การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามทฤษฎีพหุปัญญา โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
The Development of a Learning Management Model Based on Multiple Intelligences Theory Using Inquiry-Based Learning to Enhance Career Skills for Upper Secondary School Students.
การจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 นั้น เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการผู้เรียนตามศักยภาพและคาวมถนัดของตนเอง ทั้งผู้เรียนที่มุ่งความเป็นเลิศเฉพาะทางในด้านวิชาการ และมีทางเลือกสำหรับผู้เรียนที่ต้องการสร้างเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตในสังคม
การศึกษาเกี่ยวกับรัฐศาสตร์เบื้องต้น เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม การจัดการเรียนการสอนรัฐศาสตร์เบื้องต้นในปัจจุบันมักประสบกับปัญหาความน่าสนใจของเนื้อหาและความเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรียน ทำให้นักเรียนจำนวนมากมองไม่เห็นประโยชน์ของการเรียนรู้ในรายวิชานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต ความท้าทายประการหนึ่งคือการออกแบบการเรียนรู้ที่สามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน
ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence Theory) นำเสนอโดย Howard Gardner ได้เสนอแนวคิดว่ามนุษย์มีความสามารถทางปัญญาที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงความสามารถทางภาษาและตรรกะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถด้านอื่นๆ เช่น ด้านดนตรี ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านการเข้าใจตนเอง ด้านธรรมชาติวิทยา และด้านการดำรงคงอยู่ของชีวิต การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดพหุปัญญาจึงเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความแตกต่างด้านพหุปัญญาของผู้เรียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง
การพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 ต้องการแรงงานที่มีทักษะหลากหลาย ทั้งทักษะ ทางวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะวิชาชีพ การบูรณาการการพัฒนาทักษะอาชีพเข้าไปในการเรียนการสอนรายวิชาต่างๆ จึงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน
งานวิจัยนี้จึงมุ่งพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีคำถามวิจัยว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ จะส่งผลต่อการเรียนรู้ และส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างไร
จากเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษา พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎี พหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร อีกทั้งการศึกษาในครั้งนี้เพื่อ เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 ให้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
1. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน และ
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ปัจจัยนำเข้า (Input) ประกอบด้วย:
ทฤษฎีพหุปัญญา 8 ด้าน ของ Howard Gardner ได้แก่ ปัญญาด้านภาษา ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านดนตรี ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านความเข้าใจระหว่างบุคคล ด้านความเข้าใจตนเอง และด้านธรรมชาติ
เนื้อหารัฐศาสตร์เบื้องต้นตามหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
กระบวนการ (Process) แสดงขั้นตอนการดำเนินการวิจัย:
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ วิเคราะห์สภาพปัญหา ออกแบบและพัฒนารูปแบบ ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทดลองใช้รูปแบบ และประเมินผลและปรับปรุง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น โดยจัดกิจกรรมตามความถนัดทางปัญญาและบูรณาการทักษะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับรัฐศาสตร์
ผลลัพธ์ (Output) ที่คาดหวังจากการวิจัย:
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชารัฐศาสตร์เบื้องต้น
ทักษะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับรัฐศาสตร์
ความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนรู้
การวัดและประเมินผล โดยใช้เครื่องมือวิจัยที่หลากหลาย:
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบประเมินทักษะอาชีพ
แบบประเมินความพึงพอใจ
การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้รูปแบบการวิจัยแบบเชิงปฏิบัติการ โดยมีระเบียบวิธีการดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มเป้าหมายสำหรับงานวิจัยนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง
2. เครื่องมือการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่
2.1 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเมืองการปกครองไทย แผนการการจัดการเรียนรู้เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ โดยใช้การจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะ (5E) ร่วมกับทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ จำนวน 1 แผน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง
2.2 แบบวัดความสามารถทางพหุปัญญา เป็นแบบวัดแบบมีตัวเลือก 4 ตัวเลือก จำนวน 32 ข้อ
2.3 ใบกิจกรรม 4.1-4.3 เป็นแบบอัตนัยขยายความสอดแทรกการส่งเสริมความถนัดด้านพหุปัญญา
2.4 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี 4 เป็นแบบปรนัยแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ
2.5 แบบประเมินสังคมมิติ เป็นแบบอัตนัยจำกัดคำตอบ จำนวน 8 ข้อ
2.6 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามวิธีของลิเคริท
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.1. จัดการเรียนรู้โดยผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนด้วยตนเอง ตามแผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ระหว่างการจัดการเรียนรู้ผู้วิจัยให้ผู้เรียนทำแบบวัดความสามารถทางพหุปัญญาและให้มีการวัดและประเมินผล 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ โดยการตรวจสอบใบกิจกรรมที่ 4.1 ด้านทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตการนำเสนอกิจกรรมที่ 4.2 และด้านคุณลักษณะ โดยสังเกตนำเสนอกิจกรรมที่ 4.3 และแบบประเมินสังคมมิติ
