4.1 ความเป็นมาและความสําคัญ
วิทยาลัยอาชีพปราจีนบุรีเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านวิชาชีพ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ การยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เป็นแบบอย่างที่ดี (Best Practice) จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้สถานศึกษาสามารถผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้
จากความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนโยบายของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่ต้องการพัฒนาอาชีวศึกษาให้มีมาตรฐานสูงขึ้น วิทยาลัยจึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใช้แนวทาง Best Practice เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน การบริหารจัดการ และการพัฒนาทักษะของนักเรียน นักศึกษา
4.2 วัตถุประสงค์
4.2.1 พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
4.2.2 เสริมสร้างทักษะอาชีพและทักษะชีวิต ให้กับนักเรียน นักศึกษา เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.2.3 ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและภาคอุตสาหกรรม ในการฝึกงานและพัฒนาหลักสูตร
4.2.4 พัฒนาระบบบริหารจัดการของสถานศึกษา ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถวัดผลได้
4.2.5 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
4.3 กรอบแนวคิด (ถ้ามี)
4.4 วิธีการดําเนินงาน
- ปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย โดยอิงตามมาตรฐานอาชีวศึกษาและความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
- ใช้เทคนิคการสอนแบบ Active Learning เช่น Project-Based Learning (PBL) และ Work-Based Learning (WBL)
- จัดให้มีการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์และ e-Learning
- จัดอบรมพัฒนาครูให้สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการสอน
- ส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนาสื่อการสอนที่ทันสมัย
- ให้นักเรียน นักศึกษาฝึกงานกับสถานประกอบการที่เป็นพันธมิตรของวิทยาลัย
- จัดโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจและฝึกอบรมทักษะอาชีพเพิ่มเติม
- พัฒนาระบบบริหารงานภายในให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสามารถประเมินผลได้
- จัดทำรายงาน Self-Assessment Report (SAR) และนำผลมาพัฒนาคุณภาพการศึกษา
- ทำ MOU กับบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาหลักสูตรและฝึกงาน
- ส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาชุมชน เช่น โครงการฝึกอบรมอาชีพให้กับประชาชน
4.5 ผลการดําเนินงาน
คุณภาพการเรียนการสอนดีขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเรียนการสอน นักเรียนนักศึกษามีความพร้อมต่อการทำงาน มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน อัตราการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษาสูงขึ้น เนื่องจากมีความร่วมมือกับสถานประกอบการ สถานศึกษามีระบบบริหารจัดการที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ตามเกณฑ์ของการประกันคุณภาพ วิทยาลัยเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ได้รับรางวัลหรือการรับรองมาตรฐานต่างๆ
4.6 ประโยชน์ที่ไดรับ
- นักเรียน นักศึกษามีทักษะที่ตรงกับตลาดแรงงาน มีโอกาสได้งานทำสูงขึ้น
- ครูและบุคลากรได้รับการพัฒนาศักยภาพ สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสอนได้ดีขึ้น
- วิทยาลัยมีความร่วมมือกับภาคเอกชนและชุมชนมากขึ้น ช่วยสร้างโอกาสให้กับนักเรียน นักศึกษา
- ระบบบริหารจัดการภายในมีความเป็นระบบ โปร่งใส และสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง
แนวทาง Best Practice ของวิทยาลัยการอาชีพปราจีนบุรีมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานอาชีวศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถและทักษะที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน โดยเน้นการปรับปรุงหลักสูตร การเรียนการสอน การฝึกงาน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
ขั้นตอนการพัฒนาคุณภาพงานประกันคุณภาพภายใน
การพัฒนารูปแบบการบริหารงานประกันคุณภาพภายในของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบดังนี้
B = Base การวิเคราะห์/ จัดทำข้อมูลพื้นฐานงานประกันคุณภาพภายในของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย
1. วิเคราะห์ความต้องการจำเป็น
2. วิเคราะห์ข้อมูลด้านงานประกันคุณภาพภายในของวิทยาลัยในปีที่ผ่านมา
P = Plan การวางแผนการประกันคุณภาพภายในและการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย
1. กำหนดมาตรฐานคุณภาพการศึกษา
2. จัดทำคู่มืองานประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา
3. การจัดทำโครงการในแผนปฏิบัติการประจำปีที่สอดคล้องกับงานประกันคุณภาพการศึกษา
A = Assessment การดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในตามแผนการประเมินตามมาตรฐานและการกำกับติดตาม
1. การปฏิบัติงานตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของสถานศึกษา
2. กำกับติดตาม ผลการดำเนินงานตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษา
3. การส่งเสริมการใช้สื่อเทคโนโลยี (ICT)
4. การสนับสนุนการจัดทำสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน
S = Share vision การร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ / ร่วมยินดีระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และภาคีเครือข่าย โดยใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา สนับสนุน ตรวจสอบ และมีส่วนร่วม”
1. การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย
2. ปรับปรุง แก้ไข ติดตาม ตรวจสอบ การปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพการจัดการศึกษา
3. การนำผลการประเมินไปพัฒนา
4. การยกย่องชมเชย
5. การจัดแสดงผลงาน
6. การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษา