เจ้าคณะอำเภอไชยปราการ และเจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเป็นผู้ที่มีบทบาทในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น โครงการปลูกป่า, โครงการอบรมธรรมะแก่เยาวชนและผู้สูงอายุ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง

ภูมิปัญญาด้าน : ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม 

เป็นเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ยึดหลักการผลิตข้าวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่พึ่งพาสารเคมี มีประสบการณ์ตรงในการปรับปรุงดินและการจัดการน้ำตามหลักการทำโคก หนอง นาโมเดล เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่เกษตรกรรุ่นใหม่ในชุมชนเป็นแบบอย่างของการทำเกษตรที่ยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 

ภูมิปัญญาด้าน : การทำนาเกษตรอินทรีย์ตามแนวทางของโคก หนอง นา โมเดล การจักสานงานศิลป์ใบมะพร้าว

ได้รับรางวัลพระราชทานผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัดเพชรบูรณ์ปี 2558 

ภูมิปัญญาด้าน : วรรณกรรมและพิธีกรรมล้านนา  ศิลปะการแสดงทางภาคเหนือ นิทานพื้นบ้าน 

    ห้องสมุดประชาชนอำเภอไชยปราการ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการศึกษาตามอัธยาศัยโดยมีการนำนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ/สำนักงานสกร./สำนักงาน สกร.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติการ  มีการนำแนวคิดเชิงระบบ ( System Concept - IPO) มาใช้ในกระบวนการทำงาน มีการเก็บข้อมูลย้อนกลับ ประเมินผลความพึงพอใจของผู้รับบริการ เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาปรับปรุง การจัดกิจกรรมให้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการมากที่สุด 

 สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ที่จำลองบรรยากาศแบบญี่ปุ่นมาไว้ในประเทศไทย ด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและทิวทัศน์ที่สวยงาม ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโดยไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ 

 อินทผลัมไทยที่เป็นผลงานการผสมพันธุ์ฝีมือของเกษตรกรไทยนามว่า ดร.ศักดิ์ ลำจวน หรือที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ รู้จักในนามของ โกหลัก เป็นศิษย์เก่าแม่โจ้รุ่นที่ 36 และเพื่อเป็นเกียรติแด่สถาบันการศึกษา จึงได้ตั้งชื่อว่า พันธุ์ KL1 (maejo36) ซึ่งต้องใช้เวลานาน  กว่าจะสำเร็จได้สายพันธุ์ที่แน่นอนและคงที่ อินทผลัมไทยพันธุ์นี้ ให้ผลผลิตในระยะเวลา เพียง 3 ปี  บางพื้นที่ 1 - 2 ปีเริ่มให้ผลแต่ในต่างประเทศต้องใช้เวลาถึง 7 - 10 ปี ให้ผลดกทั้งผลดิบและผลสุก เก็บไว้รับประทานได้นาน เป็นไม้มงคลและไม้ประดับได้สวยงาม 

เกิดจากการรวมกลุ่มของกลุ่มสตรีบ้านปงตำที่มีความชื่นชอบในงานหัตถกรรมด้านการจักสาน โดยการรวมกลุ่มเข้ารับการฝึกอบรมจาก ศกร.ระดับตำบลปงตำ และมีการรวมกลุ่มในการสานดอกไม้จากตอกไม้ไผ่ ลวดลาย ชนิดต่าง ๆ เพื่อการจำหน่าย และพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง  จนกลายมาเป็นอาชีพ 

เกิดจากการรวมกลุ่มของกลุ่มสตรีแม่บ้าน เพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น พริก หอม เป็นอาหารที่คนในท้องถิ่นสามารถนำมาบริโภคได้ วิธีการทำไม่ ยุ่งยาก สามารถหาวัตถุดิบได้ง่าย จึงได้รวมกลุ่ม และของบประมาณจากหน่วยงานราชการ เช่น พัฒนาชุมชน กศน.  เพื่อเป็นต้นทุนในการดำเนินการ รวมทั้งสนับสนุนวิทยากรที่มีความรู้ความชำนาญตามหลักสุขอนามัยที่ดี 

ในชุนบ้านโป่งจ๊อกเก่า มีความสามารถด้านการตีมีด เพื่อใช้ในบ้านของชนเผ่าลาหู่ การส่งเสริมสนับสนุนด้านการถ่ายทอดของนายจะจ๋อ จะลา มีการสอนการตีมีดเพื่อใช้ในบ้านของชนเผ่าลาหู่ ให้กับนักเรียน ชาวบ้านที่สนใจ โดยจะทำการสอนที่บ้าน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ศศช.บ้านโป่งจ๊อกเก่า ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียน ศึกษาค้นคว้าจากทักษะการตีมีด เพื่อไว้ใช้งานในบ้านของชนเผ่าลาหู่บูรณาการวิชาเรียนเสริมความรู้อย่างต่อเนื่อง 

เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง สร้างขึ้นนำไปใช้ในการเกษตร และการบริโภคของพื้นที่ตำบลแม่ทะลบ มีการทำประมง เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว และเป็นสถานที่ตกปลาของเหล่านักตกปลา 

