นักปรัชญาจีนท่านหนึ่งได้กล่าวไว้นานแล้วว่า คนเราต้องไขว่ คว้าหาสายรุ้งของตนเองเอาไว้ให้ได้ คำกล่าวนี้มีเพิ่มเติมว่า สายรุ้งของแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มนั้น หมายถึงความคิดและความต้องการที่แตกต่างกันแต่ อยู่รวมกันในท้องฟ้าอันกว้างไกลที่แต่ละกลุ่มต้องไขว่คว้ามาให้ได้ เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพของกลุ่มของตน บางทีคำพูดอันมีค่านี้อาจเป็นแนวความคิดอันหนึ่งที่ท้าชวนให้ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่กลุ่มหนึ่งก่อตัวรวมกันขึ้นมาในปี พ.ศ. 2512 ทุกคนมีเข็มมุ่งที่จะไขว้คว้าหาสายรุ้งที่กว้างไกลออกไปกว่าสายรุ้งเส้นที่เล็กและสั้นที่รัฐได้หยิบยื่นให้เราในขณะนั้น กล่าวคือ เราไม่ปรารถนาที่จะพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนเอกชนเพียงให้รัฐรับรองว่าเป็นแค่ "โรงเรียนราษฎร์รับรองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล"
ตามศักดิ์และสิทธิ์ที่เราได้รับในขณะนั้น ซึ่งมีความหมายว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่เป็นโรงเรียนเอกชนได้รับนั้นอย่างสูงที่สุด คือ แค่เสมอหรือเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล ไม่ว่าเราจะทำดีหรือเก่งแค่ไหน เท่าที่เป็นอยู่โรงเรียนรัฐบาลต้องมาก่อน หรือมาอันดับหนึ่ง ส่วนโรงเรียนเอกชนนั้นถ้าไม่ถูกกำหนดให้ตามโรงเรียนรัฐบาลก็เพียงแค่เคียงบ่าเคียงไหล่กับโรงเรียนรัฐบาลเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เราจึงพยายามไขว่คว้าหาสายรุ้งที่เราปรารถนามาให้ได้ ความคิดของเราที่หลากหลายแตกต่างกันในตอนแรกมาสะดุดหยุดลงตรงกันที่ว่า หากเราสามารถรวมตัวกันได้ในรูปแบบของสมาคมโรงเรียนเอกชนในเชียงใหม่ ซึ่งรวมเอกสถานศึกษาเอกชนทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงระดับอาชีวศึกษา ให้เคียงบ่าเคียงไหล่ หรือเหนือกว่าโรงเรียนรัฐบาลในส่วนที่เป็นจุดเด่นของแต่ละโรงเรียน ซึ่งนับเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และสอดคล้องกับสังคมเสรีประชาธิปไตยที่ประเทศไทยเราครองอยู่ในปัจจุบัน และนี่คือส่วนสำคัญอันเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ เปรียบเสมือนสายรุ้งสายใหม่ที่เราไขว่คว้ามาได้
ด้วยจุดหมายและปณิธานร่วมกัน ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนกว่าหกสิบคนจึงนัดพบปะกันเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2513 ที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ซึ่งมี ดร.จำรูญ ไชยลังการณ์ เป็นประธานชั่วคราว ที่ประชุมมีมติเลือกกรรมการบริหารสมาคมขึ้นชุดหนึ่งประกอบด้วย
ดร.จำรูญ ไชยลังการณ์ นายกสมาคม
อาจารย์ประสาท จินตสิริ อุปนายกคนที่ 1
อาจารย์สุนทร ศิวิลัย อุปนายกคนที่ 2
อาจารย์ประยูร วีณะคุปต์ อุปนายกคนที่ 3
อาจารย์มรกต สุวรรณชิน เหรัญญิก
อาจารย์สมปรารถนา บุณยเกียรติ ผู้ช่วยเหรัญญิก
อาจารย์มานิตย์ ขันธสีมา ปฏิคม
อาจารย์สมบูรณ์ กันทะปา กรรมการ
อาจารย์กาลันต์ กรโกวิท กรรมการ
อาจารย์ทองพันธ์ ภัคเกษม กรรมการ
อาจารย์ดนัย วรรณสุคำ กรรมการ
อาจารย์วิเชียร พันธ์ประไพ กรรมการ
อาจารย์เสงี่ยม ไชยโรจน์ กรรมการ
อาจารย์รัถยา ไชยวุฒิ กรรมการ
อาจารย์อำพัน ปัทมอดิสัย กรรมการ
