เขตเทศบาล 04
เขตเทศบาล 07
และเขตเทศบาล 08
ประวัติโรงเรียน
“เบ็ญจะมะมหาราช” ชื่อที่ไม่เหมือนใคร และต่างจากโรงเรียนที่ชื่อขึ้นต้นด้วย “เบญจ” ทั้งหลาย เป็นโรงเรียนเดียวในประเทศไทยที่ต่อท้ายด้วย “มหาราช” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษตามที่กรมวิชาการกำหนดว่า Benchama Maharat School โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ตั้งขึ้นตอนปลายสมัยรัชกาลที่ 5
เมื่อ พ.ศ. 2439 พระญาณรักขิต ( พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ จันทร์ สิริจันโท ) ได้มอบหมายให้ พระมหาอ้วน ติสโส ( สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดบรมนิวาส ) และคณะทำการรวบรวมอุปกรณ์การศึกษาจากกรุงเทพมหานคร นำมาที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเปิดสอนที่วัดสุปัฏนารามวรมหาวิหาร โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2440 ชื่อว่า “โรงเรียนอุบลวิทยาคม” เป็นอาคารไม้สองชั้นอยู่ทางทิศใต้ของตัววัดติดถนนพรหมราช เปิดสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 รับนักเรียนทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ชาย ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานทรัพย์จำนวน 10 ชั่ง เพื่อเป็นทุนในการใช้จ่ายในการเรียนการสอน โดยมีพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสาน เป็นผู้แทนพระองค์ทรงนำมามอบให้ ต่อมาโรงเรียนอุบลวิทยาคมมีจำนวนนักเรียนมากขึ้น ทางราชการซึ่งมีพระยาศรีธรรมศกราช ( ปิ๋ว บุญนาค ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุบลราชธานีในขณะนั้น ดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชหลังแรก ในปี พ.ศ. 2458 โรงเรียนหลังใหม่ที่แยกมาจากโรงเรียนอุบลวิทยาคมหลังนี้ การก่อสร้างใช้ช่างแรงงานของนักโทษในเรือนจำอุบลราชธานี สร้างเป็นโรงเรียนด้วยโครงไม้ทั้งหมด ตัวอาคารมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยด้านทิศตะวันตกและด้านทิศตะวันออกยาวกว่าด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นโรงเรือนชั้นเดียว ใต้ถุนเตี้ยสูงประมาณ 1 เมตร มี 8 ห้อง นับว่าเป็นโรงเรียนที่ใหญ่โตของมณฑลอุบลราชธานีในสมัยนั้น เมื่อโรงเรียนได้สร้างเสร็จเรียบร้อย ได้ประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2458 โดยพระยาศรีธรรมศกราช ได้ทูลเชิญ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ เสนาธิการทหารบกเป็นประธานเปิดและได้ประทานนามโรงเรียนว่า “ โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลอุบลราชธานี เบ็ญจะมะมหาราช” เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ดังนั้นโรงเรียนจึงถือเอาวันที่ 28 กันยายน ของทุกปีเป็น “วันสถาปนาโรงเรียน” ที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานีมีความภาคภูมิใจเนื่องจากมีโรงเรียนเดียวในประเทศไทยที่ชื่อโรงเรียนต่อท้ายด้วยคำว่า “ มหาราช”
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชหลังที่สอง ในปี พ.ศ. 2477 เนื่องจากโรงเรียนหลังแรกได้ขยาย ชั้นเรียนและโรงเรียนได้รับนักเรียนมากขึ้นทำให้สถานที่คับแคบ ต่อมาจังหวัดได้งบประมาณ 4 หมื่นบาท ในสมัยนั้นนับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก ชาวเมืองอุบลราชธานีจึงนำมาสร้างโรงเรียนในเนื้อที่ 40 กว่าไร่ ทิศเหนือจดถนนเบ็ญจะมะ-วัดไชยมงคล ทิศใต้จดถนนศรีณรงค์และที่ดินนางสิน สิงห์ไกร ตะวันออกจดถนนอุปราช ทิศตะวันตกจดลำรางสาธารณะประโยชน์ อาคารอยู่ตรงกลางเนื้อที่ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก อาคารโรงเรียนเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ตั้งอยู่บนฐานที่ก่อด้วยซีเมนต์ ด้านหน้ามีมุข 3 มุข เรียงกัน หลังคาเป็นกระเบื้อง เมื่อสร้างเสร็จ พระสารศาสน์ประพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นมาเป็นประธานในพิธีเปิด ต่อมา พ. ศ. 2480 อาจารย์น้อม วนะรมย์ อาจารย์ใหญ่ได้นำต้นไทรมาปลูกไว้หลังโรงเรียนโดยให้นักเรียนทุกคนร่วมปลูกและได้กล่าวว่า “ลูกเบ็ญจะมะทุกคนคือลูกไทรงาม” และกลายเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียน สำหรับตราประจำโรงเรียนนั้น เมื่อแรกอาจารย์น้อมท่านได้กำหนดตราให้เป็นรูปต้นไทร มีอักษร “ร” เกี่ยวที่ลำต้นไทร