3.2. หลังการจัดการเรียนผู้วิจัยดำเนินการทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบ
หลังเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างและพัฒนาขึ้นแล้วนำมาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติเพื่อทดสอบสมมติฐาน
3.3 หลังจากดำเนินการทดสอบหลังเรียน ผู้วิจัยให้ผู้เรียนทำแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ แล้วนำมาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียน
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ และประมวลผลโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้โปรแกรมสำเร็จในการคำนวณค่าทางสถิติโดยมี ขั้นตอนดังนี้
4.1 การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนวัชรวิทยา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
4.2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การทดสอบค่าที (t-test for dependent sample)
4.3 ศึกษาความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ตามทฤษฎีพหุปัญญา เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 ด้วย การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้รัฐศาสตร์เบื้องต้นตามทฤษฎีพหุปัญญา เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะ (5E) ร่วมกับทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ ผู้วิจัยได้นำคะแนนของนักเรียนจากการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจโดยให้นักเรียนตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ แล้วนำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
1) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนวัชรวิทยา จำนวน 40 คน ได้ผลดังตารางที่ 1
จากตาราง 1 คะแนนจากการจัดกิจกรรมระหว่างเรียนโดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีคะแนนเฉลี่ย = 28.83 คิดเป็นร้อยละ 96.08 และคะแนนที่ได้จากการสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้รูปแบบการเรียนรู้รัฐศาสตร์เบื้องต้นตามทฤษฎีพหุปัญญา เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ย = 17.45 คิดเป็นร้อยละ 87.25 แสดงว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 40 คน มีประสิทธิภาพ E1/E2 = 96.08/87.25 สูงกว่าเกณฑ์ (80/80) ที่ตั้งไว้
2) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 40 คน โดยการทดสอบด้วยค่า (t–test for Dependent Samples) ได้ผลดังตารางที่ 2 -3 ดังนี้
จากตารางที่ 2 พบว่า คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนนรู้โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 40 คน มีค่าเฉลี่ยคะแนนทดสอบก่อนเรียน x ̅ = 11.24 , S.D. = 1.64 ส่วนการทดสอบหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย x ̅ = 17.45 , S.D. = 1.44 ผลรวมของความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน มีค่า D = 247 และค่า D2 = 1,667 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยค่า t – test ปรากฏผลการวิเคราะห์ในตารางที่ 2 ดังนี้ df = 39 ค่า t – test ที่ .05 = 1.75 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
จากตารางที่ 3 พบว่า เมื่อตรวจสอบความแตกต่างของคะแนนการทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วย t – test พบว่า ค่าสถิติทดสอบ t = 20.48 ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จึงกล่าวได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
3) ผลการศึกษาความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 ผู้วิจัยได้นำคะแนนของนักเรียนจากการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจโดยให้นักเรียนตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ แล้วนำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ได้ผลดังตารางที่ 4
จากตารางที่ 4 ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 เรื่อง การบริหารรัฐแนวใหม่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 40 คน โดยภาพรวม พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก (x ̅ = 4.48 , S.D. = 0.48) สำหรับรายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ท่านได้รับโอกาสในการใช้ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และการสื่อสารมากขึ้นจากการเรียนในรูปแบบนี้ (x ̅ = 4.85 , S.D. = 0.44 ) รองลงมา ท่านรู้สึกว่าการเรียนการสอนแบบนี้ช่วยให้สามารถทำงานเป็นกลุ่มและแก้ปัญหาได้ดีขึ้น คือ (x ̅ = 4.80 , S.D. = 0.51) และกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นพหุปัญญาส่งเสริมให้ท่านสามารถพัฒนาทักษะด้านอาชีพได้ (x ̅ = 4.80 , S.D. = 0.51) ตามลำดับ
จากการจัดการเรียนรู้กิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า
1) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนวัชรวิทยา จำนวน 40 คน โรงเรียนวัชรวิทยา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 มีประสิทธิภาพ E1/E2 =…96.08/87.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ (80/80) ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากแผนการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะ (5E) ร่วมกับทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน 1 แผน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง ได้ผ่านกระบวนการสร้างอย่างมีระบบและมีวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งจุดเด่นของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E คือ การเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับ กุลิสรา จิตรชญาวณิช (2565, น.120-123) ที่พบว่า เป็นการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบเป็นการฝึกทักษะการคิดในระดับสูง และการเรียนรู้แบบสืบเสาะ 5 ขั้นตอน สามารถกระตุ้นความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับงานวิจัยของ ศิรประภา วงษ์สมศรีและประสพสุข ฤทธิเดช (2566, น.200-210) ที่พบว่า การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เรื่องอารยธรรมตะวันออกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ยโดยรวม เท่ากับ 4.79 และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.75/82.16 ดังนั้นเมื่อนำทฤษฎีพหุปัญญามาผสมผสานจะส่งผลให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความสามารถทางพหุปัญญาของตนเองได้ และเป็นการค้นพบอาชีพของตนเองในอนาคตสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศุภกิตติ สิทธิบุญ, สุดาพร พงษ์พิษณุ และสุพจน์ เกิดสุวรรณ์ (2566, หน้า 84-96) ที่พบว่า กิจกรรมแนะแนวโดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมทักษะชีวิตและอาชีพมีผลต่อเป้าหมายอาชีพในอนาคตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
2) ) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากหลายเหตุผลด้วยกัน คือ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เป็นการเรียนรู้เชิงรุกที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการบูรณาการกับทักษะอาชีพ การเชื่อมโยงการเรียนรู้กับทักษะอาชีพช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งที่เรียน เกิดแรงจูงใจและความหมายในการเรียน สอดคล้องกับผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุมาลี ชัยเจริญ (2557) ที่พบว่าการใช้ทฤษฎีพหุปัญญาในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญ
3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เฉลี่ย 4.80 อยู่ในระดับ มาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้ที่ได้ผ่านการพิจารณาและแก้ไขจาก ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้บทเรียนมีความเหมาะสมกับนักเรียน และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่นักเรียนมี ส่วนร่วมในการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ช่วยสร้างบรรยากาศสำหรับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยให้บรรยากาศในการเรียนเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น และช่วยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ความรู้และทัศนคติระหว่างเพื่อน ซึ่งผลดังกล่าวทำให้เกิดการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสามารถด้านพหุปัญญาของตนและโอกาสการประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด ซึ่งสอดคล้องกับปวีณวัสสา บํารุงอุดมรัชต์ (2564, น.270-272) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ร่วมกับบทเรียนออนไลน์โดยใช้กูเกิลไซต์ เรื่องสมดุลเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที 5/3 นักเรียนมีความพึงพอใจตต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E ร่วมกับบทเรียนออนไลน์โดยใช้กูเกิลไซต์อยู่ในระดับมากที่สุด
จากการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยพบว่า
1) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา รัฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา ส 30225 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนวัชรวิทยา จำนวน 40 คน โรงเรียนวัชรวิทยา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 มีประสิทธิภาพ E1/E2 =…96.08/87.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ (80/80) ที่ตั้งไว้
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน
3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เฉลี่ย 4.80 อยู่ใน
1. ข้อเสนอแนะเพื่อนําผลการวิจัยไปใช้
1.1 ครูผู้สอนควรนําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ และให้ครูผู้สอน นําไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาที่รับผิดชอบต่อไป
1.2 ครูผู้สอนควรส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการคิด การเรียนรู้ การเกิดองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผ่านการกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีหลักการ เกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครูผู้สอนคอยสนับสนุนกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน บรรยากาศในห้องเรียน เช่น การตอบคําถาม การค้นคว้าหาความรู้ การขยายความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
2. ข้อเสนอแนะเพื่อทำการวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการการพัฒนาทักษะความคิด การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ เป็นต้น
2.2 ควรนําการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาโดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ความคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นต้น
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551).หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์แห่งประเทศไทย
กุลิสรา จิตรชญาวณิช. (2565). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปวีณวัสสา บํารุงอุดมรัชต์. (2564).การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) บทเรียนออนไลน์ Google Sitesเรื่องสมดุลเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.(ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต).สาขานวัตกรรมและการจัดการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง
ศิรประภา วงษ์สมศรีและประสพสุข ฤทธิเดช. (2566). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ร่วมกับสื่อสังคมออนไลน์เรื่องอารยธรรมตะวันออกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. วารสารสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 7(3), 200-210
ศุภกิตติ สิทธิบุญ, สุดาพร พงษ์พิษณุ และสุพจน์ เกิดสุวรรณ์. (2566). ผลการจัดกิจกรรมแนะแนวโดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนหอวัง. วารสารการวัดผลการศึกษา สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา, 40(107), 84-96
สุมาลีชัยเจริญ. (2557). การพัฒนารูปแบบการสร้างความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ. ขอนแก่น, คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.