การวิเคราะห์ความต้องการเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารเพื่อให้
ทราบถึงความต้องการใช้งานข้อมูลจากฐานข้อมูลของผู้ใช้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้
วิเคราะห์ฐานข้อมูลจะทำการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลที่อยู่ในระบบ โดยทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ใช้ เพื่อค้นหา
คำตอบของคำถามต่อไปนี้
1. ข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคตประกอบด้วยอะไรบ้าง
2. คุณสมบัติของข้อมูลที่ผู้ใช้แต่ละกลุ่มมองเห็น
3. คีย์หลักที่สามารถใช้เป็นตัวอ้างอิงถึงสมาชิกในข้อมูลแต่ละชุดที่ใช้ในหน่วยงาน
ประกอบด้วยอะไรบ้าง
4. ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลแต่ละชุดเป็นอย่างไร
5. การปฏิบัติการที่จำเป็น เช่น เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ความคงสภาพของ
ข้อมูลเป็นอย่างไร
2.2 การออกแบบฐานข้อมูลในระดับความคิด (Conceptual Database Design)
เป็นการนำเสนอฐานข้อมูลในลักษณะของแผนภาพโดยอาจใช้โมเดลแบบ E-R (Entity
Relationship Model) ซึ่งจะมีการแสดงเอนทิตี้ทั้งหมดที่มี แอททริบิวต์ของแต่ละเอนทิตี้นั้น และ
ความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี้ออกมาในรูปแบบของแผนภาพ E-R Diagram
2.3 การออกแบบฐานข้อมูลในระดับตรรกะ (Logical Database Design)
เป็นการนำผลจากการออกแบบฐานข้อมูลในระดับแนวคิดมาทำการปรับเพื่อให้เหมาะสม
กับรูปแบบฐานข้อมูลที่เลือกใช้ ผลที่ได้จะเป็นเค้าร่างของฐานข้อมูลที่มีรายละเอียดสมบูรณ์ที่สามารถ
นำไปกำหนดภาษาสำหรับนิยามข้อมูล (DDL) ในขั้นตอนการออกแบบในระดับกายภาพได้ ขั้นตอนนี้
จึงเป็นการแปลงผลจากการออกแบบในระดับแนวคิด (Mapping) ให้อยู่ในรูปแบบของระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) ที่เลือกใช้ เช่น รูปแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management Systems :
RDBMS) ในขั้นตอนนี้เป็นการแปลงเค้าร่างในระดับแนวคิดให้เป็นรีเลชั่นที่ประกอบด้วย แอททริบิวต์
รวมถึงการระบุข้อกำหนดต่างๆ ให้กับรีเลชั่น เช่น คีย์หลัก คีย์นอก โดเมนของแอททริบิวต์ และมีการ
ใช้แนวคิดเรื่องการจัดระบบข้อมูลในรูปแบบบรรทัดฐาน (Normalization) เข้ามาช่วยในการ
ออกแบบเพื่อปรับการออกแบบฐานข้อมูลที่เหมาะสม
ปัจจัยที่ใช้ประกอบการเลือกระบบจัดการฐานข้อมูลมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้าน
เทคนิค ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรนั้นๆ ให้ความสำคัญของปัจจัยใดมากกว่ากัน
1) ปัจจัยในการเลือกระบบจัดการฐานข้อมูล
ในการเลือกระบบจัดการฐานข้อมูลที่จะนำ มาใช้ ควรจะคำ นึงถึงต้นทุนและ
ผลประโยชน์ที่จะได้รับว่าคุ้มค่าที่จะนำมาใช้หรือไม่ ปัจจัยด้านต้นทุนที่ควรพิจารณาประกอบด้วย
1) ต้นทุนของซอฟท์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูลนั้นๆ ว่ามีต้นทุนมากน้อยเพียงใด
(2) ต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่จะต้องจัดมาเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการซื้อใหม่ หรือซื้อเพิ่มเติม
จากที่มีอยู่ปัจจุบัน
(3) ต้นทุนในการบำรุงรักษา ซึ่งเป็นต้นเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษา และการ
ปรับระบบฐานข้อมูลให้เป็นรุ่นใหม่ในอนาคต
(4) ต้นทุนด้านบุคลากร เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรที่จะมาทำงาน ไม่ว่าจะเป็น
ผู้จัดการฐานข้อมูล หรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านระบบฐานข้อมูล
(5) ค่าใช้จ่ายในการอบรม มีค่าใช้จ่ายในการอบรมบุคลากรสูงหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไป
บริษัทที่ขายซอฟท์แวร์จะให้บริการด้วยการด้วยการจัดอบรมให้
(6) ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการอื่นๆ เช่น การปรับเปลี่ยนข้อมูลเดิมมาเป็นระบบใหม่
ว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด
2) ปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกระบบจัดการฐานข้อมูล
ในส่วนของปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อใช้ตัดสินใจในการเลือกระบบจัดการฐานข้อมูล
มีดังนี้
(1) โครงสร้างของข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูลที่จะมาใช้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของ
ข้อมูลที่ออกแบบขึ้นมา เช่น ถ้าเป็นรูปแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ระบบจัดการฐานข้อมูลของรูปแบบ
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ควรจะถูกเลือกมาใช้ เช่น ORACLE DB2 My SQL เป็นต้น หากโครงสร้างเป็น
แบบลำดับขั้น ระบบจัดการฐานข้อมูลของรูปแบบลำดับขั้นที่ควรเลือกมาใช้ เช่น IMS เป็นต้น
(2) ความคุ้นเคยของบุคลากรต่อระบบจัดการฐานข้อมูล หากบุคลากรด้าน
คอมพิวเตอร์ หรือผู้ใช้ในบริษัทมีความคุ้นเคยกับระบบจัดการฐานข้อมูลบางประเภท ก็อาจให้การ
เรียนรู้ใหม่ทำได้เร็วขึ้น
(3) การบริการของผู้ขาย ในการที่จะเลือกซื้อระบบจัดการฐานข้อมูลจากผู้ขายรายใดจะต้องคำนึงถึงบริการของผู้ขาย
ทั้งในด้านการช่วยแก้ปัญหา การอบรม และการบริการหลังการขาย
เป็นต้น
(4) ความสามารถและประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ ของระบบจัดการฐานข้อมูลนอกจาก
สามารถช่วยในการจัดการฐานข้อมูลทั่วไป หากระบบจัดการฐานข้อมูลนั่นๆ มีประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ
มากก็จะเป็นประโยชน์ในการทำงานมากขึ้น เช่น การสร้างรายงานใหม่ ซอฟท์แวร์ด้านการสื่อสาร
การสร้างกราฟต่างๆ การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาเฉพาะของระบบจัดการฐานข้อมูลนั้นๆ เป็นต้น
เมื่อขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสิ้นลง ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการสร้างรายละเอียดต่างๆ
ของฐานข้อมูลที่ถูกออกแบบ เช่น ฐานข้อมูลนั้นๆ มีรีเลชั่นอะไร แต่ละรีเลชั่นประกอบด้วยแอททริ
บิวต์อะไร ผู้ใช้คนใดมีสิทธิ์ใช้ข้อมูลในระบบได้มากน้อยเพียงใด เป็นต้น โดยรายละเอียดเหล่านี้จะถูก
เก็บไว้ในพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือ แสดงรายละเอียดของระบบที่
ผู้บริหารฐานข้อมูลหรือผู้ใช้สามารถเรียกดูได้
2.4 การออกแบบฐานข้อมูลในระดับกายภาพ (Physical Database Design)
การออกแบบในระดับกายภาพเป็นการนำข้อมูลที่ออกแบบในระดับตรรกะ มากำหนดโครงสร้างของข้อมูล
การจัดเก็บ (Storage) และวิธีการเข้าถึงข้อมูล (Access Method) ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วย เป็นขั้นตอนการออกแบบ