคะ
ปราสาทศีขรภูมิ เป็นปราสาทหินอายุกว่าพันปี ที่มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมขอมโบราณ ในสมัยนครวัด มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ปราสาทระแงง ซึ่งเมื่อก่อนนั้นที่นี่ น่าจะเป็นเทวสถานเพื่อบูชาพระศิวะ เทพเจ้าแห่งศาสนาฮินดูนั่นเองค่ะ โดยมีลักษณะเด่นก็คือ ปรางค์ 5 องค์ ที่ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง และ ภาพสลักนางอัปสรถือดอกบัว ที่คล้ายกับนครวัดใน ประเทศกัมพูชา ค่ะ เป็นอีกจุดเช็คอินของ สุรินทร์ ต้องห้ามพลาดจริงๆ ค่ะ
โลกของช้าง หรือ หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง แห่งนี้ จะเรียกว่าเป็นไฮไลท์ชื่อดังของ สุรินทร์ ก็ว่าได้ เพราะที่นี่จะมี พิพิธภัณฑ์ช้าง หรือ Elephant Museum ให้เราได้ไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนและช้างกันค่ะ ซึ่งความพิเศษของที่นี่คือมีดีไซน์หน้าตาสวยงามอย่างมาก แบบที่ว่าหาที่ไหนไม่ได้แล้วค่ะ มุมสวยสุดๆ ถ่ายรูปออกมาดีมากๆ อีกทั้งยังได้เจอน้องช้างด้วย เป็นอีกที่เที่ยวที่อยากให้ลองมาเที่ยวชมกันดูค่ะ
หนึ่งใน โบราณสถาน ของ สุรินทร์ ก็ต้องที่นี่เลย กับ กลุ่มปราสาทตาเมือน ที่มี ปราสาทตาเมือนธม อยู่หนึ่งในนั้น โดยจะเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือนเลย มีศิวลึงค์ประดิษฐานเอาไว้โดยตกแต่งมาจากแท่งหินทรายธรรมชาติ ซึ่งภายหลังต่อมาก็มีการสร้างปราสาทครอบเอาไว้นั่นเองค่ะ ใครชอบชมความงดงามเก่าแก่ของโบราณสถาน ก็น่ามาเยือนที่นี่อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ
วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย หรือ เขาสวาย เป็นบริเวณของภูเขา 3 ลูกติดต่อกัน ที่มีชื่อว่า ยอดเขาชาย (พนมเปราะ) ยอดเขาหญิง (พนมสรัย) และ เขาคอก (พนมกรอล) โดยแต่ละยอดเขาก็จะมีที่เที่ยว จุดเช็คอินต่างๆ ทั้ง พระพุทธสุรินทรมงคล เป็นพระพุทธรูปสีขาวปางประทานพร สระน้ำโบราณ ศาลาอัฏฐะมุข อนุสรณ์แห่งการฉลองครบรอบ 200 ปี ของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นต้น
หมู่บ้านผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง หรือที่รู้จักกันในชื่อของ หมู่บ้านทอผ้าเอเปค เพราะที่นี่ได้รับการคัดเลือก เพื่อนำไปตัดเสื้อผู้นำและผ้าคลุมไหล่คู่สมรสผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปคในปีพ.ศ. 2546 นั่นเองค่ะ โดยมีชื่อเสียงในเรื่องของ “ผ้าไหมทอหนึ่งพันสี่ร้อยสิบหกตะกอ” ซึ่งเป็นผลงานศิลปหัตถกรรมของกลุ่มทอผ้าไหมยกทองโบราณนี้ เป็นการทอผ้าที่มีลวดลายโดดเด่นสวยงาม ผสมผสานระหว่างลายของการทอสลับซ้อนดิ้นทองแบบราชสำนักกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน ทำให้กลายมาเป็นผ้าไหมยกทองโบราณที่มีความอ่อนช้อยวิจิตรงดงามนั่นเองค่ะ
ผามะนาว ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง เป็นลักษณะของหน้าผาเรียบสูงชันทอดยาวไปตามสันเขาพนมดงรัก ไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ที่ยามเช้าค่ะ เพราะเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากหลังภูเขา ส่องแสงผ่านป่า และมีหมอกจางๆ กับอากาศเย็นๆ บอกได้เลยว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยอันซีนมากจริงๆ ค่ะ
วัดช้างหมอบ หรือ วัดมงคลคชาราม เป็นวัดที่หลวงพ่อพวนเกจิชื่อดังจำพรรษาอยู่ และยังถือว่าเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองสุรินทร์อีกด้วย เพราะมีความสวยงดงาม และยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติของทั้งภูเขาและป่าไม้เอาไว้อีกด้วย ทำให้ที่นี่เหมาะที่จะมาปฎิบัติธรรมอย่างมากค่ะ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่องค์ปรางค์ ที่มีความวิจิตรงดงามมาก ตกแต่งด้วยลายไทยและขอม เป็นการผสมผสานแนวคิดของพระธาตุพนมกับนครวัดเข้าด้วย อีก วัดสวย ที่ต้องมาสักการะกันเลยค่า