มีเลข “๕” อยู่ด้านล่างมีรัศมีกระจายเป็นวงรอบ ต้นไทร มีชายผ้าเป็นธงปลาย 2 แฉก เขียนตรงกลางว่า “ เบ็ญจะมะมหาราช” ไว้ด้านล่าง ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงออกแบบให้เข้ากับสมัยโดยเปลี่ยนเป็นพระมหาพิชัยมงกุฏครอบเลข “๕” ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวจนทุกวันนี้ ส่วนสีธงของโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชนั้น เดิมมีการแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนต่างๆสมัยนั้นยังไม่มีอัฒจันทร์สำหรับนั่งดูกีฬา โรงเรียนจึงได้ทำธงสามเหลี่ยม 2 ผืน ผืนหนึ่งสีเขียว อีกผืนหนึ่งสีแดง นำไปปักไว้เป็นเขตดูกีฬา กำหนดให้นักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชต้องเข้าไปยืนดูอยู่ระหว่างธง 2 ผืนนี้ ธงสีเขียวแดงจึงกลายมาเป็นสีของโรงเรียนจนถึงปัจจุบันนี้
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชหลังที่สาม ณ ที่ตั้งปัจจุบัน ในปี พ.ศ.2511-2512 นายพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น ได้ตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยบอกว่าจะสร้างศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่มาปักหมุดวางผังบริเวณเสาธงและสนามฟุตบอลของโรงเรียน ต่อมาทางการได้อนุมัติเงินงบประมาณ 11 ล้านบาทเศษ สำหรับสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ เพื่อให้โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชย้ายไปอยู่ที่บ้านท่าวังหิน ตำบลปทุม (ตำบลในเมืองในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ แปลงเลขที่ 1776 ในเนื้อที่ 150 ไร่ 15.9 ตารางวา ตั้งอยู่เลขที่ 600 ถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี อาณาเขตทิศเหนือจรดบ้านพักอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ทิศใต้จรดถนนสรรพสิทธิ์ ทิศตะวันออกจรดซอยชื่นจิต ทิศตะวันตกจรดถนนหน้าที่ทำการสำนักงานประปาอุบลราชธานี แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งแปลง เนื่องจากทิศตะวันออกมีการบุกรุกเพื่ออยู่อาศัยของชุมชน โรงเรียนคงเหลือเนื้อที่ประมาณ 125 ไร่เศษ ได้ทำการก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อยและได้ย้ายนักเรียนจากโรงเรียนหลังเก่ามาเรียนในที่แห่งใหม่นี้ในปี พ.ศ. 2516 ในนาม”โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช”ตามเดิม มีนายอภัย จันทรวิมล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นมาเป็นประธานในพิธีเปิดเริ่มโครงการโรงเรียนมัธยมแบบประสม จึงได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน อาคารประกอบ ครบถ้วนตามแผนการจัดชั้นเรียน โรงเรียนหลังที่สามนี้ มีบริเวณกว้างขวางมาก มีอาคารเรียน หอประชุม ศูนย์กีฬา โรงอาหารและอาคารประกอบอื่นๆเป็นจำนวนมาก “โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช” ชื่อนี้ไม่เหมือนใคร และต่างจากโรงเรียนที่ขึ้นต้นด้วย “เบญจ” ทั้งหลายก็ด้วยถือเอาตามลายพระหัตถ์ที่สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ได้ประทานนามไว้เมื่อปี พ.ศ.2458 และเป็นโรงเรียนเดียวที่ต่อท้ายด้วย”มหาราช”ในประเทศไทย และใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษตามที่กรมวิชาการกำหนด ให้ใช้ในการออกเอกสารใบรับรองผลการเรียนว่า Benchama Maharat School เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แด่องค์ผู้ประทานนาม ทางโรงเรียนจึงกำหนดชื่ออาคารเรียนต่างๆตามพระนามของพระองค์ ดังนี้ “มหาราช”คืออาคารเรียนวิทยาศาสตร์ “จักรพงษ์” คือ อาคารเรียนที่ 1 “ภูวนาถ” คือ อาคารเรียนที่ 2 “ปิยะ”คือ อาคารเรียนที่ 3 “ประขานาถ” คือ อาคารเรียนที่ 4 “สิรินธร” คือ อาคารเรียนที่ 5 (นามพระราชทาน) สถานที่แห่งใหม่นี้โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารโรงเรียนมาหลายท่านจนมาถึงปัจจุบันคือนายนพรัตน์ ทองแสง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการคนปัจจุบัน
พ.ศ.2527 ได้รับรางวัล “โรงเรียนพระราชทาน ขนาดใหญ่พิเศษ ครั้งที่ 1”
พ.ศ.2538 ได้รับรางวัล “โรงเรียนพระราชทาน ขนาดใหญ่พิเศษ ครั้งที่ 2”