อาจารย์สุธี พิ่งหิรัญ กรรมการ
อาจารย์ประเสริฐ ธนาฤทธิ์ กรรมการและเลขานุการ
ที่ประชุมกำหนดนโยบายกว้างๆ ให้กรรมการดำเนินการยื่นเรื่องราวขอนุญาตจดทะเบียนตั้งสมาคมและจัดกิจกรรมในทางสร้างสรรค์ที่จะเป็นไปในทางร่วมมือกับทางจังหว้ดเป็นการแบ่งเบาภาระของทางจังหวัดจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างโรงเรียนเอกชนด้วยกัน และอื่นๆ ที่เป็นเป็นความอยู่รอดของโรงเรียนเอกชน ตลอดจนการร่วมแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของโรงเรียนเอกชนทั้งหมดหรือแต่ละโรงเรียน
งานชิ้นแรกที่กรรมการจัดทำคือ ดำเนินการยื่นขออนุญาตจดทะเบียนก่อตั้งสมาคม ซึ่งได้ดำเนินเรื่องไปในปี 2513 นั้นเอง มีการตรวจสอบแบบฟอร์การอนุญาต และนำเรื่องมาแก้ไข กลับไป กลับมา 2-3 ครั้ง ประกอบกับมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อติดตามเรื่องในตอนหลัง ได้รับรายงานว่าเรื่องขออนุญาตตกหล่นสูญหายไป ขอให้กรรมการดำเนินเรื่องไปใหม่ ทำให้เรื่องการยื่นขออนุญาตชะงักไป และมาสำเร็จเอาในตอนหลัง ในสมัยคณะกรรมการบริหารชุดต่อมา
แต่เดิมนั้นรัฐปรับเงินเพิ่มแก่ครูโรงเรียนรัฐบาลคนละ 200 บาทต่อเดือน แต่ไม่จ่ายให้ครูของโรงเรียนเอกชน และไม่ยอมให้โรงเรียนเอกชนปรับอัตราค่าเล่าเรียนใหม่ เจ้าของโรงเรียนเอกชนจึงได้รับความเดือนร้อนต้องหาเงินพิเศษมาจ่ายให้ครูของตนระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเมษายน ซึ่งเป็นระยะภาคเรียนที่ 2 ที่ยังไม่อยู่ในภาวะที่จะปรับค่าเล่าเรียน ในเรื่องที่คณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายารัฐมนตรีในขณะนั้น และทำสำเนาส่ง ส.ส. ทุกคนเพื่อขอสนับสนุนซึ่งในที่สุดการร้องเรียนก็ได้สำเร็จ
ซึ่งแต่เดิมทางจังหวัดถือว่าการเปิดสอนฤดูร้อนเป็นการเพิ่มภาระด้านการเงินผู้ปกครองแต่จากการหยั่งเสียงผู้ปกครองแทบทุกคนเต็มใจรับภาระนี้ เพื่อความสะดวกของผู้ปกครอง คณะกรรมการฯ ได้ทำหน้าที่ประสานระหว่างจังหวัด ผู้ปกครอง และโรงเรียนจนเป็นผลสำเร็จ และทางจังหวัดได้ยกเลิกคำสั่งนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่เดิมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรระดับอนุบาล ประถม มัธยม หรือรายวิชา เช่นวิชาศิลปะ เป็นต้น ทางจังหวัดจะส่งเจ้าที่จากเขตการศึกาา หรือครูกรมสามัญศึกษาไปอบรมที่กรุงเทพฯ เพียง 1-2 คน เพื่อให้ตัวแทนครูแต่ละโรงกลับไปให้การอบรมครูของตนที่เหลืออีกต่อไป นับเป็นการไม่สะดวกและไม่คล่องตัวในการทำงานงานสมาคมตระหนักในเรื่องนี้ดี จึงเรียกร้องไปยังกรมเจ้าสังกัด ให้จัดส่งวิทยากรมาอบรมรวมในครั้งเดียวรวมกันทั้งหมด ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือและการตอบสนองเป็นอย่างดี
มาชี้แจงเกี่ยวกับระเบียบเงินอุดหนุนทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง แทนการส่งเจ้าหน้าของโรงเรียนไปรับการชี้แจงที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางโรงเรียนโดยไม่จำเป็น
6.1 งานวันครูเอกชน แยกมาทำต่างหาก
6.2 งานกีฬาครูเอกชน
6.3 งานศิลปหัตถกรรม
6.4 งาน 5 ธันวามหาราช