เป็นฝายลูกที่ 2 ในลุ่มแม่น้ำฝาง ฝายเชียงหมั้นช่วยแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการทั้งระบบในลำน้ำฝาง ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย เพิ่มประสิทธิภาพในการส่งน้ำ ในพื้นที่ อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่โดยมีพื้นที่รัประโยชน์ในช่วงฤดูฝนประมาณ 44,079 ไร่ในฤดูแล้งประมาณ 26,500 ไร่

    เป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านหัตกรรมเครื่องปั้นดินเผา ที่ส่งเสริมและอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมด้านการปั้นเครื่องปั้นดินเผา ที่สวยงาม จัดเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 

  ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1599  ในสมัยพระเจ้าพรหมหาราช  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงสถาปนาสร้างเมืองไชยปราการ  ซึ่งได้รกร้างมีป่าไม้แดงขึ้นปกคลุมอยู่ แต่มีสภาพซากวัดเก่าปรักหักพังคงเหลือแต่หลักฐานบางอย่างปรากฎอยู่ เช่นซากฐานก้อนอิฐที่จมอยู่ใต้พื้นดิน

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2515  พระครูประดิษฐ์พรหมคุณ (หลวงพ่อบุญเย็น ฐานธมฺโม)  เจ้าอาวาสวัดสุปัฎนาราม เจ้าคณะตำบลปงตำ ในขณะนั้น ไดันำคณะศรัทธาสาธุชนภายในหมู่บ้านป่าไม้แดง และหมู่บ้านใกล้เคียง เข้าพัฒนาสถานที่วัดร้างที่ปกคลุมด้วยป่าไม้แดง  ได้สร้างราชานุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราชขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่พระเจ้าพรหมมหาราช  วีรกษัตริย์ผู้ทรงสถาปนาสร้างเมืองไชยปราการ  และได้จัดตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์โดยใช้ชื่อว่า” สำนักสงฆ์พระเจ้าพรหมมหาราช”  โดยมีท่านพระครูประดิษฐ์พรหมคุณ เป็นเจ้าสำนักสงฆ์รูปแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2515 - 2534  

จนกระทั้งปี พ.ศ. 2533 ได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔  แห่งระเรียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการยกวัดร้างเป็นวัดมีพระสงฆ์  พุทธศักราช  ๒๕๑๔  ได้ประกาศให้เป็นวัดมีพระสงฆ์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม  พ.ศ.2533  โดยให้ชื่อว่า  “ วัดป่าไม้แดง”  โดยมีท่านพระครูดวงคำ  ฐานนิสฺสโร  ในขณะนั้น หรือท่านพระครูสถิตธรรมาภิรักษ์ องค์ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดงรูปแรก, และได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่วันที่ 20  มีนาคม  พ.ศ.2534  จนถึงปัจจุบัน

เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานในถ้ำ มีพื้นที่ร่มรื่น สงบ ร่มเย็นมีมหาเจดีย์อรุสรณ์ พิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร หลวงปู่บุญจันทร์ จนทวโร สร้างเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือน ของหลวงปู่บุญจันทร์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานและเป็นสถานที่เก็บของใช้ส่วนตัวของหลวงปู่ ท่านเป็นนักปฏิบัติสายพระอาจารย์มั่น ถือว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ  

ภายในบริเวณวัดร่มรื่น มีหอพระไตรปิฎกสร้างอยู่กลางน้ำ สิ่งสำคัญในวัดคือถ้ำตับเตา มีขนาดเล็กกว่าถ้ำเชียงดาว แต่มีความสวยงามไม่แพ้กันสักการะศาสนสถานโบราณที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี

วัดถ้ำตับเตา เป็นชื่อที่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า ดับเต้า คือหมายถึง ดับขี้เถ้า ที่เกิดจากการเผาไหม้ของป่าด้วยไฟ ทั้งนี้เมื่อเรียกกันนานๆ ก็เพี้ยนไปเป็นตับเตาคนในภาคอื่นไม่ทราบความหมายเรียกขานว่า        ถ้ำตับเต่า ซึ่งมีความหมายไปอีกอย่างหนึ่ง คือตับของสัตว์ชนิดหนึ่ง ส่วนคำว่า ตับเตา เพี้ยนมาจากคำในภาษาพูดของคนในภาคเหนือที่ว่า ดับเต้า คือดับขี้เถ้า

 เป็นเทือกเขา สลับซับซ้อนเทือกเขาวางตัวในแนวทิศเหนือ – ใต้ เป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดเชียงใหม่ –เชียงราย  มียอดดอยสูงสุดคือ ดอยเวียงผา มีความสูง 1,834 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง         พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าต้นน้ำลำธาร และแหล่งกำเนิดของลำห้วย ใหญ่ ๆ ต้นกำเนิดของแม่น้ำฝางและเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำลาว อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มนำแม่ฝางท้องที่ตำบลศรีดงเย็น ตำบลแม่ทะลบ อำเภอไชยปราการ ท้องที่ตำบลแม่ข่า ตำบลแม่คะ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 

ในเขตอุทยานแห่งชาติตามระดับความสูงของพื้นที่ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สัก ยาง ประดู่ ตะแบก เต็ง รัง จำปีป่า สนสามใบ ก่อชนิดต่างๆ มอส เฟิร์น กล้วยไม้ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้ที่สำคัญและหายากของเมืองไทยอาทิ เช่น มณฑาดอย กุหลาบพันปี กายอม  สามารถพบเห็นได้บนยอดดอยเวียงผา