ศาลหลักเมืองสุรินทร์ เป็นศาลหลักเมืองสวยๆ ที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเขมรและศิลปะแบบไทยเข้าไว้ด้วยกันค่ะ เกิดเป็นศาลหลักเมืองที่มีความสวยงดงามและยิ่งใหญ่อลังการแห่งนี้ อีกทั้งในอดีตยังเคยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือมีรอยแยกบนพื้นถนน ทำให้มีการขุดลงไปพบพระพุทธรูปนาคปรกและวัตถุโบราณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระเครื่องดินเผา กำไลโบราณ และ เครื่องปั้นภาชนะดินเผา ที่นำไปบูชาภายในศาลหลักเมืองอีกด้วยค่ะ
ปราสาทบ้านพลวง เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นมาตามแบบศิลปะบาปวน สร้างจากหินทรายสีขาวบนฐานศิลาแลง มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ แผนผังปราสาทจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ว่ากันว่าน่าจะตั้งใจสร้างให้มีปราสาท 3 องค์อยู่บนฐานเดียวกัน แต่น่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมา ทำให้การสร้างปราสาทชะงักไปนั่นเองค่ะ เหลือแค่เพียงเท่าที่เห็นเท่านั้น แต่ก็ยังมีความงดงามอย่างมาก โดยเฉพาะภาพแกะสลัก ซึ่งภาพส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของเทพปกรณัมในลัทธิไศวะนิกายนั่นเองค่ะ
วัดบูรพาราม นับว่าเป็นวัดเก่าแก่กลางเมืองของ สุรินทร์ เลยค่ะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวสุรินทร์ โดยสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี มีอายุประมาณ 200 ปี ซึ่ง พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์ จางวาง หรือ (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกนั้น เป็นผู้ร่วมมือกันสร้างกับชาวบ้าน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2300-2330 นั่นเองค่ะ และมีการประดิษฐาน หลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุรินทร์เอาไว้ด้วย
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า วัดเขาศาลา นั้น เป็นพุทธอุทยานแห่งแรกของไทย รวมถึงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งของ สุรินทร์ นั่นเองค่ะ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ รูปปั้นของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และพระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์ พระพุทธรูปปางนาคปรกขนาดใหญ่สีทองอร่าม เป็นต้น รวมถึงมีจุดชมทิวทัศน์สวยๆ ที่สามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำบ้านจรัสและทิวเขาพนมดงรักซึ่งเป็นแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชาได้แบบงดงามอีกด้วยค่ะ
วัดโคกตะเคียน แห่งนี้ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2510 เดิมนั้นมีชื่อว่า วัดตะเคียนทอง ภายในมี พระธาตุเจดีย์สีทอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ค่ะ รวมถึงมีเจดีย์ขนาดลดหลั่นกันไปล้อมรอบ 4 ทิศด้วยกัน และล้อมด้วยเจดีย์เล็กเป็นชั้นๆ ไป โดยมีการบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษเอาไว้โดยรอบทั้งหมดกว่า 101 เจดีย์ ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของวัดเลยทีเดียวค่ะ
ปราสาทช่างปี่ เป็นอโรคยศาล หนึ่งในจำนวน 102 แห่ง ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณสร้างขึ้นนั่นเองค่ะ มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยนผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย อีกทั้งยังมีการพบโปราณวัตถุจำนวนมากด้วยค่ะ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีการนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ อีกส่วนก็เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านช่างปี่ค่ะ ถือได้ว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของสุรินทร์อย่างมากจริงๆ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของ สุรินทร์ ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบันค่ะ ภายในจะแบ่งนิทรรศการแสดงออกเป็น 5 เรื่องด้วยกัน คือ ธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์โบราณคดี ประวัติศาสตร์เมือง ชาติพันธุ์วิทยา และ มรดกดีเด่นประจำจังหวัด เป็นหนึ่งในคลังประวัติศาสตร์ของจังหวัดเลยค่ะ ใครชอบเที่ยวสไตล์นี้ บอกเลยว่าทำให้นึกถึงเวลาดูหนังสมัยเก่าๆ แบบนั้นเลยทีเดียว