พ.ศ.2543 เป็นโรงเรียนนำร่องการปฏิรูปการเรียนรู้ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติและเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกของศูนย์ สอวน. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พ.ศ.2544 เป็นโรงเรียนผู้นำการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เข้าร่วมโครงการห้องเรียนสีเขียวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และเป็นสมาชิกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย
พ.ศ.2545 เป็นโรงเรียนแกนนำการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 และ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2545 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดพระบรมราชา นุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และอาคาร “สิรินธร”
พ.ศ.2546 เป็นโรงเรียนแกนนำร่วมพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นสมาชิกศูนย์ความเข้าใจอันดีระหว่างชาติ (CIU : Center for International Understanding ; Thai UNESCO club)
พ.ศ.2547 ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รอบที่ 1) จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)
พ.ศ.2549 ได้รับรางวัล “โรงเรียนพระราชทาน ขนาดใหญ่พิเศษ ครั้งที่ 3”
พ.ศ.2552 ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รอบที่ 2) จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และเข้าร่วมโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ.2553 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล
พ.ศ.2555 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนที่มีศักยภาพสูง (Premiun School)
พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัล “โรงเรียนรางวัลพระราชทาน ครั้งที่ 4”
พ.ศ. 2558 ผ่านการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบ 3 ด้วยผลการประเมินระดับ ดีมาก
พ.ศ. 2558 ได้รับรางวัลการบริหารจัดการศึกษาด้วยระบบคุณภาพตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่ง สพฐ. (OBECQA)
พ.ศ. 2559 ได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนต้นแบบการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการเรียนรู้ “พลเมืองดี วินัยเด่น” ตามแนวคิด STAR STEMS โดยคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการเรียนรู้ ในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
พ.ศ. 2561 ได้รับคัดเลือก “สถานศึกษาต้นแบบ” ในงานมหกรรมนวัตกรรมการศึกษา Innovation & Education Expo 2019
พ.ศ. 2561 ผ่านการตรวจสอบและยกระดับคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับ 2 ดาว
พ.ศ. 2561 รางวัลโรงเรียนแม่ข่าย โครงการปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ สู่ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ปีการศึกษา 2560 - 2561 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. 2561 สถานศึกษาที่ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาประสบผลสำเร็จ ประจำปี พ.ศ.2561 ด้านการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ระดับ ดีเด่น
พ.ศ. 2561 สถานศึกษาที่มีระบบและกลไกการบริหารจัดการคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา เพื่อการประกันคุณภาพ ระดับ ยอดเยี่ยม ประเภทสถานศึกษา ขนาดใหญ่พิเศษ ( IQA AWARD ) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประจำปี 2561 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. 2562 สถานศึกษาที่มีระบบและกลไกการบริหารจัดการคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา เพื่อการประกันคุณภาพ ระดับ ยอดเยี่ยม ประเภทสถานศึกษา ขนาดใหญ่พิเศษ ( IQA AWARD ) ระดับชาติ ประจำปี 2562 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ.2562 ได้รับรางวัลสถานศึกษายอดเยี่ยม ประเภทมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ด้านวิชาการ ชนะเลิศระดับทอง จากรางวัลทรงคุณค่า สพฐ. OBEC AWARDS ครั้งที่ 9 ปีการศึกษา 2562 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อาณาเขตโรงเรียน
- ทิศเหนือ (ด้านหลัง) จรดบ้านพักอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
- ทิศใต้ (ด้านหน้า) จรดถนนสรรพสิทธิ์
- ทิศตะวันออก จรดซอยชื่นจิต
- ทิศตะวันตก จรดถนนหน้าที่ทำการประปา