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในสมัยกรรมการชุดบุกเบิก ซึ่งกรรมการชุดนี้ได้พ้นหน้าที่ไปหลักจากที่ได้บริหารงานมาด้วยดีเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยมีการสับเปลี่ยนกรรมการบางท่านบ้าง เราไม่ได้เล็งผลเลิศว่าทุกอย่างจะสำเร็จลงได้ต่อหน้าต่อตาเรา แต่เราทำด้วยความกล้าหาญ และบริสุทธิ์ใจ และตราบใดที่เราสามารถรวมตัวกันได้ และตั้งอยู่บนพลังแห่งความสามัคคีแล้วเราเชื่อมั่นว่า วันนี้คือ วันเริ่มต้น วันหน้าคือ ความสำเร็จที่เราภูมิใจ ขอให้ช่วยรักษาสายรุ้งที่ตกทอดมานั้นให้คงอยู่ต่ไปนานชั่วนานเท่านาน จากข้อความ ความเป็นมาดังกล่าวข้างต้น เป็นบทความ และคำบอกเล่า โดย ดร.จำรูญ ไชยลังการณ์ ซึ่งมีความเป็นมาและต่อเนื่องดังนี้
อาจารย์จำรูญ ไชยลังการณ์ ได้รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนได้มีระเบียบให้ทุกจังหวัดจัดตั้งโรงเรียนเอกชนจังหวัดละ 1 แห่ง จึงมีการเลือกประธานชมรมและจัดตั้งกรรมการชุดใหม่ ดังนี้
อาจารย์สมปรารถนา บุญเกียรติ ประธานกรรมการ
อาจารย์อารีย์ วีระพันธ์ กรรมการ
อาจารย์สุธี พึ่งหิรัญ กรรมการ
อาจารย์พัลลภ วินิจ กรรมการ
อาจารย์มานิตย์ ขันธสีมา กรรมการ
คณะกรรมการชุดนี้ก็ได้สานฝันในการไขว่คว้าสายรุ้งนั้นมาให้ กล่าวคือ ในที่สุดสิ่งที่เรารอรอยก็มาถึง นั้นคือ ใบอนุญาตจัดตั้งให้เป็นสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ดังนั้นกรรมการชุดนี้จึงเป็นกรรมการก่อตั้งสมาคมตามนิตินัยอ่างเป็นทางการ และได้มีการเลือกนายกสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ คนที่ 1 และตั้งกรรมการชุดแรก ดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี
ในยุคนี้เป็นยุคแห่งความก้าวหน้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ สมาคมได้ดำเนินการรวบรวม เชิญชวนโรงเรียนเอกชนทุกระดับในจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกทั้งหมด (ในยุคแรกเป็นการรวมตัวเฉพาะกลุ่มโรงเรียนเอกชนในอำเภอเมือง) ให้เป็นปึกแผ่นมีพลังในการช่วยเหลือเกื้อกูกันในการพัฒนายกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนต่างๆ ของทุกระดับทั้งในอำเภอเมือง และอำเภอรอบนอกอย่างใกล้ชิด เป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานของส่วนรวมหรือของแต่ละโรงเรียน เราก็ถือเสมือนว่าเป็นโรงเรียนเอกชนด้วยกัน เป็นโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง ร่วมมือร่วมใจการสนับสนุนส่งเสริมทั้งโรงเรียนเล็ก และโรงเรียนใหญ่ ได้มีการจัดทำระเบียบตราสารของสมาคมฯ และจัดโครงการบริหารงานแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ มีนโนบายและแผนปฏิบัติงานประจำปีของสมาคมที่แน่นอนที่สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของรัฐและความต้องการของสมาชิก ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารงานของสมาคม
ปี พ.ศ. 2563 มีการแก้ไขชื่อสมาคมจากเดิมคือ "สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่" เป็น "สมาคมสถานศึกษาเอกชนจังหวัดเชียงใหม่" ใช้ชื่อย่อ สศอ. ชม. มีชื่อเป็นภษาอังกฤษว่า "Chiang Mai Private Education Institution Association" ใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า CM.P.Ed ทั้งนี้เพราะคำว่าสถานศึกษามีความหมายกว้างกว่าโรงเรียน ซึ่งจะครอบคลุ่มถึงวิทยาลัยอาชีวศึกษาและสถาบันการศึกษานอกระบบ รวมทั้งมีการแก้ไขตราสัญลักษณ์สมาคม ดังนี้
ตราสัญลักษณ์เดิม
ตราสัญลักษณ์ใหม่